𖤣𖥧𖡼𓋼𖤣𖥧 𝓟𝓻𝓲𝓷𝓬𝓮 𝓸𝓯 𝓛𝓮𝓷𝓬𝓽𝓮𝓷𝓲𝓪 𖡼𖤣𖥧𖡼𓋼𖤣𖥧𓋼
For role play only #ESRA_Commu
╰┈➤ doc : https://bit.ly/40ltYnC
”เพราะคุณนั่นล่ะครับถึงทำให้ผมได้ปีกใหม่มาจนได้ “
ว่าแล้วก็ไม่วายขยับปีกไปมาเบาๆเหมือนอยากให้คนตรงหน้าดูว่าในที่สุดมันก็ดูปกติกับเขาบ้างซักที
ก่อนจะหันกลับมาชวนคุยต่อ
“มาบินเล่นเหรอครับ?”
”เพราะคุณนั่นล่ะครับถึงทำให้ผมได้ปีกใหม่มาจนได้ “
ว่าแล้วก็ไม่วายขยับปีกไปมาเบาๆเหมือนอยากให้คนตรงหน้าดูว่าในที่สุดมันก็ดูปกติกับเขาบ้างซักที
ก่อนจะหันกลับมาชวนคุยต่อ
“มาบินเล่นเหรอครับ?”
เขาถึงได้ขะโงกหน้าไปเข็คดูซักหน่อยก่อนเอ่ยพูดต่อ
”เสร็จแล้วเหรอ?“
เขาถึงได้ขะโงกหน้าไปเข็คดูซักหน่อยก่อนเอ่ยพูดต่อ
”เสร็จแล้วเหรอ?“
“งั้นไปเดินเล่นในงานกันดีไหมครับ?”
ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศให้รุ่นน้องของเขาด้วย
“งั้นไปเดินเล่นในงานกันดีไหมครับ?”
ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศให้รุ่นน้องของเขาด้วย
เขายกยิ้มขำออกมาน้อยๆให้กับท่าทีของรุ่นน้องตรงหน้า ในงานสังคมหรืองานสานสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักร เขามักใช้ปากของเขาเป็นเครื่องมือที่ใช้สร้างคำที่งดงาม ยกยอผู้คนอยู่ก็ไม่น้อย
แต่ท่าทางของคนตรงหน้ายิ่งทำให้เขาอดที่จะเอ็นดูไม่ได้ เขาจนเผลอนกมือขึ้นลูบศรีษะเบาๆอย่างที่มักจะทำกับน้องสาวตัวเองบ่อยๆอย่างเคยตัว แล้วถึงผละตัวออกมา
(+)
เขายกยิ้มขำออกมาน้อยๆให้กับท่าทีของรุ่นน้องตรงหน้า ในงานสังคมหรืองานสานสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักร เขามักใช้ปากของเขาเป็นเครื่องมือที่ใช้สร้างคำที่งดงาม ยกยอผู้คนอยู่ก็ไม่น้อย
แต่ท่าทางของคนตรงหน้ายิ่งทำให้เขาอดที่จะเอ็นดูไม่ได้ เขาจนเผลอนกมือขึ้นลูบศรีษะเบาๆอย่างที่มักจะทำกับน้องสาวตัวเองบ่อยๆอย่างเคยตัว แล้วถึงผละตัวออกมา
(+)
“เหรอ ที่เอลโวเรียมีมีที่ไหนแนะนำบ้างไหม?”
เขาเอ่ยทักถามทันทีเมื่อรู้อย่างนั้น ท่าทางดูออกจะกระตือรือร้นขึ้นมาไม่น้อย
“เหรอ ที่เอลโวเรียมีมีที่ไหนแนะนำบ้างไหม?”
เขาเอ่ยทักถามทันทีเมื่อรู้อย่างนั้น ท่าทางดูออกจะกระตือรือร้นขึ้นมาไม่น้อย
ที่ว่ายกยิ้มอยู่แล้วตอนนี้ดูเหมือนจะยกยิ้มกว้างกว่าเดิม
“ผมออกจะมั่นใจกับมันอยู่บ้าง...“
เขาว่าก่อนจะพูดต่อ
“แต่ถ้าให้เทียบ พวกที่ผสมด้วยแอลกอฮอล์ผมออกจะมั่นใจมากกว่าหน่อย”
ที่ว่ายกยิ้มอยู่แล้วตอนนี้ดูเหมือนจะยกยิ้มกว้างกว่าเดิม
“ผมออกจะมั่นใจกับมันอยู่บ้าง...“
เขาว่าก่อนจะพูดต่อ
“แต่ถ้าให้เทียบ พวกที่ผสมด้วยแอลกอฮอล์ผมออกจะมั่นใจมากกว่าหน่อย”
”โทนสีค่อนข้างหลากหลายเลยล่ะ แต่สีส่วนใหญ่จะเป็นสีที่ได้จากธรรมชาติทั้งนั้น“
”ผมไม่ค่อยรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเสื้อผ้าเท่าไหร่ อาจจะอธิบายได้ไม่ละเอียด...”
ว่าแล้วก็นิ่งไปซักพักเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะชูแขนของตนให้รุ่นน้องได้เห็นเนื้อผ้าใกล้ๆ
“แต่ถ้าพวกเนื้อผ้าคงจะประมาณนี้?”
”โทนสีค่อนข้างหลากหลายเลยล่ะ แต่สีส่วนใหญ่จะเป็นสีที่ได้จากธรรมชาติทั้งนั้น“
”ผมไม่ค่อยรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเสื้อผ้าเท่าไหร่ อาจจะอธิบายได้ไม่ละเอียด...”
ว่าแล้วก็นิ่งไปซักพักเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะชูแขนของตนให้รุ่นน้องได้เห็นเนื้อผ้าใกล้ๆ
“แต่ถ้าพวกเนื้อผ้าคงจะประมาณนี้?”
เขาพูดขึ้นยิ้มๆก่อนจะนิ่งคิดไปอยู่ซักพักหนึ่งเหมือนกำลังนึกหาคำอธิบาย
“ความจริงแล้วทั้งคนที่มาช่วยงาน หรือแม้แต่ผมก็ใส่ชุดของเลคเทเนียนี่ล่ะครับ”
(+)
เขาพูดขึ้นยิ้มๆก่อนจะนิ่งคิดไปอยู่ซักพักหนึ่งเหมือนกำลังนึกหาคำอธิบาย
“ความจริงแล้วทั้งคนที่มาช่วยงาน หรือแม้แต่ผมก็ใส่ชุดของเลคเทเนียนี่ล่ะครับ”
(+)
ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นเขาจ้องมองดไปที่ดวงตาที่สะท้อนแสงไปมา งดงามไม่ต่างจากคริสตัลรอบๆตัวของพวกเขา
“คริสตัลแห่งโชคชะตาที่คนเขาว่ากัน ความจริงแล้วผมไม่ได้เชื่อมันมากนักหรอกครับ“
เขาพูดสารภาพออกมาตามจริง
”แต่ผมกลับคิดว่าการที่พวกเราได้ใช้เวลาอยู่ ณ ที่นี้ เวลานี้ต่างหาก ที่ทำให้มันถูกกล่าวถึงเช่นนั้น“
ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นเขาจ้องมองดไปที่ดวงตาที่สะท้อนแสงไปมา งดงามไม่ต่างจากคริสตัลรอบๆตัวของพวกเขา
“คริสตัลแห่งโชคชะตาที่คนเขาว่ากัน ความจริงแล้วผมไม่ได้เชื่อมันมากนักหรอกครับ“
เขาพูดสารภาพออกมาตามจริง
”แต่ผมกลับคิดว่าการที่พวกเราได้ใช้เวลาอยู่ ณ ที่นี้ เวลานี้ต่างหาก ที่ทำให้มันถูกกล่าวถึงเช่นนั้น“
เพราะเขาก็มีความคิดที่คล้ายกันไม่ต่างจากเธอ
(+)
เพราะเขาก็มีความคิดที่คล้ายกันไม่ต่างจากเธอ
(+)
สุดท้ายเขาก็ระเบิดขำออกมาตามรุ่นน้อฝ ดูไม่ได้คิดจะปกปิดท่าทีตามแบบฉบับของเหล่าราชนิกุลเลยแม้แต่นิดเดียว ก่อนที่ตะค่อยๆพยายามพรูลมหายใจให้สามารถคุยกับคนตรงหน้าต่อได้
“เพราะเธอคุยสนุกด้วยต่างหากไม่ใช่ผมคนเดียวหรอก”
(+)
สุดท้ายเขาก็ระเบิดขำออกมาตามรุ่นน้อฝ ดูไม่ได้คิดจะปกปิดท่าทีตามแบบฉบับของเหล่าราชนิกุลเลยแม้แต่นิดเดียว ก่อนที่ตะค่อยๆพยายามพรูลมหายใจให้สามารถคุยกับคนตรงหน้าต่อได้
“เพราะเธอคุยสนุกด้วยต่างหากไม่ใช่ผมคนเดียวหรอก”
(+)
"แน่นอนสิ ของแบบนี้ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้หรอกนะครับ“
“ผมชอบที่คุณพูดนะ“
ออกจะเห็นด้วยสุดๆเลยล่ะ
”เพราะคนที่รู้คุณค่าของตัวเองมักจะเปล่งประกายไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน“
เขาเอ่ยขึ้นก่อนจะหันมองหน้าของรุ่นน้องไม่วายกล่าวชมไปอีกยก
“ยกตัวอย่างเช่นคุณเป็นต้น“
"แน่นอนสิ ของแบบนี้ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้หรอกนะครับ“
“ผมชอบที่คุณพูดนะ“
ออกจะเห็นด้วยสุดๆเลยล่ะ
”เพราะคนที่รู้คุณค่าของตัวเองมักจะเปล่งประกายไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน“
เขาเอ่ยขึ้นก่อนจะหันมองหน้าของรุ่นน้องไม่วายกล่าวชมไปอีกยก
“ยกตัวอย่างเช่นคุณเป็นต้น“
”ธรรมชาติมักจะมีความสวยงามในตัวของมันเองอยู่เสมอ“
”สีผิวที่คล้ำขึ้นสำหรับผมแล้วก็เหมือนกับการได้สัมผัสได้เข้าใกล้มันมากขึ้นกว่าเดิม“
“เป็นอะไรที่น่าหลงไหลอย่างที่คุณพูดจริงๆนั่นล่ะครับ”
เมื่อได้ยินคนยอ มีหรือที่เขาจะอดพูดจ้อออกมาไม่หยุดได้ เขาเอ่ยเล่าความคิดของเขาอย่างอารมณ์ดี
(+)
”ธรรมชาติมักจะมีความสวยงามในตัวของมันเองอยู่เสมอ“
”สีผิวที่คล้ำขึ้นสำหรับผมแล้วก็เหมือนกับการได้สัมผัสได้เข้าใกล้มันมากขึ้นกว่าเดิม“
“เป็นอะไรที่น่าหลงไหลอย่างที่คุณพูดจริงๆนั่นล่ะครับ”
เมื่อได้ยินคนยอ มีหรือที่เขาจะอดพูดจ้อออกมาไม่หยุดได้ เขาเอ่ยเล่าความคิดของเขาอย่างอารมณ์ดี
(+)
“ถือว่าได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ก็แปลกใหม่ดีนะ”
ถึงเขาจะไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คนตรงหน้าพูดจะเป็นจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆคือ ถึงมันจะไม่จริงแต่เขาก็ไม่อยากให้ใครรู้เท่าไหร่นักหรอก
“เพราะอย่างนั้นเจ้าก็ต้องอุบเรื่องนี้ไว้ให้ดีล่ะ”
เขาเอ่ยขึ้นก่อนจะทำมือเหมือนรูดซิบปาก
“ถือว่าได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ก็แปลกใหม่ดีนะ”
ถึงเขาจะไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คนตรงหน้าพูดจะเป็นจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆคือ ถึงมันจะไม่จริงแต่เขาก็ไม่อยากให้ใครรู้เท่าไหร่นักหรอก
“เพราะอย่างนั้นเจ้าก็ต้องอุบเรื่องนี้ไว้ให้ดีล่ะ”
เขาเอ่ยขึ้นก่อนจะทำมือเหมือนรูดซิบปาก
เขายกยิ้มท่าทางดูดีใจไม่น้อยแต่ก็ไม่วายเอ่ยเสริมขึ่นเช่นกัน
“ยังดีที่มีคนช่วย ไม่งั้นผมคงทำไม่ได้ขนาดนี้หรอก”
เขายกยิ้มท่าทางดูดีใจไม่น้อยแต่ก็ไม่วายเอ่ยเสริมขึ่นเช่นกัน
“ยังดีที่มีคนช่วย ไม่งั้นผมคงทำไม่ได้ขนาดนี้หรอก”
เขาเอ่ยขึ้น ทั้งได้ชมวัฒนธรรมต่างอาณาจักรทั้งยัฃเป็นองค์หญิงตรงหน้าแล้ว จะธรรมดาได้ที่ไหนกัน
มือที่จับดินสอยังคงถูกขีดไปมาอย่างคุ้นชิน ดูเหมือนว่าเขาจะโฟกัสกับมันเกินไปเล็กน้อยทำให้หลังจากกล่าวชมเขาก็เงียบลงไปไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่ม
จนกระทั่งคนตรงหน้าเอ่ยทักขึ้นเขาถึงหันหน้ากลับไปตอบ
(+)
เขาเอ่ยขึ้น ทั้งได้ชมวัฒนธรรมต่างอาณาจักรทั้งยัฃเป็นองค์หญิงตรงหน้าแล้ว จะธรรมดาได้ที่ไหนกัน
มือที่จับดินสอยังคงถูกขีดไปมาอย่างคุ้นชิน ดูเหมือนว่าเขาจะโฟกัสกับมันเกินไปเล็กน้อยทำให้หลังจากกล่าวชมเขาก็เงียบลงไปไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่ม
จนกระทั่งคนตรงหน้าเอ่ยทักขึ้นเขาถึงหันหน้ากลับไปตอบ
(+)
เมื่อเห็นถึงความตั้งใจของเด็กตรงหน้าเขาก็ฉีกยิ้มกว้าง พลางเก็บกระดาษากลับมา
“ถ้าอย่างนั้นลองวาดกันดูครับ ถ้าทำเสร็จแล้วหรือมีอะไรก็เรียกผมนะ“
....
เขาพูดขึ้นก่อนจะเดินหายออกไปซักพักใหญ่ดูท่าว่าคงอยากปล่อยให้เด็กชายได้ลองผิดลองถูกทำดูก่อน
แต่ซักพักเขาก็กลับมาอีกครั้งพร้อมน้ำผลไม้แก้วหนึ่งเลื่อนมาวางไว้ไม่ห่างกันมาก
“เผื่อเอาไว้เติมพลัง”
เมื่อเห็นถึงความตั้งใจของเด็กตรงหน้าเขาก็ฉีกยิ้มกว้าง พลางเก็บกระดาษากลับมา
“ถ้าอย่างนั้นลองวาดกันดูครับ ถ้าทำเสร็จแล้วหรือมีอะไรก็เรียกผมนะ“
....
เขาพูดขึ้นก่อนจะเดินหายออกไปซักพักใหญ่ดูท่าว่าคงอยากปล่อยให้เด็กชายได้ลองผิดลองถูกทำดูก่อน
แต่ซักพักเขาก็กลับมาอีกครั้งพร้อมน้ำผลไม้แก้วหนึ่งเลื่อนมาวางไว้ไม่ห่างกันมาก
“เผื่อเอาไว้เติมพลัง”
ไม่วายอธิบายเสริมเกี่ยวกับบูธของตัวเองบ้าง
”ผมทำบูธแกะสลักน่ะ เลยต้องคอยดูตลอด ถ้าสนใจก็แวะมาได้นะครับ“
(พ้มมาต่อ ขอโทษที่ช้านะคั้บ กี๊ด😭😭🙏)
ไม่วายอธิบายเสริมเกี่ยวกับบูธของตัวเองบ้าง
”ผมทำบูธแกะสลักน่ะ เลยต้องคอยดูตลอด ถ้าสนใจก็แวะมาได้นะครับ“
(พ้มมาต่อ ขอโทษที่ช้านะคั้บ กี๊ด😭😭🙏)
เขายกยิ้มขึ้น โอกาสได้ทั้งเที่ยวอาณาจักรอื่นแถมได้ลองอะไรใหม่ๆเขาจะพลาดได้ยังไงกันล่ะจริงไผม?
“ถึงตอนนั้นคงต้องรบกวนด้วยนะครับ”
เมื่อพูดจบถึงค่อยเอ่ยตอบกลับคำถามของอีกฝ่ายไปบ้าง
“คนเยอะกว่าที่ผมคาดไว้ทำเอาหัวหมุนเลยล่ะครับ“
(+)
เขายกยิ้มขึ้น โอกาสได้ทั้งเที่ยวอาณาจักรอื่นแถมได้ลองอะไรใหม่ๆเขาจะพลาดได้ยังไงกันล่ะจริงไผม?
“ถึงตอนนั้นคงต้องรบกวนด้วยนะครับ”
เมื่อพูดจบถึงค่อยเอ่ยตอบกลับคำถามของอีกฝ่ายไปบ้าง
“คนเยอะกว่าที่ผมคาดไว้ทำเอาหัวหมุนเลยล่ะครับ“
(+)
ทำให้เขาอดที่จะตั้งตาคอยวันที่เหลือในอาเธอร์ไวน์ที่จะมาถึงไม่ได้เลยทีเดียวเชียว
(เค้าขอจบโรลของทางนี้เลยนะคั้บ! ปล่อยบอทให้เด็กๆกลับกันโลย ขอบคุณที่แวะมาบินเล่นด้วยกันมากโลยนะคั้บ🥺🙏)
ทำให้เขาอดที่จะตั้งตาคอยวันที่เหลือในอาเธอร์ไวน์ที่จะมาถึงไม่ได้เลยทีเดียวเชียว
(เค้าขอจบโรลของทางนี้เลยนะคั้บ! ปล่อยบอทให้เด็กๆกลับกันโลย ขอบคุณที่แวะมาบินเล่นด้วยกันมากโลยนะคั้บ🥺🙏)
ก่อนจะจับมือที่ยื่นมาให้ และดึงตัวอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างเบามือ
เซเฟอร์กระพือปีกขึ้นเบาๆเพื่อเตรียมตัวร่อนลงจากหลังคากลับไปยังสถานที่จัดงานด้วยกันอีกครั้ง
"งั้นไปกันเถอะครับ“
ว่าจบก็เริ่มลอยตัวออกบินขึ้นช้าๆ
ก่อนจะจับมือที่ยื่นมาให้ และดึงตัวอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างเบามือ
เซเฟอร์กระพือปีกขึ้นเบาๆเพื่อเตรียมตัวร่อนลงจากหลังคากลับไปยังสถานที่จัดงานด้วยกันอีกครั้ง
"งั้นไปกันเถอะครับ“
ว่าจบก็เริ่มลอยตัวออกบินขึ้นช้าๆ