TW: คาร์หยาบคาย ขี้รำคาญและไม่เป็นมิตร
เห็นอีกคนยิ้มแบบนั้นก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยตามแล้วเอ่ยเรียบๆ
“แต่ฉันก็พอเข้าใจอยู่บางเรื่อง เลคเชอร์ปีก่อนๆฉันก็ยังเก็บไว้อยู่ ถ้าชิซึริจังต้องการฉันก็ให้ยืมกับช่วยสอนได้นะคะ”
“วิทยาศาสตร์ก็พอจะมั่นใจอยู่บ้างค่ะ”
อาคาริเขี่ยมือตัวเองไปมาบนตัก
“ถึงจะไม่เคยสอนใครมาก่อนก็เถอะนะ”
เห็นอีกคนยิ้มแบบนั้นก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยตามแล้วเอ่ยเรียบๆ
“แต่ฉันก็พอเข้าใจอยู่บางเรื่อง เลคเชอร์ปีก่อนๆฉันก็ยังเก็บไว้อยู่ ถ้าชิซึริจังต้องการฉันก็ให้ยืมกับช่วยสอนได้นะคะ”
“วิทยาศาสตร์ก็พอจะมั่นใจอยู่บ้างค่ะ”
อาคาริเขี่ยมือตัวเองไปมาบนตัก
“ถึงจะไม่เคยสอนใครมาก่อนก็เถอะนะ”
แต่ถ้าเป็นเธอจะหนีไปให้ไกลแล้วไม่กลับมาอีก
ความคิดแต่ละคนไม่เหมือนกัน เขาอาจจะมีเหตุผลส่วนตัวและเธอก็ไม่ได้สงสัยใคร่รู้ขนาดนั้นจึงไม่ได้ถามหรือทักท้วงอะไรออกไป
อาคาริยื่นมือไปรับลูกอมสีสดใสมาในมือ หมุนส่องความใสเหมือนกระจกสีรูปร่างกลมๆในซองพลาสติก
“ขอบคุณค่ะ จะทานให้อร่อยนะคะ”
“ถ้างั้น หนูขอตัวก่อนนะคะ พอดีต้องแวะไปที่ๆหนึ่งก่อนฟ้ามืด” เธอโค้งตัวให้
แต่ถ้าเป็นเธอจะหนีไปให้ไกลแล้วไม่กลับมาอีก
ความคิดแต่ละคนไม่เหมือนกัน เขาอาจจะมีเหตุผลส่วนตัวและเธอก็ไม่ได้สงสัยใคร่รู้ขนาดนั้นจึงไม่ได้ถามหรือทักท้วงอะไรออกไป
อาคาริยื่นมือไปรับลูกอมสีสดใสมาในมือ หมุนส่องความใสเหมือนกระจกสีรูปร่างกลมๆในซองพลาสติก
“ขอบคุณค่ะ จะทานให้อร่อยนะคะ”
“ถ้างั้น หนูขอตัวก่อนนะคะ พอดีต้องแวะไปที่ๆหนึ่งก่อนฟ้ามืด” เธอโค้งตัวให้
พอพูดถึงสองวิชาที่ดูจะต่างกันสุดขั้วก็อธิบายตามหลัง
“คุณแม่ของหนูเปิดร้านเสื้อผ้ากับลูกไม้น่ะค่ะ ก็เลยฝึกมาตั้งแต่เด็ก”
เธอทำมือชิดกันประกอบการเล่า
“ส่วนชีวะก็พอจะทำได้เพราะมันก็เหมือนเย็บชิ้นส่วนผ้าต่างๆเข้าด้วยกันน่ะค่ะ มันดูเป็นอะไรที่เป็นรูปร่างเลยเข้าใจง่ายกว่า“
พอพูดถึงสองวิชาที่ดูจะต่างกันสุดขั้วก็อธิบายตามหลัง
“คุณแม่ของหนูเปิดร้านเสื้อผ้ากับลูกไม้น่ะค่ะ ก็เลยฝึกมาตั้งแต่เด็ก”
เธอทำมือชิดกันประกอบการเล่า
“ส่วนชีวะก็พอจะทำได้เพราะมันก็เหมือนเย็บชิ้นส่วนผ้าต่างๆเข้าด้วยกันน่ะค่ะ มันดูเป็นอะไรที่เป็นรูปร่างเลยเข้าใจง่ายกว่า“
อาคาริมองตามนิ้วที่ทำเป็นรูปร่างเหมือนขาคนกำลังเดินอย่างเอ็นดู
"ปีสามเหรอ? อือ... พูดตรงๆเนื้อหาก็ยากขึ้นตามลำดับนั่นแหละค่ะ อย่างที่จะสอบเร็วๆนี้ก็เป็นการคำนวนหาตัวเลขแปลกๆที่ไม่ค่อยเจอในชีวิตจริงเท่าไหร่ สำหรับฉันเลยคิดว่ามันหนักเอาเรื่อง"
เธอขยับขาที่นั่งทับอยู่นานจนปวดให้ยืดออกตรงทั้งสองข้าง ส่วนร่างกายท่อนบนบิดเล็กน้อยแล้วเอนพิงต้นไม้ด้านหลัง
อาคาริมองตามนิ้วที่ทำเป็นรูปร่างเหมือนขาคนกำลังเดินอย่างเอ็นดู
"ปีสามเหรอ? อือ... พูดตรงๆเนื้อหาก็ยากขึ้นตามลำดับนั่นแหละค่ะ อย่างที่จะสอบเร็วๆนี้ก็เป็นการคำนวนหาตัวเลขแปลกๆที่ไม่ค่อยเจอในชีวิตจริงเท่าไหร่ สำหรับฉันเลยคิดว่ามันหนักเอาเรื่อง"
เธอขยับขาที่นั่งทับอยู่นานจนปวดให้ยืดออกตรงทั้งสองข้าง ส่วนร่างกายท่อนบนบิดเล็กน้อยแล้วเอนพิงต้นไม้ด้านหลัง
ถ้าหมายถึง███ตัวจริงก็ดีสิ
“ไม่รู้สิ เรียกว่าไม่อยากคาดหวังมากกว่าละมังคะ“
เอาเถอะ ต่อให้บอกไปก็คงไม่เป็นไร ยังไงเธอก็ไม่ได้อยากจะอยู่ที่นี่ต่อหลังจากเรียนจบอยู่แล้ว
“ถ้าอยากรู้ก็พอจะบอกได้อยู่ค่ะ”
”...เป็นเด็กผู้หญิง ผมสีแดง เสียงติดขึ้นจมูกแต่ก็ฟังรู้ว่าเป็นคนร่าเริง มีกลิ่นลิลลี่ติดตัว“
”ถ้าคุณมิโซระเห็นหรือรับรู้ถึงเธอได้ก็...รบกวนบอกทีนะคะ“
ถ้าหมายถึง███ตัวจริงก็ดีสิ
“ไม่รู้สิ เรียกว่าไม่อยากคาดหวังมากกว่าละมังคะ“
เอาเถอะ ต่อให้บอกไปก็คงไม่เป็นไร ยังไงเธอก็ไม่ได้อยากจะอยู่ที่นี่ต่อหลังจากเรียนจบอยู่แล้ว
“ถ้าอยากรู้ก็พอจะบอกได้อยู่ค่ะ”
”...เป็นเด็กผู้หญิง ผมสีแดง เสียงติดขึ้นจมูกแต่ก็ฟังรู้ว่าเป็นคนร่าเริง มีกลิ่นลิลลี่ติดตัว“
”ถ้าคุณมิโซระเห็นหรือรับรู้ถึงเธอได้ก็...รบกวนบอกทีนะคะ“
บวกกับสิ่งเธอ‘เผชิญมา’และสิ่งที่‘เป็นอยู่’ก็ไม่ได้เอื้ออำนวยให้เธอเลือกจะไปเดินเล่นนอกบ้านได้อย่างสบายใจเท่าไรนัก
“ไว้จะลองไปดูนะคะ หมู่บ้านไทยะ”
อาคาริกดดูเวลาในโทรศัพท์แล้วเก็บหนังสือลงกระเป๋า
เธอเงียบคิดอยู่พักหนึ่งแล้วถามเสียงเรียบๆ
“อาจารย์...เคยคิดว่าอยากจะออกไปจากที่นี่ไหมคะ?”
บวกกับสิ่งเธอ‘เผชิญมา’และสิ่งที่‘เป็นอยู่’ก็ไม่ได้เอื้ออำนวยให้เธอเลือกจะไปเดินเล่นนอกบ้านได้อย่างสบายใจเท่าไรนัก
“ไว้จะลองไปดูนะคะ หมู่บ้านไทยะ”
อาคาริกดดูเวลาในโทรศัพท์แล้วเก็บหนังสือลงกระเป๋า
เธอเงียบคิดอยู่พักหนึ่งแล้วถามเสียงเรียบๆ
“อาจารย์...เคยคิดว่าอยากจะออกไปจากที่นี่ไหมคะ?”
อาคาริปิดพับเล่มสมุดโน้ตในมือลง
“แต่มีแค่วิชาคณิตนี่แหละค่ะที่อ่านไม่เข้าใจสักที”
เธอยืดแขนขึ้นเหยียดบิดขี้เกียจ กดมือบีบหลังคอและไหล่ไล่ความเมื่อยก่อนจะหันไปถาม
“ว่าแค่คุณชิซึริมาทำอะไรแถวนี้เหรอคะ? พอดีว่าปกติจะไม่ค่อยมีคนใช้ทางบริเวณนี้เท่าไหร่น่ะค่ะ”
อาคาริปิดพับเล่มสมุดโน้ตในมือลง
“แต่มีแค่วิชาคณิตนี่แหละค่ะที่อ่านไม่เข้าใจสักที”
เธอยืดแขนขึ้นเหยียดบิดขี้เกียจ กดมือบีบหลังคอและไหล่ไล่ความเมื่อยก่อนจะหันไปถาม
“ว่าแค่คุณชิซึริมาทำอะไรแถวนี้เหรอคะ? พอดีว่าปกติจะไม่ค่อยมีคนใช้ทางบริเวณนี้เท่าไหร่น่ะค่ะ”
อาคาริลูบหลังคอเขินๆเพราะไม่ค่อยได้ยินคำชมเรื่องการเรียนเท่าไร
แต่ถ้าอีกฝ่ายพูดถึงขนาดนี้ จะลองฮึดสู้อีกนิดก็ไม่เสียหาย
“งั้นหนูจะลองพยายามอีกหน่อย...”
“ส่วนที่เหลือคงต้องขอให้สองเรื่องนี้อยู่ในข้อสอบเยอะๆแล้วละค่ะ”
อาคาริลูบหลังคอเขินๆเพราะไม่ค่อยได้ยินคำชมเรื่องการเรียนเท่าไร
แต่ถ้าอีกฝ่ายพูดถึงขนาดนี้ จะลองฮึดสู้อีกนิดก็ไม่เสียหาย
“งั้นหนูจะลองพยายามอีกหน่อย...”
“ส่วนที่เหลือคงต้องขอให้สองเรื่องนี้อยู่ในข้อสอบเยอะๆแล้วละค่ะ”
เมื่อตัดสินใจได้ก็ก้มโค้งตัวลง
“ขอโทษด้วยนะคะที่เสียมารยาท”
เธอยืดตัวกลับขึ้นมาแต่ยังคงหลุบตามองพื้น เพราะความรู้สึกกระดากใจจึงคิดว่าพูดถึงสักนิดคงพอจะเพิ่มน้ำหนักของคำขอโทษได้บ้าง
“อีกครึ่งหนึ่งของฉันค่ะ” อาคาริสูดหายใจเข้าลึกเพื่อควบคุมเสียง
“แต่เธอคนนั้นไม่อยู่แล้ว มันอาจจะเป็นแค่ภาพหลอนของฉันคนเดียวก็ได้ค่ะ”
เมื่อตัดสินใจได้ก็ก้มโค้งตัวลง
“ขอโทษด้วยนะคะที่เสียมารยาท”
เธอยืดตัวกลับขึ้นมาแต่ยังคงหลุบตามองพื้น เพราะความรู้สึกกระดากใจจึงคิดว่าพูดถึงสักนิดคงพอจะเพิ่มน้ำหนักของคำขอโทษได้บ้าง
“อีกครึ่งหนึ่งของฉันค่ะ” อาคาริสูดหายใจเข้าลึกเพื่อควบคุมเสียง
“แต่เธอคนนั้นไม่อยู่แล้ว มันอาจจะเป็นแค่ภาพหลอนของฉันคนเดียวก็ได้ค่ะ”
“ถ้าเป็นตรีโกณมิติกับเรื่องอนุกรม สองเรื่องนี้หนูค่อนข้างทำได้ดีค่ะ... เอ่อ ‘น่าจะ’นะคะ“
แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่ามั่นใจ
แววตาครุ่นคิดทอดมองสมุดโน้ตที่จดอย่างเป็นระเบียบ และสลับมามองมือเขี่ยกันไปมาอยู่บนตักอย่างลังเล
”แต่ถ้าทบทวนอีกหน่อยก็อาจจะพอใช้คำว่ามั่นใจได้อยู่ค่ะ ฮะๆ“
เด็กสาวหัวเราะแห้งแก้เขิน ออกตัวแรงแบบนี้จะดูมั่นหน้าไปหรือเปล่านะ?
“ถ้าเป็นตรีโกณมิติกับเรื่องอนุกรม สองเรื่องนี้หนูค่อนข้างทำได้ดีค่ะ... เอ่อ ‘น่าจะ’นะคะ“
แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่ามั่นใจ
แววตาครุ่นคิดทอดมองสมุดโน้ตที่จดอย่างเป็นระเบียบ และสลับมามองมือเขี่ยกันไปมาอยู่บนตักอย่างลังเล
”แต่ถ้าทบทวนอีกหน่อยก็อาจจะพอใช้คำว่ามั่นใจได้อยู่ค่ะ ฮะๆ“
เด็กสาวหัวเราะแห้งแก้เขิน ออกตัวแรงแบบนี้จะดูมั่นหน้าไปหรือเปล่านะ?
“ชิซึริจัง? มาตั้งแต่เมื่อไหร่...”
เธอนิ่งไป ปากกำลังจะพลั้งเอ่ยคำถามใจร้ายออกไปแต่สุดท้ายก็ยั้งหยุดลง
เห็นหรือเปล่า
ได้ยินมากแค่ไหน
แล้วรู้‘อะไร’ไปแล้วบ้าง
อาคาริส่ายหน้าไล่ความคิด
“ขอโทษนะ เมื่อกี้ฉันเหม่ออยู่น่ะ“
“ชิซึริจัง? มาตั้งแต่เมื่อไหร่...”
เธอนิ่งไป ปากกำลังจะพลั้งเอ่ยคำถามใจร้ายออกไปแต่สุดท้ายก็ยั้งหยุดลง
เห็นหรือเปล่า
ได้ยินมากแค่ไหน
แล้วรู้‘อะไร’ไปแล้วบ้าง
อาคาริส่ายหน้าไล่ความคิด
“ขอโทษนะ เมื่อกี้ฉันเหม่ออยู่น่ะ“
เธอเกือบจะพูดประโยคนั้นออกไป แต่พอนึกได้ว่าบนเกาะนี้ความแปลกก็คือความปกติอย่างหนึ่งก็ตัดสินใจเงียบปากลง
เดินเล่นเหรอ...
ก่อนที่จะไปจากที่นี่ ลองไปเดินเล่นดูรอบๆดีไหมนะ?
“อาจารย์คุนะฮาชิ บนเกาะนี้มีที่ไหนน่าไปเดินเล่นบ้างไหมคะ?“
”...ที่ที่จะไปเดินเล่นได้ในตอนกลางวันน่ะค่ะ“
เธอเกือบจะพูดประโยคนั้นออกไป แต่พอนึกได้ว่าบนเกาะนี้ความแปลกก็คือความปกติอย่างหนึ่งก็ตัดสินใจเงียบปากลง
เดินเล่นเหรอ...
ก่อนที่จะไปจากที่นี่ ลองไปเดินเล่นดูรอบๆดีไหมนะ?
“อาจารย์คุนะฮาชิ บนเกาะนี้มีที่ไหนน่าไปเดินเล่นบ้างไหมคะ?“
”...ที่ที่จะไปเดินเล่นได้ในตอนกลางวันน่ะค่ะ“
อาคาริลูบเส้นผมจัดให้เข้าที่พลางเอ่ยอ้อมแอ้ม
"ต...แต่ไม่ใช่ว่าเป็นการตัดสินใจแบบฉุกละหุกหรอกนะคะ"
"เกรดเทอมก่อนๆของหนูก็ถึงเกณฑ์ของสายที่จะเรียนต่อแล้ว แล้วหนูก็ไม่ได้มุ่งมั่นอยากจะติดอันดับดีเด่นอะไรแบบนั้นด้วย ก็ประมาณนั้นน่ะค่ะ"
อาคาริลูบเส้นผมจัดให้เข้าที่พลางเอ่ยอ้อมแอ้ม
"ต...แต่ไม่ใช่ว่าเป็นการตัดสินใจแบบฉุกละหุกหรอกนะคะ"
"เกรดเทอมก่อนๆของหนูก็ถึงเกณฑ์ของสายที่จะเรียนต่อแล้ว แล้วหนูก็ไม่ได้มุ่งมั่นอยากจะติดอันดับดีเด่นอะไรแบบนั้นด้วย ก็ประมาณนั้นน่ะค่ะ"
“อ๊ะ!”
อาคาริเกือบเสียการทรงตัวหงายหลังแต่ก็ใช้มือยันพื้นหญ้าได้ทัน หากเธอคนนั้นอยู่ตรงนี้‘จริงๆ’คงหัวเราะร่วนขบขันเสียงดังลั่นเป็นแน่
“อาจารย์...”
“ขอโทษค่ะ... เมื่อกี้หนูกำลัง เอ่อ นั่งเหม่ออยู่...”
“อาจารย์ถามว่าอะไรนะคะ”
“อ๊ะ!”
อาคาริเกือบเสียการทรงตัวหงายหลังแต่ก็ใช้มือยันพื้นหญ้าได้ทัน หากเธอคนนั้นอยู่ตรงนี้‘จริงๆ’คงหัวเราะร่วนขบขันเสียงดังลั่นเป็นแน่
“อาจารย์...”
“ขอโทษค่ะ... เมื่อกี้หนูกำลัง เอ่อ นั่งเหม่ออยู่...”
“อาจารย์ถามว่าอะไรนะคะ”
เธอค่อยๆขยับไปหยิบปากกามาไว้ในมือ เมื่อไม่ได้ถูกหัวเราะใส่หรือกลั่นแกล้งก็ค่อยๆผ่อนลมหายใจออกช้าๆ
“ได้ยินตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” เธอถาม
“โจทย์คณิต หรือชื่อใคร หรือมากกว่านั้น”
จริงๆแล้วเหตุที่หงุดหงิดคือนี่ต่างหาก ถ้าเขาไม่ได้บังเอิญรู้อะไรมากเกินจำเป็นเธอก็ไม่มีเหตุผลต้องทำท่าทางแบบนี้ใส่คนที่มีน้ำใจจะช่วย
เธอค่อยๆขยับไปหยิบปากกามาไว้ในมือ เมื่อไม่ได้ถูกหัวเราะใส่หรือกลั่นแกล้งก็ค่อยๆผ่อนลมหายใจออกช้าๆ
“ได้ยินตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” เธอถาม
“โจทย์คณิต หรือชื่อใคร หรือมากกว่านั้น”
จริงๆแล้วเหตุที่หงุดหงิดคือนี่ต่างหาก ถ้าเขาไม่ได้บังเอิญรู้อะไรมากเกินจำเป็นเธอก็ไม่มีเหตุผลต้องทำท่าทางแบบนี้ใส่คนที่มีน้ำใจจะช่วย
"ความยากในข้อสอบมัน...ค่อนข้างจะมากกว่าการใช้ในชีวิตจริงน่ะค่ะ ก็เลยพยายามอ่านอัดเข้าหัวอยู่"
"แต่ก็ขอบคุณนะคะ พักนี้หนูอาจจะกดดันตัวเองมากไปจริงๆ"
เธอค้อมหัวลงเป็นการแสดงความขอบคุณ
"แล้วอาจารย์มาทำอะไรแถวนี้เหรอคะ"
อาคาริเอ่ยถามเพราะบริเวณที่เลือกมานั่งนั้นห่างจากบริเวณที่ผู้คนผ่านสัญจรตามปกติมากทีเดียว
"ความยากในข้อสอบมัน...ค่อนข้างจะมากกว่าการใช้ในชีวิตจริงน่ะค่ะ ก็เลยพยายามอ่านอัดเข้าหัวอยู่"
"แต่ก็ขอบคุณนะคะ พักนี้หนูอาจจะกดดันตัวเองมากไปจริงๆ"
เธอค้อมหัวลงเป็นการแสดงความขอบคุณ
"แล้วอาจารย์มาทำอะไรแถวนี้เหรอคะ"
อาคาริเอ่ยถามเพราะบริเวณที่เลือกมานั่งนั้นห่างจากบริเวณที่ผู้คนผ่านสัญจรตามปกติมากทีเดียว
"ยุ่งไม่เข้าเรื่องค่ะ"
เธอเอื้อมมือคว้าเล่มหนังสือที่อีกฝ่ายกำลังจะช่วยเก็บขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
อาคาริหันหลังให้เขา ปัดเศษหญ้าที่เปื้อนสมุดหนังสือออกแล้วเก็บลงกระเป๋าเตรียมจะลุก
แต่เมื่อกวาดสายตามองเป็นรอบสุดท้ายก็เห็นปากกาหมึกซึมด้ามโปรดหล่นอยู่ใกล้กับพ่อคนอัธยาศัยดีจนอึกอักลังเลจะเอื้อมมือออกไป
"ยุ่งไม่เข้าเรื่องค่ะ"
เธอเอื้อมมือคว้าเล่มหนังสือที่อีกฝ่ายกำลังจะช่วยเก็บขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
อาคาริหันหลังให้เขา ปัดเศษหญ้าที่เปื้อนสมุดหนังสือออกแล้วเก็บลงกระเป๋าเตรียมจะลุก
แต่เมื่อกวาดสายตามองเป็นรอบสุดท้ายก็เห็นปากกาหมึกซึมด้ามโปรดหล่นอยู่ใกล้กับพ่อคนอัธยาศัยดีจนอึกอักลังเลจะเอื้อมมือออกไป
“อาจารย์คุนะฮาชิ...”
ดวงตาสีอ่อนกระพริบสองสามครั้ง
“เอ่อ วิชาคณิตศาสตร์ค่ะ”
เธอตอบพลางลูบหลังคอขณะครุ่นคิดว่าเขามาได้ยินที่เธอละเมอมากน้อยเพียงใด
“พอดีหนูอ่านหลายเรื่องไม่ค่อยเข้าใจน่ะค่ะ ก็เลยคิดว่าจะเทแล้วไปพึ่งคะแนนที่วิชาอื่นดีไหม“
“อาจารย์คุนะฮาชิ...”
ดวงตาสีอ่อนกระพริบสองสามครั้ง
“เอ่อ วิชาคณิตศาสตร์ค่ะ”
เธอตอบพลางลูบหลังคอขณะครุ่นคิดว่าเขามาได้ยินที่เธอละเมอมากน้อยเพียงใด
“พอดีหนูอ่านหลายเรื่องไม่ค่อยเข้าใจน่ะค่ะ ก็เลยคิดว่าจะเทแล้วไปพึ่งคะแนนที่วิชาอื่นดีไหม“
อาคารินั่งนิ่ง เงยมองใบหน้าแต้มรอยยิ้มของอีกฝ่าย เหลียวกลับมองความว่างเปล่ารอบตัวและทำความเข้าใจสถานการณ์
‘เป็นแบบนี้อีกแล้ว...’
“ขอโทษค่ะ เหมือนว่าฉันจะแค่ละเมอ”
“ว่าแต่มาทำอะไรแถวนี้เหรอคะ?“
เธอถามขณะเก็บหนังสือที่วางกระจายบนผืนหญ้าด้วยเสียงที่ฟังดูไม่เหมือนคนเพิ่งตื่นสักเท่าไร
อาคารินั่งนิ่ง เงยมองใบหน้าแต้มรอยยิ้มของอีกฝ่าย เหลียวกลับมองความว่างเปล่ารอบตัวและทำความเข้าใจสถานการณ์
‘เป็นแบบนี้อีกแล้ว...’
“ขอโทษค่ะ เหมือนว่าฉันจะแค่ละเมอ”
“ว่าแต่มาทำอะไรแถวนี้เหรอคะ?“
เธอถามขณะเก็บหนังสือที่วางกระจายบนผืนหญ้าด้วยเสียงที่ฟังดูไม่เหมือนคนเพิ่งตื่นสักเท่าไร
“ค่ะ งั้นฉันไม่รบกวนแล้ว... ขอบคุณที่มาเดินเล่นด้วยกันนะคะ”
อาคาริผงกหัว แล้วโบกมือข้างที่ไม่ได้ถือดังโงะช้าๆเพื่อบอกลา
“ไว้เจอกันใหม่ค่ะ”
“ครั้งหน้า จะเรียกชื่ออาคาริก็ได้นะคะ”
“ค่ะ งั้นฉันไม่รบกวนแล้ว... ขอบคุณที่มาเดินเล่นด้วยกันนะคะ”
อาคาริผงกหัว แล้วโบกมือข้างที่ไม่ได้ถือดังโงะช้าๆเพื่อบอกลา
“ไว้เจอกันใหม่ค่ะ”
“ครั้งหน้า จะเรียกชื่ออาคาริก็ได้นะคะ”
“ขอบคุณนะคะ”
อาคาริพยักหน้าแล้วงับขนมเข้าปาก ก่อนจะต้องรีบเอาออกและส่งเสียงเป่าอากาศดังฟู่เพราะไม่ทันระวังความร้อน
พอได้ยินแบบนั้นก็อึ้งไป ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“ได้ค่ะ ได้อยู่แล้ว”
“ฉัน...จะดีใจมากเลยค่ะถ้าเป็นแบบนั้น“
“ขอบคุณนะคะ”
อาคาริพยักหน้าแล้วงับขนมเข้าปาก ก่อนจะต้องรีบเอาออกและส่งเสียงเป่าอากาศดังฟู่เพราะไม่ทันระวังความร้อน
พอได้ยินแบบนั้นก็อึ้งไป ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“ได้ค่ะ ได้อยู่แล้ว”
“ฉัน...จะดีใจมากเลยค่ะถ้าเป็นแบบนั้น“
เด็กสาวเอียงคอเล็กน้อยเพื่อชะโงกดูตอนคนทำกำลังตวัดมือผัดเส้นอย่างคล่องแคล่ว
กลิ่นหอมของอาหารลอยฟุ้ง จนเดาได้ว่าทั้งชุดและผมเผ้าวันนี้คงจะติดกลิ่นกลับไปด้วยแน่นอน
“คุณแม่ของฉันค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องรักษารูปร่างน่ะค่ะ เพราะต้องเป็นหุ่นลองเสื้อให้ที่ร้านด้วย” อาคาริหันมาเอ่ยกับอีกคน “แต่นานๆทีคงไม่เป็นไร...”
เด็กสาวเอียงคอเล็กน้อยเพื่อชะโงกดูตอนคนทำกำลังตวัดมือผัดเส้นอย่างคล่องแคล่ว
กลิ่นหอมของอาหารลอยฟุ้ง จนเดาได้ว่าทั้งชุดและผมเผ้าวันนี้คงจะติดกลิ่นกลับไปด้วยแน่นอน
“คุณแม่ของฉันค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องรักษารูปร่างน่ะค่ะ เพราะต้องเป็นหุ่นลองเสื้อให้ที่ร้านด้วย” อาคาริหันมาเอ่ยกับอีกคน “แต่นานๆทีคงไม่เป็นไร...”