บลิซค่อยๆโน้มตัวลงฝากจุมพิตก่อนนอนไว้กลางขวัญของเพื่อนสนิทอย่างแผ่วเบา จนคล้ายมีคล้ายไม่มี
ฝันดีนะ
เขาคิด หันไปหยิบซองใส่บัตรที่ถูกวางไว้อยู่บนหัวเตียง แล้วลุกออกจากห้องไปอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
(อ่านจบมาขอเต๋าได้ 555555555 อ่ย)
บลิซค่อยๆโน้มตัวลงฝากจุมพิตก่อนนอนไว้กลางขวัญของเพื่อนสนิทอย่างแผ่วเบา จนคล้ายมีคล้ายไม่มี
ฝันดีนะ
เขาคิด หันไปหยิบซองใส่บัตรที่ถูกวางไว้อยู่บนหัวเตียง แล้วลุกออกจากห้องไปอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
(อ่านจบมาขอเต๋าได้ 555555555 อ่ย)
ทว่าวันนี้ ... ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด เด็กหนุ่มถึงไม่คิดอกตัญญูผลักไสเจ้าของห้องที่โดนตนยึดพื้นที่เตียงกว่าครึ่ง ทั้งยังยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างเงียบเชียบและมีมารยาท
+
ทว่าวันนี้ ... ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด เด็กหนุ่มถึงไม่คิดอกตัญญูผลักไสเจ้าของห้องที่โดนตนยึดพื้นที่เตียงกว่าครึ่ง ทั้งยังยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างเงียบเชียบและมีมารยาท
+
คนที่....ก่อนหน้านี้เขาเอ่ยรั้งเอาไว้...... ไม่รู้ว่าอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ต้นหรือพึ่งกลับมานอน.. แต่สิ่งสำคัญคืออีกฝ่ายยังอยู่ข้างเขา ไม่ได้หายไปไหน
+
คนที่....ก่อนหน้านี้เขาเอ่ยรั้งเอาไว้...... ไม่รู้ว่าอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ต้นหรือพึ่งกลับมานอน.. แต่สิ่งสำคัญคืออีกฝ่ายยังอยู่ข้างเขา ไม่ได้หายไปไหน
+
(เธออยากอ่าน เราก็จะเขียนให้–)
กว่าคนหลับลึกจะตื่น เวลาก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน เรียกว่านอนข้ามวันก็คงไม่ผิดนัก
เด็กหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้น ศีรษะปวดตุบเหมือนโดนค้อนทุบ พะอืดพะอมจนไม่อยากลุกไปไหน กระทั่งดวงตาหายพร่าเลือนจากความง่วงงุน ทั้งตัวถึงแข็งค้างไปในฉับพลัน
ด้วยเงาร่างและเสียงลมหายใจที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลบนเตียง ทำให้เขาลืมหายใจไปชั่วขณะ
+
(เธออยากอ่าน เราก็จะเขียนให้–)
กว่าคนหลับลึกจะตื่น เวลาก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน เรียกว่านอนข้ามวันก็คงไม่ผิดนัก
เด็กหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้น ศีรษะปวดตุบเหมือนโดนค้อนทุบ พะอืดพะอมจนไม่อยากลุกไปไหน กระทั่งดวงตาหายพร่าเลือนจากความง่วงงุน ทั้งตัวถึงแข็งค้างไปในฉับพลัน
ด้วยเงาร่างและเสียงลมหายใจที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลบนเตียง ทำให้เขาลืมหายใจไปชั่วขณะ
+
(ลุกก็ลุกสิ เอาดัมเบลมาวางทำไม๊ ยัยวัล 😂)
(ลุกก็ลุกสิ เอาดัมเบลมาวางทำไม๊ ยัยวัล 😂)
ปลายนิ้วที่เคยเกาะเสื้อเพื่อนสนิทเอาไว้แน่น ค่อยๆคลายตัวตามแรงตึงของกล้ามเนื้อที่ผ่อนลงทีละน้อย
เป็นการหลับลึกครั้งแรกในรอบหลายเดือน...ยามนี้เลยดูสงบและผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
ไม่จำเป็นต้องบอกก็สามารถรู้ว่า สำหรับบลิซแล้ว... วาเลริกคือ 'พื้นที่ปลอดภัย' หนึ่งเดียวของเขา
ปลายนิ้วที่เคยเกาะเสื้อเพื่อนสนิทเอาไว้แน่น ค่อยๆคลายตัวตามแรงตึงของกล้ามเนื้อที่ผ่อนลงทีละน้อย
เป็นการหลับลึกครั้งแรกในรอบหลายเดือน...ยามนี้เลยดูสงบและผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
ไม่จำเป็นต้องบอกก็สามารถรู้ว่า สำหรับบลิซแล้ว... วาเลริกคือ 'พื้นที่ปลอดภัย' หนึ่งเดียวของเขา
เด็กหนุ่มกล่าว เสียงเบาราวกระซิบ เมื่อความง่วงงุนเริ่มครอบงำอีกครั้ง มือข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาจับเสื้อของวาเลริกเอาไว้ราวกับต้องการรั้งให้อีกฝ่ายอยู่ข้างตนนานอีกสักนิด
"...อย่าไป"
(ส่วนผปค... อย่างง เรางงให้เธอแล้ว 55555)
เด็กหนุ่มกล่าว เสียงเบาราวกระซิบ เมื่อความง่วงงุนเริ่มครอบงำอีกครั้ง มือข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาจับเสื้อของวาเลริกเอาไว้ราวกับต้องการรั้งให้อีกฝ่ายอยู่ข้างตนนานอีกสักนิด
"...อย่าไป"
(ส่วนผปค... อย่างง เรางงให้เธอแล้ว 55555)
แม้กระทั่งตัวบลิซในอนาคตหลังตื่นนอนยังไม่สามารถค้นหาเหตุผลของพฤติกรรมดังกล่าวได้
+
แม้กระทั่งตัวบลิซในอนาคตหลังตื่นนอนยังไม่สามารถค้นหาเหตุผลของพฤติกรรมดังกล่าวได้
+
เป็นบลิซที่ล้มตัวลงนอนเบียดเบียนพื้นที่บนหมอนของวัล....
ตามมาด้วยการเอาศีรษะถูไถเล็กน้อยตรงบริเวณข้างลำคอคล้ายสัตว์ที่ต้องการออดอ้อนและเตรียมตัวนอนใน'พื้นที่ปลอดภัย'ของตนเองไปพร้อมกัน
+
เป็นบลิซที่ล้มตัวลงนอนเบียดเบียนพื้นที่บนหมอนของวัล....
ตามมาด้วยการเอาศีรษะถูไถเล็กน้อยตรงบริเวณข้างลำคอคล้ายสัตว์ที่ต้องการออดอ้อนและเตรียมตัวนอนใน'พื้นที่ปลอดภัย'ของตนเองไปพร้อมกัน
+
ท่าทางการนอนประหนึ่งคนลงโลงของวาเลริกทำให้รอยยิ้มนั้นยิ่งขยับกว้างขึ้น ไม่แน่ว่ากำลังนึกขบขันอะไรอยู่ในใจ
จากนั้นเด็กหนุ่มก็โน้มตัวลง พินิจหน้าตาคนโดนบังคับนอนอยู่พักหนึ่งก่อนยกนิ้วขึ้นจิ้มกลางหว่างคิ้วที่ขมวดมุ้น
+
ท่าทางการนอนประหนึ่งคนลงโลงของวาเลริกทำให้รอยยิ้มนั้นยิ่งขยับกว้างขึ้น ไม่แน่ว่ากำลังนึกขบขันอะไรอยู่ในใจ
จากนั้นเด็กหนุ่มก็โน้มตัวลง พินิจหน้าตาคนโดนบังคับนอนอยู่พักหนึ่งก่อนยกนิ้วขึ้นจิ้มกลางหว่างคิ้วที่ขมวดมุ้น
+
"ไม่เอา..."
"..วัล"
บลิซท้วง สองมือกำผ้าห่มแน่น ด้วยไม่คิดยินยอมให้คนห่างไปไหน ต่อมาจึงเอ่ยถามเสียงเบาด้วยสีหน้าแววตาออดอ้อนอย่างถึงที่สุด
"อยู่.."
"ได้ไหม?"
(วัลพูดถูก สมองมันมีปัญหา...)
"ไม่เอา..."
"..วัล"
บลิซท้วง สองมือกำผ้าห่มแน่น ด้วยไม่คิดยินยอมให้คนห่างไปไหน ต่อมาจึงเอ่ยถามเสียงเบาด้วยสีหน้าแววตาออดอ้อนอย่างถึงที่สุด
"อยู่.."
"ได้ไหม?"
(วัลพูดถูก สมองมันมีปัญหา...)
"นี่..."
โดยไม่ได้สนใจว่าวัลมีสีหน้าท่าทางเป็นอย่างไร คนง่วงงุนก็เขยิบตัวจากตรงกลางมายังฝั่งหนึ่งของเตียง ยอมสละหมอนให้หนึ่งใบ แล้วตบที่นอนข้างๆตนสองสามทีเบาๆ
"มานอน"
ไหนๆลุกจากที่นั่งแล้ว ก็มานอนซะ จะได้ไม่ทำอะไรเสียงดังอีก
(โดนคิลไม่รู้ตัว บอกเลย–)
"นี่..."
โดยไม่ได้สนใจว่าวัลมีสีหน้าท่าทางเป็นอย่างไร คนง่วงงุนก็เขยิบตัวจากตรงกลางมายังฝั่งหนึ่งของเตียง ยอมสละหมอนให้หนึ่งใบ แล้วตบที่นอนข้างๆตนสองสามทีเบาๆ
"มานอน"
ไหนๆลุกจากที่นั่งแล้ว ก็มานอนซะ จะได้ไม่ทำอะไรเสียงดังอีก
(โดนคิลไม่รู้ตัว บอกเลย–)
ในเมื่อตลอดทั้งชีวิตถูกสอน...ไม่สิ...ฝึก..ให้คอยพึ่งพาแต่คนอื่นมาตลอด ขนาดตอนถูกส่งไปรัสเซียตัวเปล่ายังได้เจอกับวัล...
ตามตรงแล้วบลิซก็พึ่งจะมาคิดได้ว่านอกจากกีฬาฟันดาบและของประดิษฐ์เล็กๆน้อยๆแล้วตนเองก็ทำอะไรอย่างอื่นไม่เป็นอีก
หรือชีวิตนี้เขาไม่ควรมีวาเลริกอยู่กัน....เผื่อจะทำอะไรเป็นเองได้บ้าง
+
ในเมื่อตลอดทั้งชีวิตถูกสอน...ไม่สิ...ฝึก..ให้คอยพึ่งพาแต่คนอื่นมาตลอด ขนาดตอนถูกส่งไปรัสเซียตัวเปล่ายังได้เจอกับวัล...
ตามตรงแล้วบลิซก็พึ่งจะมาคิดได้ว่านอกจากกีฬาฟันดาบและของประดิษฐ์เล็กๆน้อยๆแล้วตนเองก็ทำอะไรอย่างอื่นไม่เป็นอีก
หรือชีวิตนี้เขาไม่ควรมีวาเลริกอยู่กัน....เผื่อจะทำอะไรเป็นเองได้บ้าง
+
ประโยคถัดๆมาทำให้เจ้าตัวถอนหายใจอย่างเกียจคร้าน ครึ่งหน้าซุกลงหมอนในอ้อมอก
"..ไม่มีใครสอนจริงๆนั่นแหละ" ทั้งพ่อ ทั้งพี่เลี้ยง ทั้งไอ้นั่น หรือแม้กระทั่ง.......แม่
แต่เขาก็เคยตามเก็บของให้เธอนะ....ถึงจะไม่ได้เก็บให้ตัวเองก็เถอะ
+
ประโยคถัดๆมาทำให้เจ้าตัวถอนหายใจอย่างเกียจคร้าน ครึ่งหน้าซุกลงหมอนในอ้อมอก
"..ไม่มีใครสอนจริงๆนั่นแหละ" ทั้งพ่อ ทั้งพี่เลี้ยง ทั้งไอ้นั่น หรือแม้กระทั่ง.......แม่
แต่เขาก็เคยตามเก็บของให้เธอนะ....ถึงจะไม่ได้เก็บให้ตัวเองก็เถอะ
+
"นายทำ ‘เหี้*’ อะไร"
"ดังชิ***ย"
คิดจะแก้แค้นเรื่องทิ้งเสื้อผ้าไว้ในห้องน้ำหรือไง....
"บอกแล้วนี่ว่าจะนอน"
"ไม่มีใครสั่งสอนหรือไงว่าต้องเงียบ"
(เราจะแตะเกล็ดย้อนวัลในสาม สอง หนึ่....)
"นายทำ ‘เหี้*’ อะไร"
"ดังชิ***ย"
คิดจะแก้แค้นเรื่องทิ้งเสื้อผ้าไว้ในห้องน้ำหรือไง....
"บอกแล้วนี่ว่าจะนอน"
"ไม่มีใครสั่งสอนหรือไงว่าต้องเงียบ"
(เราจะแตะเกล็ดย้อนวัลในสาม สอง หนึ่....)
ความง่วงงุนสะสม ทว่ากลับไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ สร้างความหงุดหงิดใจให้เหลือคณา แม้พยายามเอาหมอนมาปิดหูแล้วก็ยังกลบเสียงงานกรรมกรของเพื่อนร่วมห้องไม่อยู่
+
ความง่วงงุนสะสม ทว่ากลับไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ สร้างความหงุดหงิดใจให้เหลือคณา แม้พยายามเอาหมอนมาปิดหูแล้วก็ยังกลบเสียงงานกรรมกรของเพื่อนร่วมห้องไม่อยู่
+
ถ้ามีคราวหน้าจะเดินออกมาทั้งเปียกๆให้พรมห้องนอนนายเหม็นอับเลย คอยดู!!
(ไปแค้นเขาอีก.. เอ้อ....)
ถ้ามีคราวหน้าจะเดินออกมาทั้งเปียกๆให้พรมห้องนอนนายเหม็นอับเลย คอยดู!!
(ไปแค้นเขาอีก.. เอ้อ....)
ตอนเปิดประตูโพล่งเข้ามาจนทำเขาล้มหัวฟาดพื้นก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือไง?!??
หรือนายพึ่งได้ลูกตาคืน!??
+
ตอนเปิดประตูโพล่งเข้ามาจนทำเขาล้มหัวฟาดพื้นก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือไง?!??
หรือนายพึ่งได้ลูกตาคืน!??
+
เจ้าตัวบ่นอิบในใจ วงแขนกระชับกอดหมอนแน่นขึ้นโดยอัตโนมัติ
เรียกได้ว่าทั้งไว้วางใจและรำคาญใจไปพร้อมๆกัน
เจ้าตัวบ่นอิบในใจ วงแขนกระชับกอดหมอนแน่นขึ้นโดยอัตโนมัติ
เรียกได้ว่าทั้งไว้วางใจและรำคาญใจไปพร้อมๆกัน
ทว่าเคลิ้มหลับได้ไม่นาน เสียงเรียกชื่อตนเองก็ดังขึ้นมาจากหลังประตูห้องน้ำจนสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างหัวเสีย
เป็นอีกครั้งที่วัลขัดจังหวะการนอนของเขา แม้ว่าจะสามารถเดาได้ว่าถูกตะโกนเรียกด้วยเรื่องใด
+
ทว่าเคลิ้มหลับได้ไม่นาน เสียงเรียกชื่อตนเองก็ดังขึ้นมาจากหลังประตูห้องน้ำจนสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างหัวเสีย
เป็นอีกครั้งที่วัลขัดจังหวะการนอนของเขา แม้ว่าจะสามารถเดาได้ว่าถูกตะโกนเรียกด้วยเรื่องใด
+
+
+
และแน่นอน บลิซคาดหวังว่าวัลจะรับรู้ได้ด้วยพลังจิต ไม่เข้าใจผิดว่าเป็นเสื้อเชิ้ตตัวเปียกๆที่กองอยู่บนพื้นห้องน้ำ
แต่ให้พูดตามจริงแล้ว ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจการ์ดเข้าห้องตัวเองเท่าไหร่... คำถามสำคัญจริงๆคือ..
"..นอน?" ได้รึยัง
และแน่นอน บลิซคาดหวังว่าวัลจะรับรู้ได้ด้วยพลังจิต ไม่เข้าใจผิดว่าเป็นเสื้อเชิ้ตตัวเปียกๆที่กองอยู่บนพื้นห้องน้ำ
แต่ให้พูดตามจริงแล้ว ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจการ์ดเข้าห้องตัวเองเท่าไหร่... คำถามสำคัญจริงๆคือ..
"..นอน?" ได้รึยัง
พอเพื่อนสนิทพูดยืนยันจริงๆว่าไม่เจอ แม้นึกสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ยอมตอบคำถามดีๆด้วยเห็นแก่ที่ตนเองยังมีความผิดติดตัวเรื่องบุหรี่
+
พอเพื่อนสนิทพูดยืนยันจริงๆว่าไม่เจอ แม้นึกสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ยอมตอบคำถามดีๆด้วยเห็นแก่ที่ตนเองยังมีความผิดติดตัวเรื่องบุหรี่
+
สรุปใจความได้คร่าวๆว่าบลิซแปะป้ายให้วัลเป็น 'คนทรพีที่ไม่ยอมให้เขาเข้านอน' และ 'ผู้ต้องสงสัยว่าตั้งใจหาเรื่องกวนพระบาท'
"...ตกลงนายหาการ์ดเข้าห้องฉันไม่เจอจริงๆ?"
สรุปใจความได้คร่าวๆว่าบลิซแปะป้ายให้วัลเป็น 'คนทรพีที่ไม่ยอมให้เขาเข้านอน' และ 'ผู้ต้องสงสัยว่าตั้งใจหาเรื่องกวนพระบาท'
"...ตกลงนายหาการ์ดเข้าห้องฉันไม่เจอจริงๆ?"
"แถมยังมาแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่น..."
"...ถ้าฉันไม่มีบุหรี่คงต้องไปหาเอาน้ำมนต์มาล้างตา"
พอได้เริ่ม ก็เหมือนเหยียบเบรคแตก ถึงหวังให้หยุดบ่นเอาตอนนี้ก็ห้ามไม่อยู่แล้ว
"พอนายตื่น ฉันจะนอนบ้างก็มาขัดกัน.."
"แถมยังทำหน้ารังเกียจใส่..."
"...ฉันเป็นคนพานายกลับมาแท้ๆ...."
ต้องเรียกว่าเป็นการระบายความน้อยใจและความอัดอั้นใจออกมามากกว่าการบอกเล่าเรื่องราว
+
"แถมยังมาแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่น..."
"...ถ้าฉันไม่มีบุหรี่คงต้องไปหาเอาน้ำมนต์มาล้างตา"
พอได้เริ่ม ก็เหมือนเหยียบเบรคแตก ถึงหวังให้หยุดบ่นเอาตอนนี้ก็ห้ามไม่อยู่แล้ว
"พอนายตื่น ฉันจะนอนบ้างก็มาขัดกัน.."
"แถมยังทำหน้ารังเกียจใส่..."
"...ฉันเป็นคนพานายกลับมาแท้ๆ...."
ต้องเรียกว่าเป็นการระบายความน้อยใจและความอัดอั้นใจออกมามากกว่าการบอกเล่าเรื่องราว
+