“ไว้เสร็จจากตรงนี้แล้วแลกรูปกันเนอะ”
แก้วสีฟ้าใสเงยกลับขึ้นหาม่านดำที่ยังคงแต่งแต้มด้วยหลากแสงสีและเสียง
....และตั้งใจว่าจะเฝ้ามองอยู่อย่างนั้นจนกระทั้งพลุลูกสุดท้ายดับหายไป
“ไว้เสร็จจากตรงนี้แล้วแลกรูปกันเนอะ”
แก้วสีฟ้าใสเงยกลับขึ้นหาม่านดำที่ยังคงแต่งแต้มด้วยหลากแสงสีและเสียง
....และตั้งใจว่าจะเฝ้ามองอยู่อย่างนั้นจนกระทั้งพลุลูกสุดท้ายดับหายไป
เขาโน้มลงมองรูปในจอด้วยใบหน้าที่ยังคงหุบยิ้มไม่อยู่จนเหมือนกรุ้มกริ่มอะไรสักอย่าง
“อื้ม สมแล้วล่ะนะคุณรองประธานชมรมวารสาร“
หลุดเสียงลมหัวเราะเบาพร้อมคำแซว
คงดีแล้วละมั้ง
+
เขาโน้มลงมองรูปในจอด้วยใบหน้าที่ยังคงหุบยิ้มไม่อยู่จนเหมือนกรุ้มกริ่มอะไรสักอย่าง
“อื้ม สมแล้วล่ะนะคุณรองประธานชมรมวารสาร“
หลุดเสียงลมหัวเราะเบาพร้อมคำแซว
คงดีแล้วละมั้ง
+
สายตาหลุดโฟกัสล่อกแล่กยิงคำถามกระเด็นกระดอนในหัวว่าตัวเองกำลังเกร็งอยู่เหรอ แล้วค่อยดึงสติที่เกือบกลายเป็นละอองสะเก็ดดอกไม้ไฟกลับมายามสองนิ้วเหยียดยิ้มให้
และด้วยคำพูดของเด็กสาว รอยยิ้มที่เธอบอกว่าชื่นชอบจึงค่อยแย้มบานบนใบหน้าอีกครั้ง
”อืม ขอบใจนะ“
“ดูโอเคขึ้นรึยัง?”
สายตาหลุดโฟกัสล่อกแล่กยิงคำถามกระเด็นกระดอนในหัวว่าตัวเองกำลังเกร็งอยู่เหรอ แล้วค่อยดึงสติที่เกือบกลายเป็นละอองสะเก็ดดอกไม้ไฟกลับมายามสองนิ้วเหยียดยิ้มให้
และด้วยคำพูดของเด็กสาว รอยยิ้มที่เธอบอกว่าชื่นชอบจึงค่อยแย้มบานบนใบหน้าอีกครั้ง
”อืม ขอบใจนะ“
“ดูโอเคขึ้นรึยัง?”
”อะ...“
ท้องฟ้าปลอดเมฆในดวงตาหลุบลงหาโทรศัพท์ในมือเล็ก เตรียมพร้อมรอถ่ายไม่มีช่องให้ปฏิเสธ...ถึงจะไม่คิดทำเช่นนั้นแต่แรกอยู่แล้วก็ตาม
“รบกวนหน่อยนะ”
คลี่ยิ้มให้กล้องโดยไม่รู้ตัวว่าปมยุ่งเหยิงในใจบั่นทอนสีหน้าที่แสดงออกเป็นประจำดูครึ่งๆ กลางๆ ที่ริมฝีปากบนล่างไม่ผละกัน
”อะ...“
ท้องฟ้าปลอดเมฆในดวงตาหลุบลงหาโทรศัพท์ในมือเล็ก เตรียมพร้อมรอถ่ายไม่มีช่องให้ปฏิเสธ...ถึงจะไม่คิดทำเช่นนั้นแต่แรกอยู่แล้วก็ตาม
“รบกวนหน่อยนะ”
คลี่ยิ้มให้กล้องโดยไม่รู้ตัวว่าปมยุ่งเหยิงในใจบั่นทอนสีหน้าที่แสดงออกเป็นประจำดูครึ่งๆ กลางๆ ที่ริมฝีปากบนล่างไม่ผละกัน
“เพราะนางแบบกับจังหวะได้พอดีไง อ๊ะ ขึ้นอีกลูกแล้ว ดูสิ“
เงยหน้ากลับขึ้นฟ้าหาลูกไฟที่วิ่งย้อนแรงโน้มถ่วง ก่อนจะระเบิดเป็นลวดลายหลากสีเพียงเสี้ยววิหลังสิ้นคำ
และในคืนนี้...ก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าให้แสงสีเหล่านี้สิ้นประกายสุดท้ายในกระจกตาไปด้วยกัน
“เพราะนางแบบกับจังหวะได้พอดีไง อ๊ะ ขึ้นอีกลูกแล้ว ดูสิ“
เงยหน้ากลับขึ้นฟ้าหาลูกไฟที่วิ่งย้อนแรงโน้มถ่วง ก่อนจะระเบิดเป็นลวดลายหลากสีเพียงเสี้ยววิหลังสิ้นคำ
และในคืนนี้...ก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าให้แสงสีเหล่านี้สิ้นประกายสุดท้ายในกระจกตาไปด้วยกัน
“คิดว่าถ่ายออกมาได้สวยใช้ได้เลยล่ะ ฮิโนะคาวะว่าไง?“
“คิดว่าถ่ายออกมาได้สวยใช้ได้เลยล่ะ ฮิโนะคาวะว่าไง?“
“งั้นถ่ายเลยเนอะ ยิ้ม~“
แล้วก็กดถ่ายทั้งที่อีกฝ่ายยังคงจับข้อแขนตนไว้ เสียงพลุดังซ้อนกับเสียงชัตเตอร์
ในชั่วขณะนั้น ดอกไม้ไฟเบ่งบานบนฟากฟ้าที่ดึงดูดสายตาของทุกคนไว้ก็ถูกบันทึกอยู่ในภาพเคียงคู่กับดอกไม้ที่ดึงดูดสายตาของเขาท่ามกลางหน้าร้อนนี้
+
“งั้นถ่ายเลยเนอะ ยิ้ม~“
แล้วก็กดถ่ายทั้งที่อีกฝ่ายยังคงจับข้อแขนตนไว้ เสียงพลุดังซ้อนกับเสียงชัตเตอร์
ในชั่วขณะนั้น ดอกไม้ไฟเบ่งบานบนฟากฟ้าที่ดึงดูดสายตาของทุกคนไว้ก็ถูกบันทึกอยู่ในภาพเคียงคู่กับดอกไม้ที่ดึงดูดสายตาของเขาท่ามกลางหน้าร้อนนี้
+
แต่ยังไงระหว่างเดินใาถึงตรงนี้ก็กุมมือกันมาอยู่แล้วด้วย เพราะฉะนั้น...
"จริงๆ จะจับมือไปเลยก็ได้นะ”
เขาพึมพำตอบด้วยสายตาที่หลุบลงมุมต่ำและเสียงหัวเราะที่เบาแผ่วเหมือนเสียงหญ้าไหวลม จมหายไปกับเสียงดินปืนระเบิดเผาโลหะหลากชนิดบนผ้าใบสีนิล
+
แต่ยังไงระหว่างเดินใาถึงตรงนี้ก็กุมมือกันมาอยู่แล้วด้วย เพราะฉะนั้น...
"จริงๆ จะจับมือไปเลยก็ได้นะ”
เขาพึมพำตอบด้วยสายตาที่หลุบลงมุมต่ำและเสียงหัวเราะที่เบาแผ่วเหมือนเสียงหญ้าไหวลม จมหายไปกับเสียงดินปืนระเบิดเผาโลหะหลากชนิดบนผ้าใบสีนิล
+
ยิ้มตอบพลางปรับตั้งค่ากล้องมือถือ สายตาเหลือบมองฟ้าบ้างยามเสียงพลุดัง แต่ก็ไม่ทันแสงกระจายกระจัดบนฟ้าตอนระเบิดเห็นแค่เศษไฟร่วงหล่นจากราตรี
เขายกกล้องหันไปทางเด็กสาวเตรียมกดชัตเตอร์ยามอีกฝ่ายให้สัญญาณว่าพร้อม
ยิ้มตอบพลางปรับตั้งค่ากล้องมือถือ สายตาเหลือบมองฟ้าบ้างยามเสียงพลุดัง แต่ก็ไม่ทันแสงกระจายกระจัดบนฟ้าตอนระเบิดเห็นแค่เศษไฟร่วงหล่นจากราตรี
เขายกกล้องหันไปทางเด็กสาวเตรียมกดชัตเตอร์ยามอีกฝ่ายให้สัญญาณว่าพร้อม
เสียงแรกที่ออกมากลับเป็นเสียงอุทาน เขาเบนสายตาหันหน้าขึ้นฟ้าไปตามที่อีกคนเรียกให้ดูโดยโอกาสซึ่งหลุดมือนั้นก็ตกหายไปในแสงเสียงและความวุ่นวายของงานเทศกาล
กระนั้นภาพลวดลายหลากสีบนผืนผ้าใบสีดำของปีนี้ก็ช่างงดงาม...อาจจะยิ่งกว่าปีไหนที่ผ่านมา อย่างน้อยก็จนถึงตอนนี้
“นั่นสินะ สวยจริงด้วย”
ตอนนั้นเองก็นึกอะไรได้ เขาหยิบมือถือออกมา
”ฮิโนะคาวะ เดี๋ยวถ่ายรูปให้มั้ย?“
เสียงแรกที่ออกมากลับเป็นเสียงอุทาน เขาเบนสายตาหันหน้าขึ้นฟ้าไปตามที่อีกคนเรียกให้ดูโดยโอกาสซึ่งหลุดมือนั้นก็ตกหายไปในแสงเสียงและความวุ่นวายของงานเทศกาล
กระนั้นภาพลวดลายหลากสีบนผืนผ้าใบสีดำของปีนี้ก็ช่างงดงาม...อาจจะยิ่งกว่าปีไหนที่ผ่านมา อย่างน้อยก็จนถึงตอนนี้
“นั่นสินะ สวยจริงด้วย”
ตอนนั้นเองก็นึกอะไรได้ เขาหยิบมือถือออกมา
”ฮิโนะคาวะ เดี๋ยวถ่ายรูปให้มั้ย?“
ราวกับมีภูติปีศาจขโมยคำ
มารผจญรั้งลิ้น
หรือไม่ก็...เสี้ยวหนึ่งของความขลาดกลัวในใจเป็นตะปูดอกสุดท้ายเกี่ยวรั้งไว้
และกว่าเขาจะสามารถส่งเสียงของตัวเองออกมาได้อีกครั้ง
ชั่วขณะก็ถูกเสียงพลุบนฟ้าช่วงชิงไปเสียแล้ว
ราวกับมีภูติปีศาจขโมยคำ
มารผจญรั้งลิ้น
หรือไม่ก็...เสี้ยวหนึ่งของความขลาดกลัวในใจเป็นตะปูดอกสุดท้ายเกี่ยวรั้งไว้
และกว่าเขาจะสามารถส่งเสียงของตัวเองออกมาได้อีกครั้ง
ชั่วขณะก็ถูกเสียงพลุบนฟ้าช่วงชิงไปเสียแล้ว
เทศกาลฤดูร้อนควรเป็นโอกาสดีที่สุดหากต้องการสร้างความประทับใจ และนี่ก็คือจุดไคลแมกซ์ของอีเวนต์ ดังนั้นแล้ว
เหลือบสายตาข้างตัว กลั้นใจสู้ฃหันใบหน้าตามโดยซ่อนขอบหูเรื่อสีในปอยผม ดวงตาสีฟ้าใสฮึดสู้ตั้งใจจะไม่หนี
แต่ในวินาทีนั้น
เสียง...ไม่ออกมา
+
เทศกาลฤดูร้อนควรเป็นโอกาสดีที่สุดหากต้องการสร้างความประทับใจ และนี่ก็คือจุดไคลแมกซ์ของอีเวนต์ ดังนั้นแล้ว
เหลือบสายตาข้างตัว กลั้นใจสู้ฃหันใบหน้าตามโดยซ่อนขอบหูเรื่อสีในปอยผม ดวงตาสีฟ้าใสฮึดสู้ตั้งใจจะไม่หนี
แต่ในวินาทีนั้น
เสียง...ไม่ออกมา
+
หัวเราะเบานั่งรอในความเงียบที่จำกัดอยู่เพียงระยะสองคน ราวตัดขาดกับความวุ่นวายที่คึกครื้นอยู่รอบตัว ยิ่งใกล้เวลาก็ยิ่งเห็นคนมาจับจองตำแหน่งรอดูพลุฤดูร้อน บ้างมากับเพื่อน บ้างมากับครอบครัว บ้างมาเป็นคู่ด้วยสถานะที่ต่างจากพวกเขาตรงนี้
ควร...จะพูดออกไปในคืนนี้เลยหรือเปล่านะ?
สายตาที่เงยมองรอมหรสพบนฟ้าแอบฉายความหวั่นไหวเหมือนเด็กที่กลัวไม่กล้าข้ามถนน
หัวเราะเบานั่งรอในความเงียบที่จำกัดอยู่เพียงระยะสองคน ราวตัดขาดกับความวุ่นวายที่คึกครื้นอยู่รอบตัว ยิ่งใกล้เวลาก็ยิ่งเห็นคนมาจับจองตำแหน่งรอดูพลุฤดูร้อน บ้างมากับเพื่อน บ้างมากับครอบครัว บ้างมาเป็นคู่ด้วยสถานะที่ต่างจากพวกเขาตรงนี้
ควร...จะพูดออกไปในคืนนี้เลยหรือเปล่านะ?
สายตาที่เงยมองรอมหรสพบนฟ้าแอบฉายความหวั่นไหวเหมือนเด็กที่กลัวไม่กล้าข้ามถนน