แล้วเอเทลน่าก็เดินออกไปหาเด็กหนุ่มคนนั้น ด้วยความเร็วที่ค่อนไปทางการกระโดดโลดเต้นมากกว่า
และเมื่อไปถึง เอเทลน่าก็เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างกับคนที่มารับ แล้วอีกฝ่ายก็หัวเราะแห้งๆ และพูดโต้ตอบ
ทว่าคำพูดพวกนั้นถูกเสียงของสายฝนที่กระทบหลังคากลบทับ
ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินห่างออกไป...
.
-----
+
แล้วเอเทลน่าก็เดินออกไปหาเด็กหนุ่มคนนั้น ด้วยความเร็วที่ค่อนไปทางการกระโดดโลดเต้นมากกว่า
และเมื่อไปถึง เอเทลน่าก็เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างกับคนที่มารับ แล้วอีกฝ่ายก็หัวเราะแห้งๆ และพูดโต้ตอบ
ทว่าคำพูดพวกนั้นถูกเสียงของสายฝนที่กระทบหลังคากลบทับ
ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินห่างออกไป...
.
-----
+
ขณะที่มือก็เก็บกระเป๋าเข้าไปในเสื้อโค้ท แล้วดึงด้านหลังในคลุมขึ้นไปบนศีรษะ
สำหรับเสื้อผ้าที่ตัดเย็บในเมืองที่มีฝนตกจนการพกร่มเป็นเรื่องปกติ การรับมือกับสภาพอากาศแบบนั้นถือเป็นเรื่องพื้นฐาน
เอเทลน่าหันกลับมาโบกมือให้อีกครั้ง
+
ขณะที่มือก็เก็บกระเป๋าเข้าไปในเสื้อโค้ท แล้วดึงด้านหลังในคลุมขึ้นไปบนศีรษะ
สำหรับเสื้อผ้าที่ตัดเย็บในเมืองที่มีฝนตกจนการพกร่มเป็นเรื่องปกติ การรับมือกับสภาพอากาศแบบนั้นถือเป็นเรื่องพื้นฐาน
เอเทลน่าหันกลับมาโบกมือให้อีกครั้ง
+
- คนที่มารับเป็นซับคาร์ ไม่ได้เข้ามาร่วมสนทนา แต่โบกมือให้เห็นในระยะที่ห่างสักหน่อย แต่ก็ยังเห็นได้ชัด)
- คนที่มารับเป็นซับคาร์ ไม่ได้เข้ามาร่วมสนทนา แต่โบกมือให้เห็นในระยะที่ห่างสักหน่อย แต่ก็ยังเห็นได้ชัด)
เอเทลน่าหันกลับมาพูดกับคู่สนทนาเดิมอีกครั้ง
"คุณเคียวกะก็อย่าลืมไปที่ร้านนะคะ"
เอเทลน่าหันกลับมาพูดกับคู่สนทนาเดิมอีกครั้ง
"คุณเคียวกะก็อย่าลืมไปที่ร้านนะคะ"
แม้คำว่า 'ยินดีต้อนรับ' นั้นจะเป็นภาษาของประเทศนี้ แต่สำเนียงนั้นผิดเพี้ยนสุดกู่
แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจ อาจจะไม่รู้ตัว
หรืออาจจะเป็นเพราะการปรากฏตัวของใครบางคน
"อ่ะ... เอเท อยู่ที่นี่เอง ทุกคนเป็นห่วงอยู่นะ"
เด็กหนุ่มรูปร่างสูงในชุดคลุมกันฝนโบกไม้โบกมือ พร้อมพูดภาษาอังกฤษในสำเนียงบ้านเกิดของเอเทลน่า
+
แม้คำว่า 'ยินดีต้อนรับ' นั้นจะเป็นภาษาของประเทศนี้ แต่สำเนียงนั้นผิดเพี้ยนสุดกู่
แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจ อาจจะไม่รู้ตัว
หรืออาจจะเป็นเพราะการปรากฏตัวของใครบางคน
"อ่ะ... เอเท อยู่ที่นี่เอง ทุกคนเป็นห่วงอยู่นะ"
เด็กหนุ่มรูปร่างสูงในชุดคลุมกันฝนโบกไม้โบกมือ พร้อมพูดภาษาอังกฤษในสำเนียงบ้านเกิดของเอเทลน่า
+
เพราะเป็นชื่อเฉพาะกิจหลังจากที่เจอกำแพงการออกเสียงเข้าไป
-----
.
(คำว่าคุณเอเทจะแยกใช้คำว่ามิสเตอร์กับมิส แต่ขอพิมพ์แค่คำว่าคุณค่ะ)
เพราะเป็นชื่อเฉพาะกิจหลังจากที่เจอกำแพงการออกเสียงเข้าไป
-----
.
(คำว่าคุณเอเทจะแยกใช้คำว่ามิสเตอร์กับมิส แต่ขอพิมพ์แค่คำว่าคุณค่ะ)
"เอเทลน่า แพลนทาเบลล์" อาจจะเพราะไม่ใช่การพบกันในสถานการณ์เป็นทางการ เลยเลือกที่จะไม่ยื่นมือให้จับ
"คุณเคียวกะจะเรียกเอเทว่า คุณ(มิส)แพลนทาเบลล์ หรือถ้าออกเสียงไม่ถนัด จะเรียกว่าคุณ(มิส)พี ก็ได้ค่ะ
+
"เอเทลน่า แพลนทาเบลล์" อาจจะเพราะไม่ใช่การพบกันในสถานการณ์เป็นทางการ เลยเลือกที่จะไม่ยื่นมือให้จับ
"คุณเคียวกะจะเรียกเอเทว่า คุณ(มิส)แพลนทาเบลล์ หรือถ้าออกเสียงไม่ถนัด จะเรียกว่าคุณ(มิส)พี ก็ได้ค่ะ
+
เอเทลน่าพยักหน้าหงึก ก่อนที่จะมีอะไรบางอย่างทำให้เธอหยิบมือถือขึ้นมาดู
"อ่ะ!" ดวงตาสีฟ้ากระพริบปริบ
"ดูเหมือนว่าเอเทจะออกมานานเกินไป คนของที่ร้านจะมารับแล้วค่ะ"
เอเทลน่าพยักหน้าหงึก ก่อนที่จะมีอะไรบางอย่างทำให้เธอหยิบมือถือขึ้นมาดู
"อ่ะ!" ดวงตาสีฟ้ากระพริบปริบ
"ดูเหมือนว่าเอเทจะออกมานานเกินไป คนของที่ร้านจะมารับแล้วค่ะ"
“แล้วผีเสื้อล่ะ รู้ไหมคะว่าผีเสื้อหมายความว่ายังไง”
ในเมื่อมีคนให้ถามอยู่ตรงนี้ ก็ถามเผื่อไปก่อน จะได้ไม่ต้องหอบความสงสัยกลับไปถึงที่ร้าน
“แล้วผีเสื้อล่ะ รู้ไหมคะว่าผีเสื้อหมายความว่ายังไง”
ในเมื่อมีคนให้ถามอยู่ตรงนี้ ก็ถามเผื่อไปก่อน จะได้ไม่ต้องหอบความสงสัยกลับไปถึงที่ร้าน
“เอเทยังไม่อยากอด เอเทเลยต้องช่วยงานเขาแลกของกิน”
เสียงเจื้อแจ้วนั้นดังเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะสะดุดสักนิด
“ว่าแต่ชื่อร้านหมายความว่าอย่างนั้นเองหรอกเหรอ? เอเทไม่เคยถามเขาเหมือนกัน เห็นแค่สัญลักษณ์พระจันทร์บนตราร้านเท่านั้นเอง”
+
“เอเทยังไม่อยากอด เอเทเลยต้องช่วยงานเขาแลกของกิน”
เสียงเจื้อแจ้วนั้นดังเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะสะดุดสักนิด
“ว่าแต่ชื่อร้านหมายความว่าอย่างนั้นเองหรอกเหรอ? เอเทไม่เคยถามเขาเหมือนกัน เห็นแค่สัญลักษณ์พระจันทร์บนตราร้านเท่านั้นเอง”
+
“เป็นร้านคาเฟ่ที่ดีมากนะ ถ้ามีเวลาควรลองแวะไปสักครั้ง”
ยื่นทั้งหมดในมือให้พร้อมรอยยิ้มทางการค้า(?)
“เป็นร้านคาเฟ่ที่ดีมากนะ ถ้ามีเวลาควรลองแวะไปสักครั้ง”
ยื่นทั้งหมดในมือให้พร้อมรอยยิ้มทางการค้า(?)
“แต่น่าเสียดายที่ถูกแค่ครึ่งเดียว”
เอเทลน่าพูดพลางผ่อนสายกระเป๋าข้างหนึ่งออกจากไหล่ เพื่อดึงตัวกระเป๋าให้หันมาด้านหน้า และเปิดล้วงมือเข้าไปหาของที่อยู่ด้านใน
“คู่หมั้นของเอเทไม่ได้อยู่ที่นี่ ส่วนเรื่องเรียนภาษา... ใช่ เอเทสมัครเรียนภาษาเอาไว้”
ไม่ได้บอกว่าเข้าเรียนหรือไม่
“ดังนั้นเอารางวัลไปเท่านี้ก่อนนะ”
+
“แต่น่าเสียดายที่ถูกแค่ครึ่งเดียว”
เอเทลน่าพูดพลางผ่อนสายกระเป๋าข้างหนึ่งออกจากไหล่ เพื่อดึงตัวกระเป๋าให้หันมาด้านหน้า และเปิดล้วงมือเข้าไปหาของที่อยู่ด้านใน
“คู่หมั้นของเอเทไม่ได้อยู่ที่นี่ ส่วนเรื่องเรียนภาษา... ใช่ เอเทสมัครเรียนภาษาเอาไว้”
ไม่ได้บอกว่าเข้าเรียนหรือไม่
“ดังนั้นเอารางวัลไปเท่านี้ก่อนนะ”
+
"อ่ะ จะให้ทายอย่างเดียวก็ยังไงอยู่ เอเทคิดว่าถ้าคุณนักสืบทายถูก หรือว่าใกล้เคียง... เอเทจะมีรางวัลให้คุณนักสืบด้วยดีกว่า"
"เอาล่ะ คุณนักสืบบอกข้อสันนิษฐานของคุณได้เลยค่ะ"
"อ่ะ จะให้ทายอย่างเดียวก็ยังไงอยู่ เอเทคิดว่าถ้าคุณนักสืบทายถูก หรือว่าใกล้เคียง... เอเทจะมีรางวัลให้คุณนักสืบด้วยดีกว่า"
"เอาล่ะ คุณนักสืบบอกข้อสันนิษฐานของคุณได้เลยค่ะ"
เสื้อผ้าใส่เสื้อโค้ทตามในภาพก่อนเลยค่ะ สะพายกระเป๋าเป้ใบเล็กๆด้านหลัง)
"ประโยคนั้นถ้าคู่หมั้นได้ยิน อาจจะคิดว่าเอเทกำลังโดนเกี้ยวอยู่ก็ได้นะคะ"
ฟังน้ำเสียงอาจะเหมือนพูดเล่นๆ แต่ไม่รู้ว่าในใจคิดจริงจังหรือเปล่า
"ได้อะไรบ้างไหมคะคุณนักสืบ"
เสื้อผ้าใส่เสื้อโค้ทตามในภาพก่อนเลยค่ะ สะพายกระเป๋าเป้ใบเล็กๆด้านหลัง)
"ประโยคนั้นถ้าคู่หมั้นได้ยิน อาจจะคิดว่าเอเทกำลังโดนเกี้ยวอยู่ก็ได้นะคะ"
ฟังน้ำเสียงอาจะเหมือนพูดเล่นๆ แต่ไม่รู้ว่าในใจคิดจริงจังหรือเปล่า
"ได้อะไรบ้างไหมคะคุณนักสืบ"
"ได้ค่ะ เชิญคุณนักสืบตรวจสอบหาเบาะแสได้เลยค่ะ"
"เพียงแต่ไม่มีการแตะเนื้อต้องตัวนะคะ เพราะว่าคู่หมั้นของเอเทคงไม่ชอบใจสักเท่าไร"
"ได้ค่ะ เชิญคุณนักสืบตรวจสอบหาเบาะแสได้เลยค่ะ"
"เพียงแต่ไม่มีการแตะเนื้อต้องตัวนะคะ เพราะว่าคู่หมั้นของเอเทคงไม่ชอบใจสักเท่าไร"
ก่อนจะคลี่รอยยิ้มเหมือนเด็กที่นึกอะไรซุกซนขึ้นมาได้
"คำถามนั้น... ลองเดาดูต่อสิคะ"
ก่อนจะคลี่รอยยิ้มเหมือนเด็กที่นึกอะไรซุกซนขึ้นมาได้
"คำถามนั้น... ลองเดาดูต่อสิคะ"
ดวงตาสีฟ้าเงยสบตากับคนสูงกว่า คิ้วขมวดเล็กน้อย
"เอเทยังไม่ทันบอกว่าเอเทมาจากUKเลยนะ"
ดวงตาสีฟ้าเงยสบตากับคนสูงกว่า คิ้วขมวดเล็กน้อย
"เอเทยังไม่ทันบอกว่าเอเทมาจากUKเลยนะ"
พูดไปก็จ้องมองไปว่าอีกฝ่ายจะยังฟังรู้เรื่องหรือเปล่า
พูดไปก็จ้องมองไปว่าอีกฝ่ายจะยังฟังรู้เรื่องหรือเปล่า