{เลออง} ปี1 | 179/67 | 1-B | ชมรมละครเวที
#AZK_Commu
Doc : https://bit.ly/441CjyO
(ตัวละคร เบียวเจ้าชาย)
“เจ้า…เจ้าให้ข้าจริง ๆ หรือ!?”
เขาก้าวถอยเล็กน้อย มือแตะอกตัวเอง ราวกับกำลังประเมินความยิ่งใหญ่ของเหตุการณ์
“ข้า…ไม่คิดเลยว่าจะมีบุรุษผู้สูงส่งเช่นเจ้า…มอบของอันล้ำค่านี้แก่ข้า…”
+
“เจ้า…เจ้าให้ข้าจริง ๆ หรือ!?”
เขาก้าวถอยเล็กน้อย มือแตะอกตัวเอง ราวกับกำลังประเมินความยิ่งใหญ่ของเหตุการณ์
“ข้า…ไม่คิดเลยว่าจะมีบุรุษผู้สูงส่งเช่นเจ้า…มอบของอันล้ำค่านี้แก่ข้า…”
+
เขานิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มลงมองมือตนเองที่มีรอยกัด แล้วเหลือบสายตาขึ้นมองอีกฝ่ายที่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ ซุกซนกลับมาให้
“อะ… อะ…”
สีหน้าของเลอองเริ่มเปลี่ยน จากงุนงง เป็นเขินอาย ก่อนที่ใบหน้าจะค่อยๆ แดงก่ำขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
+
เขานิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มลงมองมือตนเองที่มีรอยกัด แล้วเหลือบสายตาขึ้นมองอีกฝ่ายที่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ ซุกซนกลับมาให้
“อะ… อะ…”
สีหน้าของเลอองเริ่มเปลี่ยน จากงุนงง เป็นเขินอาย ก่อนที่ใบหน้าจะค่อยๆ แดงก่ำขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
+
ในมือของเลอองคือที่คาดผมยูนิคอร์นสายรุ้ง และที่ผูกเอวซึ่งมีหางม้ายาวฟูติดอยู่
“ใส่ซะ จะได้กลายเป็นยูนิคอร์นสุดเปล่งประกาย!”
เขายิ้มกว้าง ยิ้มแบบคนที่เพิ่งเอาคืนได้อย่างสาสมใจ
“หากเจ้าไม่ใส่ล่ะก็~ ข้าจะไม่ให้แสตมป์ของชมรมข้านะ”
ในมือของเลอองคือที่คาดผมยูนิคอร์นสายรุ้ง และที่ผูกเอวซึ่งมีหางม้ายาวฟูติดอยู่
“ใส่ซะ จะได้กลายเป็นยูนิคอร์นสุดเปล่งประกาย!”
เขายิ้มกว้าง ยิ้มแบบคนที่เพิ่งเอาคืนได้อย่างสาสมใจ
“หากเจ้าไม่ใส่ล่ะก็~ ข้าจะไม่ให้แสตมป์ของชมรมข้านะ”
โรลเปิด | แยกรูท [ช่วงบ่าย]
เลอองก้าวออกมาจากในชุดสโนไวต์สุดอลัง ก่อนจะเหยียบกล่องไม้แล้วชูโปสเตอร์ชมรมขึ้น พร้อมตะโกนเสียงดังฟังชัด
“จงสนใจบูธข้า!”
ตอนนี้เขากำลังโปรโมตชมรมอยู่หน้าบูธด้วยเสียงอันทรงพลัง ถามว่าอายไหมที่ใส่ชุดสโนไวต์? ขอตอบเลยว่าไม่! เพราะเลอองได้รับคำชมจากสมาชิกในชมรมจนความมั่นใจพุ่งทะลุฟ้า
โรลเปิด | แยกรูท [ช่วงบ่าย]
เลอองก้าวออกมาจากในชุดสโนไวต์สุดอลัง ก่อนจะเหยียบกล่องไม้แล้วชูโปสเตอร์ชมรมขึ้น พร้อมตะโกนเสียงดังฟังชัด
“จงสนใจบูธข้า!”
ตอนนี้เขากำลังโปรโมตชมรมอยู่หน้าบูธด้วยเสียงอันทรงพลัง ถามว่าอายไหมที่ใส่ชุดสโนไวต์? ขอตอบเลยว่าไม่! เพราะเลอองได้รับคำชมจากสมาชิกในชมรมจนความมั่นใจพุ่งทะลุฟ้า
ในฐานะเจ้าชายผู้ไม่คุ้นเคยกับการถูกแตะต้องจากหญิงใดแบบนี้ เลอองถึงกับค้าง ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเธอพูดประโยคนั้นออกมา
“ขะ…ชอบน่ะเหรอ!?”
หน้าเลอองขึ้นสีจัดอย่างควบคุมไม่อยู่ เขาสะบัดมือเธอออกแทบจะทันที ใบหน้าแดงจัดราวกับจะระเบิด
+
ในฐานะเจ้าชายผู้ไม่คุ้นเคยกับการถูกแตะต้องจากหญิงใดแบบนี้ เลอองถึงกับค้าง ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเธอพูดประโยคนั้นออกมา
“ขะ…ชอบน่ะเหรอ!?”
หน้าเลอองขึ้นสีจัดอย่างควบคุมไม่อยู่ เขาสะบัดมือเธอออกแทบจะทันที ใบหน้าแดงจัดราวกับจะระเบิด
+
“อะ…ครับ?”
เขาพึมพำเบา ๆ เหมือนถูกกลอนสะกดจิต แม้จะฟังไม่เข้าใจเลยสักนิด
แต่แล้ว…! เขาสะบัดหน้าแรง ๆ ราวกับกำจัดมนต์ดำ พลางยกมือทาบอก
“เกือบไปแล้ว! ข้าจะไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อพลังแห่ง… ความง่วงงุน!”
+
“อะ…ครับ?”
เขาพึมพำเบา ๆ เหมือนถูกกลอนสะกดจิต แม้จะฟังไม่เข้าใจเลยสักนิด
แต่แล้ว…! เขาสะบัดหน้าแรง ๆ ราวกับกำจัดมนต์ดำ พลางยกมือทาบอก
“เกือบไปแล้ว! ข้าจะไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อพลังแห่ง… ความง่วงงุน!”
+
“ข้าขอโทษ…ข้าผิดไปแล้ว! ถ้าข้าแค่เอะใจสักนิด…ข้าคงไม่รับลอตเตอรี่ใบนั้นมาไว้ในมือเด็ดขาด!”
เขาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ น้ำตาไม่มีหรอก แต่แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึก
“เจ้าจะยังให้อภัยชายผู้หลงทางอย่างข้าได้หรือไม่…? หรือเจ้าจะทอดทิ้งข้าให้จมอยู่กับ…เศษกระดาษแห่งความทรยศนี้ตลอดไป…”
เลอองยื่นลอตเตอรี่ในมือให้เธอราวกับมอบดาบสังหาร (ที่จริงมันคือใบแสตมป์)
“ข้าขอโทษ…ข้าผิดไปแล้ว! ถ้าข้าแค่เอะใจสักนิด…ข้าคงไม่รับลอตเตอรี่ใบนั้นมาไว้ในมือเด็ดขาด!”
เขาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ น้ำตาไม่มีหรอก แต่แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึก
“เจ้าจะยังให้อภัยชายผู้หลงทางอย่างข้าได้หรือไม่…? หรือเจ้าจะทอดทิ้งข้าให้จมอยู่กับ…เศษกระดาษแห่งความทรยศนี้ตลอดไป…”
เลอองยื่นลอตเตอรี่ในมือให้เธอราวกับมอบดาบสังหาร (ที่จริงมันคือใบแสตมป์)
“ขอให้ท่าน…ไปสู่สถานที่ที่ดี…”
เขาก้มลงกอดมือที่กุมไว้อย่างแนบแน่น ราวกับไม่อยากปล่อย ก่อนจะหยิบใบสแตมป์ออกมาช้า ๆ แล้ววางมันลงบนหน้าอกอีกฝ่ายอย่างเคารพ
บรรยากาศดูจริงจังราวกับฉากอำลาบนเวทีละคร…แม้จะไม่ใช่ก็เถอะ
+
“ขอให้ท่าน…ไปสู่สถานที่ที่ดี…”
เขาก้มลงกอดมือที่กุมไว้อย่างแนบแน่น ราวกับไม่อยากปล่อย ก่อนจะหยิบใบสแตมป์ออกมาช้า ๆ แล้ววางมันลงบนหน้าอกอีกฝ่ายอย่างเคารพ
บรรยากาศดูจริงจังราวกับฉากอำลาบนเวทีละคร…แม้จะไม่ใช่ก็เถอะ
+
“อะ! เล่นได้มาก! เก่งๆ! เจ้าขี้อายได้สมจริงสุด ๆ!”
“อะ! เล่นได้มาก! เก่งๆ! เจ้าขี้อายได้สมจริงสุด ๆ!”
“เดี๋ยว…! ข้าขอโทษก็ได้! มรดกอะไรนั่น…ข้าให้ป้าเลยก็ได้!”
เขารีบหันไปควานในกระเป๋าอย่างลนๆ หยิบอะไรบางอย่างออกมา เป็นใบแสตมป์ แล้วก็ยื่นให้ด้วยสีหน้าจริงจังราวกับมอบทรัพย์สมบัติของราชวงศ์
จากนั้นเขาก็ยืดอก กลับมาสวมบทเจ้าชายเบียวแบบเต็มพลังอีกครั้ง
“อะ ถือว่าเจ้าเล่นได้ดี…ข้าชอบ!”
“เดี๋ยว…! ข้าขอโทษก็ได้! มรดกอะไรนั่น…ข้าให้ป้าเลยก็ได้!”
เขารีบหันไปควานในกระเป๋าอย่างลนๆ หยิบอะไรบางอย่างออกมา เป็นใบแสตมป์ แล้วก็ยื่นให้ด้วยสีหน้าจริงจังราวกับมอบทรัพย์สมบัติของราชวงศ์
จากนั้นเขาก็ยืดอก กลับมาสวมบทเจ้าชายเบียวแบบเต็มพลังอีกครั้ง
“อะ ถือว่าเจ้าเล่นได้ดี…ข้าชอบ!”
(นี้คือสภาพ เลอองเมื่อลองชุดเจ้าหญิงสโนไวต์ครั้งแรก เพื่อโปรโมตชมรม เขาทำได้✨️)
(นี้คือสภาพ เลอองเมื่อลองชุดเจ้าหญิงสโนไวต์ครั้งแรก เพื่อโปรโมตชมรม เขาทำได้✨️)
ม่านสีชาดเปิดออก สุรเสียงก้องกังวานไปทั่วบริเวณเรียกความสนใจจากผู้ผ่านไปผ่านมา
"ยินดีต้อนรับท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลายสู่ชมรมละครเวที 𝓔𝓷𝓰𝓮𝓴𝓲"
"อย่ารีรอหรือลังเลให้มากความ เชิญชวนทุกท่านเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์บทใหม่นี้ด้วยกันค่ะ✨"
𝓛𝓲𝓷𝓴 — docs.google.com/document/d/1...
ม่านสีชาดเปิดออก สุรเสียงก้องกังวานไปทั่วบริเวณเรียกความสนใจจากผู้ผ่านไปผ่านมา
"ยินดีต้อนรับท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลายสู่ชมรมละครเวที 𝓔𝓷𝓰𝓮𝓴𝓲"
"อย่ารีรอหรือลังเลให้มากความ เชิญชวนทุกท่านเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์บทใหม่นี้ด้วยกันค่ะ✨"
𝓛𝓲𝓷𝓴 — docs.google.com/document/d/1...
[หลังจากผ่านใบอนุญาตจัดตั้ง ชมรมละครเวที ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ]
“เอาล่ะ! ถ่ายรูปที่ระลึกกันหน่อย!”
เขาหยิบกล้องถ่ายภาพแบบโพลารอยด์ออกมาจากเสื้อคลุมอย่างภาคภูมิ
“ทุกคนยืนเรียงๆกัน อย่าลืมรอยยิ้มด้วยล่ะ!”
เสียง แชะ! ดังขึ้น รูปเริ่มออกมา พร้อมกับภาพที่ดูอบอุ่นเต็มไปด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน
[หลังจากผ่านใบอนุญาตจัดตั้ง ชมรมละครเวที ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ]
“เอาล่ะ! ถ่ายรูปที่ระลึกกันหน่อย!”
เขาหยิบกล้องถ่ายภาพแบบโพลารอยด์ออกมาจากเสื้อคลุมอย่างภาคภูมิ
“ทุกคนยืนเรียงๆกัน อย่าลืมรอยยิ้มด้วยล่ะ!”
เสียง แชะ! ดังขึ้น รูปเริ่มออกมา พร้อมกับภาพที่ดูอบอุ่นเต็มไปด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน
ส่วนด้านล่างก็มีข้อความอีกแถว
‘เจ้าของร่ม: เลอองผู้หล่อที่สุด’
พอเห็นข้อความพวกนั้น เลอองก็ยืดอกขึ้นมาทันที ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแบบภูมิใจในผลงานตัวเองสุดๆ
“โอ้ว~ ทำไมเจ้าถึงกางมันออกได้ง่ายดายแบบนั้นล่ะ…? หรือว่าข้า…แรงน้อยไปงั้นเหรอ? แต่อย่าทำมันรุนแรงล่ะ ข้าไม่อยากให้สภาพร่มของข้าเหมือนของเจ้า"
+
ส่วนด้านล่างก็มีข้อความอีกแถว
‘เจ้าของร่ม: เลอองผู้หล่อที่สุด’
พอเห็นข้อความพวกนั้น เลอองก็ยืดอกขึ้นมาทันที ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแบบภูมิใจในผลงานตัวเองสุดๆ
“โอ้ว~ ทำไมเจ้าถึงกางมันออกได้ง่ายดายแบบนั้นล่ะ…? หรือว่าข้า…แรงน้อยไปงั้นเหรอ? แต่อย่าทำมันรุนแรงล่ะ ข้าไม่อยากให้สภาพร่มของข้าเหมือนของเจ้า"
+
แต่เลอองกลับมองเธอราวกับเธอคือเจ้าหญิงจากดินแดนไกลโพ้น ผู้กล้าหาญฝ่าฝูงชน (และกลิ่น) เพื่อภารกิจศักดิ์สิทธิ์นี้
เขากุมมือขึ้นแนบอก ดวงตาเปล่งประกายอย่างซาบซึ้งสุดชีวิต
“ช่าง…ใจกล้าเสียจริง… ข้าซาบซึ้งเหลือเกิน…”
+
แต่เลอองกลับมองเธอราวกับเธอคือเจ้าหญิงจากดินแดนไกลโพ้น ผู้กล้าหาญฝ่าฝูงชน (และกลิ่น) เพื่อภารกิจศักดิ์สิทธิ์นี้
เขากุมมือขึ้นแนบอก ดวงตาเปล่งประกายอย่างซาบซึ้งสุดชีวิต
“ช่าง…ใจกล้าเสียจริง… ข้าซาบซึ้งเหลือเกิน…”
+
“นี่เจ้า… ถึงกับยอมสละของล้ำค่าให้ข้าเลยงั้นหรือ…“
เขาเหลือบตามองอีกฝ่ายด้วยสายตาเปล่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว
“แฮนด์ครีมนี้… เจ้ารู้หรือไม่ มันไม่ใช่แค่ของธรรมดา มันคือกลิ่นหอมแห่งความปรารถนาดี! คือแสงสว่างในวันที่ข้าลืมพกน้ำหอม!”
+
“นี่เจ้า… ถึงกับยอมสละของล้ำค่าให้ข้าเลยงั้นหรือ…“
เขาเหลือบตามองอีกฝ่ายด้วยสายตาเปล่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว
“แฮนด์ครีมนี้… เจ้ารู้หรือไม่ มันไม่ใช่แค่ของธรรมดา มันคือกลิ่นหอมแห่งความปรารถนาดี! คือแสงสว่างในวันที่ข้าลืมพกน้ำหอม!”
+
เขาหยุดพักแล้วลูบคางเหมือนคิดอะไรบางอย่างก่อนจะพูดต่อ
“เดี๋ยวข้าจะมอบตำแหน่งให้เจ้า… ‘เพื่อน’ จงภูมิใจเถอะนะ!”
เขาหยุดพักแล้วลูบคางเหมือนคิดอะไรบางอย่างก่อนจะพูดต่อ
“เดี๋ยวข้าจะมอบตำแหน่งให้เจ้า… ‘เพื่อน’ จงภูมิใจเถอะนะ!”
“สอง เพื่อนข้า…แต่ยิ่งใหญ่กว่า!”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับประกาศราชโองการ ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างภูมิใจเต็มที่ แม้สิ่งที่พูดจะฟังดูเบียวและไร้สาระแค่ไหนก็ตามก็ตาม แต่สำหรับเขา นั่นคือเกียรติสูงสุดที่มอบให้ได้จากใจ!
“สอง เพื่อนข้า…แต่ยิ่งใหญ่กว่า!”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับประกาศราชโองการ ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างภูมิใจเต็มที่ แม้สิ่งที่พูดจะฟังดูเบียวและไร้สาระแค่ไหนก็ตามก็ตาม แต่สำหรับเขา นั่นคือเกียรติสูงสุดที่มอบให้ได้จากใจ!
“แล้วก็เลิกพูดอะไรที่ดูมืดมนแบบนั้นเถอะ และหยุดตั้งคำถามเหมือนตัวเองไม่มีค่าได้แล้ว ข้าไม่ชอบเลย…มันดู—อะ…มันดูน่าหมั่นไส้น่ะสิ!”
เลอองพูดอย่างตะกุกตะกักนิดๆ เพราะหาคำที่ดู ‘เจ้าชายๆ’ ไม่เจอ ก่อนจะปล่อยมือจากแก้มอีกฝ่าย แล้วเอามือเท้าสะโพกด้วยท่าทางภูมิใจ
+
“แล้วก็เลิกพูดอะไรที่ดูมืดมนแบบนั้นเถอะ และหยุดตั้งคำถามเหมือนตัวเองไม่มีค่าได้แล้ว ข้าไม่ชอบเลย…มันดู—อะ…มันดูน่าหมั่นไส้น่ะสิ!”
เลอองพูดอย่างตะกุกตะกักนิดๆ เพราะหาคำที่ดู ‘เจ้าชายๆ’ ไม่เจอ ก่อนจะปล่อยมือจากแก้มอีกฝ่าย แล้วเอามือเท้าสะโพกด้วยท่าทางภูมิใจ
+
เขาจ้องเธอสักพักอย่างครุ่นคิด ก่อนจะถอนหายใจพลางเบือนสายตาไปทางอื่น
“นี่ๆ อย่ามาดูถูกโชคของข้านะ! แล้วก็อย่าพูดว่าเป็นแค่วันธรรมดาแบบนั้นอีก ใครได้เกิดมาก็ถือว่า พิเศษ ทั้งนั้นแหละ!”
+
เขาจ้องเธอสักพักอย่างครุ่นคิด ก่อนจะถอนหายใจพลางเบือนสายตาไปทางอื่น
“นี่ๆ อย่ามาดูถูกโชคของข้านะ! แล้วก็อย่าพูดว่าเป็นแค่วันธรรมดาแบบนั้นอีก ใครได้เกิดมาก็ถือว่า พิเศษ ทั้งนั้นแหละ!”
+
“โคว…”
“นายนี้มัน… เป็นเพื่อนที่แสนดีจริงๆ! ที่มองเห็นความงดงามของข้าออก!”
“อืม… นั่นสินะ เลขสุดท้ายก็เท่เหมือนกัน… ทำไมข้าถึงไม่คิดแบบนั้นนะ? ขอบคุณที่ช่วยมองเห็นความพิเศษของข้า ข้าคงไม่สามารถไปต่อได้ถ้าไม่มีคำปลอบใจของเจ้า…”
+
“โคว…”
“นายนี้มัน… เป็นเพื่อนที่แสนดีจริงๆ! ที่มองเห็นความงดงามของข้าออก!”
“อืม… นั่นสินะ เลขสุดท้ายก็เท่เหมือนกัน… ทำไมข้าถึงไม่คิดแบบนั้นนะ? ขอบคุณที่ช่วยมองเห็นความพิเศษของข้า ข้าคงไม่สามารถไปต่อได้ถ้าไม่มีคำปลอบใจของเจ้า…”
+
เลอองไม่พูดอะไร เพียงแค่ส่งสายตาสิ้นหวัง ราวกับกำลังเรียกร้องความสนใจ ให้อีกฝ่ายเอ่ยถามเขาเสียที
เลอองไม่พูดอะไร เพียงแค่ส่งสายตาสิ้นหวัง ราวกับกำลังเรียกร้องความสนใจ ให้อีกฝ่ายเอ่ยถามเขาเสียที