status : 🏎️💨🏁🔥
pfp : aprilntea
acc for #RKM_commu
🔗 https://sites.google.com/view/itsuki-site/home
"ผมจะจำแล้วระวังไว้ครับ"
หากวันไหนเจ้าตัวพร้อมที่จะเล่าเองคงจะดีที่สุด ระวังไว้คงไม่เสียหาย
ริมฝีปากคลี่ยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเพื่อนสาวเอ่ยปากออกมา ได้ยินแบบนี้ก็สบายใจขึ้นไม่น้อย
"ขอบคุณมากเลยนะครับโยทสึบะซัง- อ่อ จริงสิ ถ้าผมทำอะไรพลาดไปก็ฟาดเตือนสติได้แรง ๆ เลยนะครับ~"
แต่ก็หวังว่าจะไม่โดนล่ะนะ เพราะมืออีกคนแรงไม่ใช่เล่น ๆ เลย (...)
"ผมจะจำแล้วระวังไว้ครับ"
หากวันไหนเจ้าตัวพร้อมที่จะเล่าเองคงจะดีที่สุด ระวังไว้คงไม่เสียหาย
ริมฝีปากคลี่ยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเพื่อนสาวเอ่ยปากออกมา ได้ยินแบบนี้ก็สบายใจขึ้นไม่น้อย
"ขอบคุณมากเลยนะครับโยทสึบะซัง- อ่อ จริงสิ ถ้าผมทำอะไรพลาดไปก็ฟาดเตือนสติได้แรง ๆ เลยนะครับ~"
แต่ก็หวังว่าจะไม่โดนล่ะนะ เพราะมืออีกคนแรงไม่ใช่เล่น ๆ เลย (...)
"อื้ม! เอาสิครับ!"
ถือว่าได้เดินย่อยอาหารไปด้วยในตัว ดูจะยินดียิ่งกว่ายินดีเสียอีก
อิตสึกิเดินเคียงไปกับอีกคนตามเส้นทาง พลางคุยเรื่องนั้นทีนี้ทีเพื่อไม่ให้เงียบจนเกินไป
ใช้เวลาที่เหลือของวันนี้กับอีกคนให้ได้มากที่สุดจนนาทีสุดท้าย
"อื้ม! เอาสิครับ!"
ถือว่าได้เดินย่อยอาหารไปด้วยในตัว ดูจะยินดียิ่งกว่ายินดีเสียอีก
อิตสึกิเดินเคียงไปกับอีกคนตามเส้นทาง พลางคุยเรื่องนั้นทีนี้ทีเพื่อไม่ให้เงียบจนเกินไป
ใช้เวลาที่เหลือของวันนี้กับอีกคนให้ได้มากที่สุดจนนาทีสุดท้าย
"แล้วโอโตคาวะซังจะกลับบ้านเลยรึเปล่าครับ? รีบไหม?"
ถามอย่างกับเด็กที่ยังอยากอยู่ต่อไม่อยากกลับบ้าน แต่อีกคนดูจะเอ่ยเรื่องนี้มาตั้งแต่ออกจากโรงหนังแล้วด้วย แบบนั้นคงไม่กล้ารั้งไว้นานแม้จะแสดงออกทางใบหน้าไปแล้วก็ตาม
"แล้วโอโตคาวะซังจะกลับบ้านเลยรึเปล่าครับ? รีบไหม?"
ถามอย่างกับเด็กที่ยังอยากอยู่ต่อไม่อยากกลับบ้าน แต่อีกคนดูจะเอ่ยเรื่องนี้มาตั้งแต่ออกจากโรงหนังแล้วด้วย แบบนั้นคงไม่กล้ารั้งไว้นานแม้จะแสดงออกทางใบหน้าไปแล้วก็ตาม
เขาไม่ได้คาดหวังที่จะได้รู้ข้อมูลลึกอะไรมากแค่เผื่อว่ามีอะไรที่ควรระวังหรือเตรียมใจ
“ทางนั้นเขาไม่ยอมเปิดปากอะไรมากเลย แม้แต่เรื่องที่จะไปแข่ง—”
ว่าแล้วก็เกาแก้มตัวเอง ไม่รู้ว่าเพราะเขินที่ต้องขึ้นเวทีหรือมีเรื่องอะไรปิดบังกันแน่
เขาไม่ได้คาดหวังที่จะได้รู้ข้อมูลลึกอะไรมากแค่เผื่อว่ามีอะไรที่ควรระวังหรือเตรียมใจ
“ทางนั้นเขาไม่ยอมเปิดปากอะไรมากเลย แม้แต่เรื่องที่จะไปแข่ง—”
ว่าแล้วก็เกาแก้มตัวเอง ไม่รู้ว่าเพราะเขินที่ต้องขึ้นเวทีหรือมีเรื่องอะไรปิดบังกันแน่
หัวเราะออกมาเบา ๆ หลังได้รับกำลังใจจากเพื่อนแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรหวังไว้สูงเกินไปคงจะดีกว่า
“ในตอนนี้สำหรับผมแค่ไม่อยากเห็นเธอคนนั้นเครียดหรือเหนื่อยมากเกินไปก็พอแล้วล่ะ”
“เป็นไปได้ก็อยากให้พึ่งพาคนอื่นมากกว่าแบกไว้คนเดียวเงียบ ๆ …”
ความรู้สึกชอบพออะไรทำนองนั้นอาจจะยังเร็วเกินไปในเมื่อทางฝั่งนั้นยังมีเรื่องสำคัญที่ยังจำเป็นต้องใส่ใจ
+
หัวเราะออกมาเบา ๆ หลังได้รับกำลังใจจากเพื่อนแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรหวังไว้สูงเกินไปคงจะดีกว่า
“ในตอนนี้สำหรับผมแค่ไม่อยากเห็นเธอคนนั้นเครียดหรือเหนื่อยมากเกินไปก็พอแล้วล่ะ”
“เป็นไปได้ก็อยากให้พึ่งพาคนอื่นมากกว่าแบกไว้คนเดียวเงียบ ๆ …”
ความรู้สึกชอบพออะไรทำนองนั้นอาจจะยังเร็วเกินไปในเมื่อทางฝั่งนั้นยังมีเรื่องสำคัญที่ยังจำเป็นต้องใส่ใจ
+
ทว่าหากได้พินิจมองดี ๆ อาจจะได้เห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ อย่างที่เขาได้เห็นในตอนนี้ก็ได้
มือข้างหนึ่งเอื้อมไปกุมมือเรียวที่จับแก้วไว้หลวม ๆ
“ยังไงโอโตคาวะซังที่ยิ้มออกมาแบบนี้ก็ดูดีมากจริง ๆ นั่นแหละครับ”
ถ้าให้มองก็คงไม่มีเบื่อ
ทว่าหากได้พินิจมองดี ๆ อาจจะได้เห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ อย่างที่เขาได้เห็นในตอนนี้ก็ได้
มือข้างหนึ่งเอื้อมไปกุมมือเรียวที่จับแก้วไว้หลวม ๆ
“ยังไงโอโตคาวะซังที่ยิ้มออกมาแบบนี้ก็ดูดีมากจริง ๆ นั่นแหละครับ”
ถ้าให้มองก็คงไม่มีเบื่อ
“ผมรู้น่า”
“เพราะแบบนั้นถึงได้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของโอโตคาวะซังไง”
เสน่ห์ของความไม่สมบูรณ์แบบ ความสวยงามในแบบของตัวเอง
“แล้วก็เท่าที่ผมเห็นโอโตคาวะซังก็ทำอย่างว่าอยู่นี่”
อะไรที่เป็นประโยชน์ที่ว่า
“ผมรู้น่า”
“เพราะแบบนั้นถึงได้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของโอโตคาวะซังไง”
เสน่ห์ของความไม่สมบูรณ์แบบ ความสวยงามในแบบของตัวเอง
“แล้วก็เท่าที่ผมเห็นโอโตคาวะซังก็ทำอย่างว่าอยู่นี่”
อะไรที่เป็นประโยชน์ที่ว่า
“ถึงยังไงเราก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น”
แล้วก็ลูบคางเหมือนคิดอะไร ก่อนจะขำออกมาเบา ๆ
“แต่ถ้าเป็นโอโตคาวะซังที่ไม่ซุ่มซ่ามเนี่ย คงจะเป็นคุณหนูที่ดูเพอร์เฟคน่าดูเลยนะครับ”
“ถึงยังไงเราก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น”
แล้วก็ลูบคางเหมือนคิดอะไร ก่อนจะขำออกมาเบา ๆ
“แต่ถ้าเป็นโอโตคาวะซังที่ไม่ซุ่มซ่ามเนี่ย คงจะเป็นคุณหนูที่ดูเพอร์เฟคน่าดูเลยนะครับ”
หลังจากจัดการอาหารตนเองจนหมดตะเกียบก็ถูกวางบนถาดอย่างเป็นระเบียบก่อนมือทั้งสองจะสานกันไว้
“ในเมื่อชีวิตจริงมันไม่ได้เหมือนภาพยนตร์ที่จะสามารถศึกษาบทก่อนได้ เราก็ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่าจะมีบทอะไรถูกโยนมาให้ในวันพรุ่งนี้”
+
หลังจากจัดการอาหารตนเองจนหมดตะเกียบก็ถูกวางบนถาดอย่างเป็นระเบียบก่อนมือทั้งสองจะสานกันไว้
“ในเมื่อชีวิตจริงมันไม่ได้เหมือนภาพยนตร์ที่จะสามารถศึกษาบทก่อนได้ เราก็ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่าจะมีบทอะไรถูกโยนมาให้ในวันพรุ่งนี้”
+
สายตาเบนกลับมาที่จานอาหารของตัวเองเพื่อทานต่อ พลางคีบคาราเกะชิ้นหนึ่งวางที่มุมจานของอีกคน
”จากที่ผมเห็นโอโตคาวะซังไม่ได้ดูซุ่มซ่ามอะไรมากมายเลยนะครับ“
รอยยิ้มบางระบายบนใบหน้า
”อาจจะต้องเรียกว่าดื้อซะมากกว่า?“
เสียงขำลอดผ่านลำคอเบา ๆ
”อืม… ผมเองก็มีเรื่องที่อยากแก้ไขนะ“
ว่าแล้วก็เล่าฝั่งของตัวเองบ้าง
+
สายตาเบนกลับมาที่จานอาหารของตัวเองเพื่อทานต่อ พลางคีบคาราเกะชิ้นหนึ่งวางที่มุมจานของอีกคน
”จากที่ผมเห็นโอโตคาวะซังไม่ได้ดูซุ่มซ่ามอะไรมากมายเลยนะครับ“
รอยยิ้มบางระบายบนใบหน้า
”อาจจะต้องเรียกว่าดื้อซะมากกว่า?“
เสียงขำลอดผ่านลำคอเบา ๆ
”อืม… ผมเองก็มีเรื่องที่อยากแก้ไขนะ“
ว่าแล้วก็เล่าฝั่งของตัวเองบ้าง
+
“ยังไงล่ะครับ?”
ศีรษะเอียงเล็กน้อย สายตาจับจ้องคู่สนทนาด้วยความตั้งใจที่จะรับฟัง
อาหารของเขาที่ถูกทานไปค่อนข้างไว เมื่อมันเหลือไม่มากจึงค่อยลดความไวลงตามอีกคน ไม่ได้รีบร้อนให้บทสนทนาจบลงบนโต๊ะอาหารแห่งนี้
“พอจะบอกให้ผมรู้ได้รึเปล่า?”
“ยังไงล่ะครับ?”
ศีรษะเอียงเล็กน้อย สายตาจับจ้องคู่สนทนาด้วยความตั้งใจที่จะรับฟัง
อาหารของเขาที่ถูกทานไปค่อนข้างไว เมื่อมันเหลือไม่มากจึงค่อยลดความไวลงตามอีกคน ไม่ได้รีบร้อนให้บทสนทนาจบลงบนโต๊ะอาหารแห่งนี้
“พอจะบอกให้ผมรู้ได้รึเปล่า?”
ในฐานะผู้เฝ้ามองอย่างอิตสึกิ ปฏิเสธไม่ได้ที่จะอยากรู้มุมมองอื่น ๆ จากคนใหม่ ๆ ที่ได้รู้จัก โดยเฉพาะกับคนที่สนใจด้วยแล้ว
ในฐานะผู้เฝ้ามองอย่างอิตสึกิ ปฏิเสธไม่ได้ที่จะอยากรู้มุมมองอื่น ๆ จากคนใหม่ ๆ ที่ได้รู้จัก โดยเฉพาะกับคนที่สนใจด้วยแล้ว
ชิ้นเนื้อถูกคีบคากลางอากาศระหว่างที่เขาอธิบายเพิ่มเติม
“อยากจะให้เรื่องราวของตัวเองออกมาเป็นแบบไหนครับ?”
ว่ากันว่าทุกคนล้วนเป็นตัวเอกในชีวิตที่กำลังดำเนินเรื่องราวไปโดนไม่รู้บทที่ถูกเขียนไว้ล่วงหน้า บ้างก็ว่าเราสามารถสร้างเรื่องราวนั้นได้ด้วยตัวเอง
คงจะขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนที่ต่างกันไป
+
ชิ้นเนื้อถูกคีบคากลางอากาศระหว่างที่เขาอธิบายเพิ่มเติม
“อยากจะให้เรื่องราวของตัวเองออกมาเป็นแบบไหนครับ?”
ว่ากันว่าทุกคนล้วนเป็นตัวเอกในชีวิตที่กำลังดำเนินเรื่องราวไปโดนไม่รู้บทที่ถูกเขียนไว้ล่วงหน้า บ้างก็ว่าเราสามารถสร้างเรื่องราวนั้นได้ด้วยตัวเอง
คงจะขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนที่ต่างกันไป
+
จากที่เห็นหนังสือที่อ่านและซีรี่ส์ที่ดู ก็คงไม่แปลกที่จะหลงคิดไปทางนั้น
“แล้วถ้าเกิดต้องเป็นตัวเอกของเรื่องล่ะครับ?”
มองท่าทีเรียบร้อยของคุณหนูตรงหน้าสลับกับทานอาหารของตัวเองไปพลาง
จากที่เห็นหนังสือที่อ่านและซีรี่ส์ที่ดู ก็คงไม่แปลกที่จะหลงคิดไปทางนั้น
“แล้วถ้าเกิดต้องเป็นตัวเอกของเรื่องล่ะครับ?”
มองท่าทีเรียบร้อยของคุณหนูตรงหน้าสลับกับทานอาหารของตัวเองไปพลาง
“ถ้าโอโตคาวะซังสามารถทำหนังของตัวเองได้ อยากให้เป็นหนังแนวไหนหรือมีเรื่องราวยังไงเหรอครับ?”
ว่าแล้วก็ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยต่อไปพลาง
“ถ้าโอโตคาวะซังสามารถทำหนังของตัวเองได้ อยากให้เป็นหนังแนวไหนหรือมีเรื่องราวยังไงเหรอครับ?”
ว่าแล้วก็ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยต่อไปพลาง
ดูเหมือนคุณยายจะแถมคาราเกะจานเล็กมาให้ด้วยคงเพราะเห็นว่ามากันสองคน คงไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไป… ใช่ไหมนะ?
ขณะที่ลงมือทานอาหารตรงหน้าของตัวเองสายตาก็อดที่จะเหลือบมองไปยังคุณตาคุณยายไม่ได้ และนั้นก็ทำให้เขาต้องหาเรื่องคุยเพื่อดึงความสนใจอีกคนจากพวกเขาดีกว่า
+
ดูเหมือนคุณยายจะแถมคาราเกะจานเล็กมาให้ด้วยคงเพราะเห็นว่ามากันสองคน คงไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไป… ใช่ไหมนะ?
ขณะที่ลงมือทานอาหารตรงหน้าของตัวเองสายตาก็อดที่จะเหลือบมองไปยังคุณตาคุณยายไม่ได้ และนั้นก็ทำให้เขาต้องหาเรื่องคุยเพื่อดึงความสนใจอีกคนจากพวกเขาดีกว่า
+
ว่าแล้วก็หัวเราะแห้ง ๆ เพราะจากที่เอาทาโกะยากิไปอุดปากคนตรงหน้าดูเหมือนจะทำให้เธอคนนั้นไม่พอใจเท่าไหร่
“แถมโยทซังน่ะเป็นคนที่เก่งจริง ๆ นะครับ ในความสัมพันธ์ถึงจะมีอุปสรรคแต่หากผ่านมาได้ประสบการณ์นั้นก็จะกลายเป็นสิ่งล้ำค่า เผลอ ๆ ยิ่งทำให้มิตรภาพเหนียวแน่นขึ้นไปอีก”
+
ว่าแล้วก็หัวเราะแห้ง ๆ เพราะจากที่เอาทาโกะยากิไปอุดปากคนตรงหน้าดูเหมือนจะทำให้เธอคนนั้นไม่พอใจเท่าไหร่
“แถมโยทซังน่ะเป็นคนที่เก่งจริง ๆ นะครับ ในความสัมพันธ์ถึงจะมีอุปสรรคแต่หากผ่านมาได้ประสบการณ์นั้นก็จะกลายเป็นสิ่งล้ำค่า เผลอ ๆ ยิ่งทำให้มิตรภาพเหนียวแน่นขึ้นไปอีก”
+
อีกฝ่าย— โอโตคาวะซัง ดูเป็นคนที่เก็บอะไรไว้กับตนเองมากอย่างว่า แม้แต่เขาเองก็คงต้องยอมรับในส่วนนี้
“อย่างน้อยตอนนี้ทั้งโยทสึบะซังกับโอโตคาวะซังก็ยังอยู่ด้วยกันนะครับ” จากที่เห็นน่ะ
+
อีกฝ่าย— โอโตคาวะซัง ดูเป็นคนที่เก็บอะไรไว้กับตนเองมากอย่างว่า แม้แต่เขาเองก็คงต้องยอมรับในส่วนนี้
“อย่างน้อยตอนนี้ทั้งโยทสึบะซังกับโอโตคาวะซังก็ยังอยู่ด้วยกันนะครับ” จากที่เห็นน่ะ
+
และเพราะเป็นร้านเล็ก ๆ ที่บริหารกันเองแบบนี้ทุกอย่างจึงไม่ได้รวดเร็วอย่างร้านใหญ่ หรือแฟรนไชส์ดัง ๆ เปิดโอกาสให้เขาได้คุยกับอีกคนเพิ่มนิดหน่อย
“โอโตคาวะซังดูจะชอบชาเขียวมากเลยสินะครับ?”
สังเกตจากที่ผ่าน ๆ มา จะว่าตั้งแต่ที่คาเฟ่เลยก็ได้
และเพราะเป็นร้านเล็ก ๆ ที่บริหารกันเองแบบนี้ทุกอย่างจึงไม่ได้รวดเร็วอย่างร้านใหญ่ หรือแฟรนไชส์ดัง ๆ เปิดโอกาสให้เขาได้คุยกับอีกคนเพิ่มนิดหน่อย
“โอโตคาวะซังดูจะชอบชาเขียวมากเลยสินะครับ?”
สังเกตจากที่ผ่าน ๆ มา จะว่าตั้งแต่ที่คาเฟ่เลยก็ได้
”ผมคงเอาเป็นเซ็ททงคัตซึเหมือนเดิม โอโตคาวะซังล่ะครับ?“
”ผมคงเอาเป็นเซ็ททงคัตซึเหมือนเดิม โอโตคาวะซังล่ะครับ?“