木下 来依良
KMI Commu
(ตอบช้าค่ะ มาๆหายๆบ้าง)
Story: #KMIraira_story
https://bit.ly/3A7P7Y4
”หนู…ขอคิดดูอีกทีนะคะ“
ไรระรู้ว่าตัวเองได้ประโยชน์ แต่ในมุมมองคนที่ต้องจ่ายเงินคงไม่ได้ง่ายดาย
เธอก็ยังเป็นภาระของใครสักคนอยู่วันยันค่ำ
คิดได้แบบนั้นก็ผงกศีรษะเร็วๆ ก้าวถอยหลังราวกับถูกเรื่องเมื่อครู่ตบหน้าจนมึน ลืมเรื่องกะทำงานที่ขอตอนแรกไปแล้วด้วยซ้ำ
“ไปก่อนนะคะ อายานามิซัง เอ่อ คุณเจ้าของร้าน…”
”หนู…ขอคิดดูอีกทีนะคะ“
ไรระรู้ว่าตัวเองได้ประโยชน์ แต่ในมุมมองคนที่ต้องจ่ายเงินคงไม่ได้ง่ายดาย
เธอก็ยังเป็นภาระของใครสักคนอยู่วันยันค่ำ
คิดได้แบบนั้นก็ผงกศีรษะเร็วๆ ก้าวถอยหลังราวกับถูกเรื่องเมื่อครู่ตบหน้าจนมึน ลืมเรื่องกะทำงานที่ขอตอนแรกไปแล้วด้วยซ้ำ
“ไปก่อนนะคะ อายานามิซัง เอ่อ คุณเจ้าของร้าน…”
ไรระกะพริบตา แขนเสื้อเปียกซับหัวตาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่นัยน์ตากลมแดงจะมองสบตาอย่างไม่เข้าใจ
“หนูทำงานแลกกับเงินนะคะ อายานามิซัง“
เธอแค่พูดไปตามที่คิดในใจ แต่กลับฟังดูเป็นประโยคย้ำเตือนสถานะกลายๆ
ไรระกะพริบตา แขนเสื้อเปียกซับหัวตาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่นัยน์ตากลมแดงจะมองสบตาอย่างไม่เข้าใจ
“หนูทำงานแลกกับเงินนะคะ อายานามิซัง“
เธอแค่พูดไปตามที่คิดในใจ แต่กลับฟังดูเป็นประโยคย้ำเตือนสถานะกลายๆ
เธอมองอาจารย์ตรงหน้ากินอาหารบนโต๊ะ รู้สึกอัศจรรย์ใจกับปริมาณที่อีกฝ่ายกินเข้าไป
“อาจารย์ทานเยอะแต่ว่ารูปร่างสมส่วนดีมากเลยนะคะ”
ความคิดเห็นอย่างใสซื่อที่ติดคำวิจารณ์เชิงศิลปะเข้าไปด้วยนิดหน่อย
เธอมองอาจารย์ตรงหน้ากินอาหารบนโต๊ะ รู้สึกอัศจรรย์ใจกับปริมาณที่อีกฝ่ายกินเข้าไป
“อาจารย์ทานเยอะแต่ว่ารูปร่างสมส่วนดีมากเลยนะคะ”
ความคิดเห็นอย่างใสซื่อที่ติดคำวิจารณ์เชิงศิลปะเข้าไปด้วยนิดหน่อย
“บางทีถ้าหนูจำอะไรได้ก็คงดีกว่านี้…“ ไรระพักสูดจมูกฟืด เธอดูใจเย็นเป็นปกติแต่แค่มีน้ำตารื้นขอบตาแดงก่ำ
”ถ้าหนูไปจากที่นี่แล้วเขากลับมาหาหนูไม่เจอล่ะคะ“
“บางทีถ้าหนูจำอะไรได้ก็คงดีกว่านี้…“ ไรระพักสูดจมูกฟืด เธอดูใจเย็นเป็นปกติแต่แค่มีน้ำตารื้นขอบตาแดงก่ำ
”ถ้าหนูไปจากที่นี่แล้วเขากลับมาหาหนูไม่เจอล่ะคะ“
“‘ถ้าไม่กลับมา’ …หมายความว่ายังไงคะ?”
อาจเป็นครั้งแรกที่ไรระกังวลเรื่องอื่นนอกจากเรื่องงาน คุณอาคนนั้นเป็นใครก็ไม่รู้ แต่พอนึกภาพว่าจะไม่มีจดหมายส่งมาอีกแล้วก็รู้สึกมวนท้อง
สีขาวกับสีดำตรงหน้าเลือนผสมเข้าหากันเป็นสีเทา เธอกะพริบตาไล่ความขุ่นมัว แล้วก้อนเมฆสีครึ้มก็หยดลงมาเป็นฝนอาบแก้ม
“‘ถ้าไม่กลับมา’ …หมายความว่ายังไงคะ?”
อาจเป็นครั้งแรกที่ไรระกังวลเรื่องอื่นนอกจากเรื่องงาน คุณอาคนนั้นเป็นใครก็ไม่รู้ แต่พอนึกภาพว่าจะไม่มีจดหมายส่งมาอีกแล้วก็รู้สึกมวนท้อง
สีขาวกับสีดำตรงหน้าเลือนผสมเข้าหากันเป็นสีเทา เธอกะพริบตาไล่ความขุ่นมัว แล้วก้อนเมฆสีครึ้มก็หยดลงมาเป็นฝนอาบแก้ม
”แต่หนูจำสูตรอาหารได้ แล้วก็…จำชื่อคนที่เคยวาดได้หมดเลยนะคะ“
สุ้มเสียงจริงจังขึ้นมาแม้จะไม่ยอมสบตา ”รับรองว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหากับการทำงานค่ะ“
”แต่หนูจำสูตรอาหารได้ แล้วก็…จำชื่อคนที่เคยวาดได้หมดเลยนะคะ“
สุ้มเสียงจริงจังขึ้นมาแม้จะไม่ยอมสบตา ”รับรองว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหากับการทำงานค่ะ“
”คือว่า หนูเสียความทรงจำก่อนหน้านี้ไปน่ะค่ะ“
เธอพูดต่อ ติดขัดเล็กน้อยเพราะข้อมูลไม่เพียงพอ
”พอรู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่เมืองนี้แล้ว เอ่อ หนูจำเรื่องพ่อกับแม่ไม่ได้ มีแค่จดหมายของคุณอาคนนั้นบอกให้ไปโรงเรียน …อ้อ แล้วก็เงินที่ส่งมาให้ทุกเดือนค่ะ“
+
”คือว่า หนูเสียความทรงจำก่อนหน้านี้ไปน่ะค่ะ“
เธอพูดต่อ ติดขัดเล็กน้อยเพราะข้อมูลไม่เพียงพอ
”พอรู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่เมืองนี้แล้ว เอ่อ หนูจำเรื่องพ่อกับแม่ไม่ได้ มีแค่จดหมายของคุณอาคนนั้นบอกให้ไปโรงเรียน …อ้อ แล้วก็เงินที่ส่งมาให้ทุกเดือนค่ะ“
+
“หนูไม่รู้ว่าเขาทำงานอะไรหรอกค่ะ” ไรระส่ายหน้า ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรในเมื่อไม่มีอะไรให้กล่าวถึงตั้งแต่ต้น
“ในจดหมายเขาแทนตัวเองว่าลุง? อา? คงจะเป็นพี่หรือน้องของพ่อล่ะมั้งคะ แต่หนูก็ไม่รู้จักอยู่ดีเพราะว่า… เอ่อ…”
หันไปทางอีกคนคล้ายขอคำยืนยัน
“อายานามิซัง จะไม่ไล่หนูออกใช่ไหมคะ?”
“หนูไม่รู้ว่าเขาทำงานอะไรหรอกค่ะ” ไรระส่ายหน้า ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรในเมื่อไม่มีอะไรให้กล่าวถึงตั้งแต่ต้น
“ในจดหมายเขาแทนตัวเองว่าลุง? อา? คงจะเป็นพี่หรือน้องของพ่อล่ะมั้งคะ แต่หนูก็ไม่รู้จักอยู่ดีเพราะว่า… เอ่อ…”
หันไปทางอีกคนคล้ายขอคำยืนยัน
“อายานามิซัง จะไม่ไล่หนูออกใช่ไหมคะ?”
ไรระรวบช้อนส้อมลง พูด ’ขอบคุณสำหรับอาหาร‘ เบาๆ
“หนูอิ่มแล้วค่ะ” เธอมองอาหารที่เหลือบนโต๊ะ เหลือบมองอาจารย์ฝั่งตรงข้าม รู้สึกผิดแสดงออกทางน้ำเสียง “ขอโทษนะคะที่กินได้นิดเดียว อาจารย์กินต่อไหวรึเปล่าคะ…”
ไรระรวบช้อนส้อมลง พูด ’ขอบคุณสำหรับอาหาร‘ เบาๆ
“หนูอิ่มแล้วค่ะ” เธอมองอาหารที่เหลือบนโต๊ะ เหลือบมองอาจารย์ฝั่งตรงข้าม รู้สึกผิดแสดงออกทางน้ำเสียง “ขอโทษนะคะที่กินได้นิดเดียว อาจารย์กินต่อไหวรึเปล่าคะ…”
“…”
ไรระเงียบลงอีกเพราะไม่รู้เจตนาอีกฝ่าย กอดกระเป๋าแน่นอีกด้วยท่าทางสับสนนิดหน่อย“หรือหนูไม่ควรขอเพิ่มกะทำงาน…รึเปล่าคะ? ขอโทษนะคะ“
เธอคิดอะไรกว้างไกลกว่านั้นไม่ออก แค่สัมผัสได้ว่าเจ้าของร้านดูไม่เห็นด้วยเอาเสียเลย
“…”
ไรระเงียบลงอีกเพราะไม่รู้เจตนาอีกฝ่าย กอดกระเป๋าแน่นอีกด้วยท่าทางสับสนนิดหน่อย“หรือหนูไม่ควรขอเพิ่มกะทำงาน…รึเปล่าคะ? ขอโทษนะคะ“
เธอคิดอะไรกว้างไกลกว่านั้นไม่ออก แค่สัมผัสได้ว่าเจ้าของร้านดูไม่เห็นด้วยเอาเสียเลย
ไม่ใช่ญาติ พ่อ แม่ แต่เป็นแค่ ‘ผู้ปกครอง’
ไรระนิ่งคิดถึงเรื่องเดือนหน้า เดือนหน้าหน้า แล้วก็สรุปเอาเองด้วยน้ำเสียงเหมือนเป็นเรื่องเล็กเสียเหลือเกิน
”แต่เดือนก่อนหนูก็หาค่าห้องเองนะคะ เงินที่ส่งมาลดลงไปเยอะเลย หนูว่าเขาเองก็คงทำงานเหนื่อย เอ่อ ถ้าหนูทำงานเพิ่มขึ้นน่าจะช่วยแบ่งเบาไปได้สักนิด…?“
ไม่ใช่ญาติ พ่อ แม่ แต่เป็นแค่ ‘ผู้ปกครอง’
ไรระนิ่งคิดถึงเรื่องเดือนหน้า เดือนหน้าหน้า แล้วก็สรุปเอาเองด้วยน้ำเสียงเหมือนเป็นเรื่องเล็กเสียเหลือเกิน
”แต่เดือนก่อนหนูก็หาค่าห้องเองนะคะ เงินที่ส่งมาลดลงไปเยอะเลย หนูว่าเขาเองก็คงทำงานเหนื่อย เอ่อ ถ้าหนูทำงานเพิ่มขึ้นน่าจะช่วยแบ่งเบาไปได้สักนิด…?“
ไรระพูดหน้าตาเฉย ดูลำบากใจเรื่องขอเพิ่มกะทำงานมากกว่าเรื่องปัญหาความขัดสนส่วนตัวเสียอีก
”เดือนนี้จ่ายค่าห้องกับค่าแก๊สไปแล้วเลยไม่มีปัญหา แต่เดือนหน้าคงไม่ไหว หนูเลยว่าจะทำงานเพิ่มอีกหน่อย“
เธอรีบพูดเหมือนกลัวโดนดุ “หนูจะไม่ซื้อสีกับแคนวาสเพิ่มแล้วด้วยค่ะ”
ไรระพูดหน้าตาเฉย ดูลำบากใจเรื่องขอเพิ่มกะทำงานมากกว่าเรื่องปัญหาความขัดสนส่วนตัวเสียอีก
”เดือนนี้จ่ายค่าห้องกับค่าแก๊สไปแล้วเลยไม่มีปัญหา แต่เดือนหน้าคงไม่ไหว หนูเลยว่าจะทำงานเพิ่มอีกหน่อย“
เธอรีบพูดเหมือนกลัวโดนดุ “หนูจะไม่ซื้อสีกับแคนวาสเพิ่มแล้วด้วยค่ะ”
แต่ก่อนจะเหม่อลอยไปไกล ไรระก็รีบพาตัวเองกลับเข้าเรื่อง การมีอยู่ของบุคคลที่สามดูไม่ได้สร้างความอึดอัดใจให้เธอเท่าไหร่
”คือ อายานามิซัง…หนูหมายถึง เอ่อ คุณเจ้าของร้าน“ เปลี่ยนคำเรียกทันทีหลังนึกได้ว่าที่นี่ไม่ได้มีอายานามิคนเดียว
”ช่วยเพิ่มกะทำงานให้หนูอีกได้มั้ยคะ…หรือจะให้ทำควบสองกะวันเดียวกันก็ได้ค่ะ”
แต่ก่อนจะเหม่อลอยไปไกล ไรระก็รีบพาตัวเองกลับเข้าเรื่อง การมีอยู่ของบุคคลที่สามดูไม่ได้สร้างความอึดอัดใจให้เธอเท่าไหร่
”คือ อายานามิซัง…หนูหมายถึง เอ่อ คุณเจ้าของร้าน“ เปลี่ยนคำเรียกทันทีหลังนึกได้ว่าที่นี่ไม่ได้มีอายานามิคนเดียว
”ช่วยเพิ่มกะทำงานให้หนูอีกได้มั้ยคะ…หรือจะให้ทำควบสองกะวันเดียวกันก็ได้ค่ะ”
ไรระหยุดปากก่อนจะเผลอพูดธุระของตัวเองออกมา เธอถือกระเป๋าคล้ายกำลังกลับก็จริง แต่ริมแม่น้ำนี่ดูอย่างไรก็ไม่ใช่ทางผ่านเลยสักนิด
”อายานามิซัง…คุยธุระเสร็จแล้วหรอคะ?“
กอดกระเป๋า เหลือบมองทางคนที่ไม่ค่อยคุ้นหน้านิดหน่อยแล้วหลบตา เธอโกหกใครไม่เป็นเสียด้วยสิ
”ฟังดูเป็นเรื่องสำคัญกว่าเรื่องของหนูน่ะค่ะ เอ่อ แต่หนูไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะคะ…“
ไรระหยุดปากก่อนจะเผลอพูดธุระของตัวเองออกมา เธอถือกระเป๋าคล้ายกำลังกลับก็จริง แต่ริมแม่น้ำนี่ดูอย่างไรก็ไม่ใช่ทางผ่านเลยสักนิด
”อายานามิซัง…คุยธุระเสร็จแล้วหรอคะ?“
กอดกระเป๋า เหลือบมองทางคนที่ไม่ค่อยคุ้นหน้านิดหน่อยแล้วหลบตา เธอโกหกใครไม่เป็นเสียด้วยสิ
”ฟังดูเป็นเรื่องสำคัญกว่าเรื่องของหนูน่ะค่ะ เอ่อ แต่หนูไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะคะ…“
“หนูไม่เคยทานอาหารเต็มโต๊ะขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ“ ไรระพูดตามที่นึก
”ตอนล้างจานคงลำบากน่าดูนะคะ“
“หนูไม่เคยทานอาหารเต็มโต๊ะขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ“ ไรระพูดตามที่นึก
”ตอนล้างจานคงลำบากน่าดูนะคะ“
ในแสงสว่างที่ไม่ได้จัดจ้านัก ไรระเห็นเรือนผมสีอ่อนก่อน
“อายานามิซังคะ“
ก่อนจะเห็นสีดำเข้มด้านข้างด้วย ไรระมองคนทั้งสองแล้วนึกถึงจานสีของเธอตอนที่ผสมสียังไม่เข้ากันดีนัก
คนข้างตัวเจ้าของร้านซลอนทีมีตัวตนอยู่เลือนจางในความทรงจำของเธอ เธออาจจำเขาได้ถ้าวาดรูปเขาสักหนหนึ่ง
ธุระที่จะกล่าวถอยกลับเข้าไปในคอด้วยความเกรงใจ “เอ่อ…กำลังยุ่งอยู่สินะคะ…”
ในแสงสว่างที่ไม่ได้จัดจ้านัก ไรระเห็นเรือนผมสีอ่อนก่อน
“อายานามิซังคะ“
ก่อนจะเห็นสีดำเข้มด้านข้างด้วย ไรระมองคนทั้งสองแล้วนึกถึงจานสีของเธอตอนที่ผสมสียังไม่เข้ากันดีนัก
คนข้างตัวเจ้าของร้านซลอนทีมีตัวตนอยู่เลือนจางในความทรงจำของเธอ เธออาจจำเขาได้ถ้าวาดรูปเขาสักหนหนึ่ง
ธุระที่จะกล่าวถอยกลับเข้าไปในคอด้วยความเกรงใจ “เอ่อ…กำลังยุ่งอยู่สินะคะ…”
“…” นิ่งไปสักพัก “อร่อยดีค่ะ”
ปฏิกิริยาทางสีหน้าดูน้อยนิดแต่ดวงตาสีแดงกะพริบถี่ๆ เธอมักทำแบบนี้เวลามีความสุข
“หนูคิดว่าคนทั่วไปทำแบบนี้เวลารีบๆ ซะอีกค่ะ คือ… หนูคิดว่าอาจารย์เองก็น่าจะมีธุระเลย เอ่อ รีบกินนิดหน่อย…”
คำสารภาพที่แท้จริงตามมาทีหลัง
“…” นิ่งไปสักพัก “อร่อยดีค่ะ”
ปฏิกิริยาทางสีหน้าดูน้อยนิดแต่ดวงตาสีแดงกะพริบถี่ๆ เธอมักทำแบบนี้เวลามีความสุข
“หนูคิดว่าคนทั่วไปทำแบบนี้เวลารีบๆ ซะอีกค่ะ คือ… หนูคิดว่าอาจารย์เองก็น่าจะมีธุระเลย เอ่อ รีบกินนิดหน่อย…”
คำสารภาพที่แท้จริงตามมาทีหลัง
“หนูคง เอ่อ กินไม่ถูกวิธี? ใช่มั้ยคะ?“
เลียบๆ เคียงๆ ถามเสียงเบาหวิว ”ขอโทษค่ะ บางทีหนูก็คิดว่าอีกเดี๋ยวมันก็จะลงไปรวมกันในกระเพาะอยู่ดีน่ะค่ะ…“
“หนูคง เอ่อ กินไม่ถูกวิธี? ใช่มั้ยคะ?“
เลียบๆ เคียงๆ ถามเสียงเบาหวิว ”ขอโทษค่ะ บางทีหนูก็คิดว่าอีกเดี๋ยวมันก็จะลงไปรวมกันในกระเพาะอยู่ดีน่ะค่ะ…“
เธอยกมือขึ้นทำรูปทรง “ฉันเคยวาดหนนึงที่ข้างรั้วบ้านสักหลัง เป็นพุ่มๆสวยเชียวค่ะ“
“แต่ฉันวาดคนเป็นส่วนใหญ่ค่ะ”
ไม่พูดเปล่า เด็กสาวหยิบสมุดสเกตช์ขึ้นมา รูปวาดใบหน้าคนด้วยดินสอดำจำนวนมากพร้อมชื่อที่มุมซ้ายล่างกรีดผ่านนิ้ว หยุดที่ใบหน้าหนึ่ง “นี่ไงคะ ฉันเคยวาดรุ่นพี่ด้วยค่ะ”
เธอยกมือขึ้นทำรูปทรง “ฉันเคยวาดหนนึงที่ข้างรั้วบ้านสักหลัง เป็นพุ่มๆสวยเชียวค่ะ“
“แต่ฉันวาดคนเป็นส่วนใหญ่ค่ะ”
ไม่พูดเปล่า เด็กสาวหยิบสมุดสเกตช์ขึ้นมา รูปวาดใบหน้าคนด้วยดินสอดำจำนวนมากพร้อมชื่อที่มุมซ้ายล่างกรีดผ่านนิ้ว หยุดที่ใบหน้าหนึ่ง “นี่ไงคะ ฉันเคยวาดรุ่นพี่ด้วยค่ะ”