✎ ชมรมวิเคราะห์บุคคล👽📄
#THK_COMMU
Doc : https://bit.ly/4cgssaG
(ตอบช้าไปบ้างต้องขออภัยค่ะ ช่วงนี้งานรัดตัวจริงๆ TT )
คนตัวสูงหันไปมองผู้คนรอบ ๆ ที่เริ่มจะส่งเสียงครื้นเครงผิดจากตอนที่ทั้งเกาะปกคลุมไปด้วยความมืดมิดลิบลับ
“...แต่เดินคนเดียวคงจะเหงาแย่ ไม่รู้ว่าจะมีใครอยากไปเดินกับผมด้วยหรือเปล่า?”
นาโอยะกระแอมไอแก้เขินในลำคอ พลางลูบท้ายทอยไปมา ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อหรือเปล่า
คนตัวสูงหันไปมองผู้คนรอบ ๆ ที่เริ่มจะส่งเสียงครื้นเครงผิดจากตอนที่ทั้งเกาะปกคลุมไปด้วยความมืดมิดลิบลับ
“...แต่เดินคนเดียวคงจะเหงาแย่ ไม่รู้ว่าจะมีใครอยากไปเดินกับผมด้วยหรือเปล่า?”
นาโอยะกระแอมไอแก้เขินในลำคอ พลางลูบท้ายทอยไปมา ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อหรือเปล่า
ฉับพลันแสงสว่างของทั่วทั้งเกาะก็กลับมาเป็นปกติ เสียงอื้ออึงของคนภายในงานก็กลับมาดังเช่นเดิม
ร่างสูงกระพริบตาไปมาเพื่อปรับโฟกัส แล้วจึงหันไปยิ้มให้หญิงสาว
“เหมือนว่าไฟจะมาแล้วนะครับ”
ฉับพลันแสงสว่างของทั่วทั้งเกาะก็กลับมาเป็นปกติ เสียงอื้ออึงของคนภายในงานก็กลับมาดังเช่นเดิม
ร่างสูงกระพริบตาไปมาเพื่อปรับโฟกัส แล้วจึงหันไปยิ้มให้หญิงสาว
“เหมือนว่าไฟจะมาแล้วนะครับ”
“ฮะ ๆ นั่นสิครับ คงเป็นผมที่บ้าไปเอง...”
“คนที่ตายไปแล้วคงไม่มาอยู่ตรงนี้หรอกครับ เอ...หรือผมจะเข้าใจผิดมาโดยตลอดกันล่ะเนี่ย?”
ถึงปากจะพูดว่าเข้าใจผิดไปเอง แต่น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยการหยอกล้อ ก็บ่งบอกว่าร่างสูงยังคงเชื่อแบบนั้น เชื่อว่าแฝดผู้น้องยังอยู่ข้าง ๆ กายเขา
+
“ฮะ ๆ นั่นสิครับ คงเป็นผมที่บ้าไปเอง...”
“คนที่ตายไปแล้วคงไม่มาอยู่ตรงนี้หรอกครับ เอ...หรือผมจะเข้าใจผิดมาโดยตลอดกันล่ะเนี่ย?”
ถึงปากจะพูดว่าเข้าใจผิดไปเอง แต่น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยการหยอกล้อ ก็บ่งบอกว่าร่างสูงยังคงเชื่อแบบนั้น เชื่อว่าแฝดผู้น้องยังอยู่ข้าง ๆ กายเขา
+
“ไม่ต้องห่วงนะครับ เขาไม่ทำอะไรหรอก”
คนตัวสูงยิ้มรับไม่ปฏิเสธ จึงเป็นการตอกย้ำว่าสิ่งที่เธอเห็นนั้น ไม่ได้เป็นแค่ภาพลวงตาแต่อย่างใด
สงสัยน้องชายเขาคงจะอยากมาทักทายเธอกระมัง?
“ไม่ต้องห่วงนะครับ เขาไม่ทำอะไรหรอก”
คนตัวสูงยิ้มรับไม่ปฏิเสธ จึงเป็นการตอกย้ำว่าสิ่งที่เธอเห็นนั้น ไม่ได้เป็นแค่ภาพลวงตาแต่อย่างใด
สงสัยน้องชายเขาคงจะอยากมาทักทายเธอกระมัง?
สิ่งที่พบ...กลับมีแต่ความว่างเปล่า
“พี่...เห็นหรือครับ?”
ร่างสูงเม้มริมฝีปากกดความตื่นเต้น เขารู้ว่าไม่ควรจะรู้สึกแบบนี้ ในขณะที่หญิงสาวเป็นกังวล
นาโอยะไม่แน่ใจว่าเธอเห็นใครหรืออะไร แต่ถ้าหากคนที่เธอเห็นคือน้องชายของเขาขึ้นมาละ?
“เขาเป็นยังไงครับ” รู้ว่าไม่ควรถาม แต่ก็อดที่จะเอื้อนเอ่ยออกไปไม่ได้
สิ่งที่พบ...กลับมีแต่ความว่างเปล่า
“พี่...เห็นหรือครับ?”
ร่างสูงเม้มริมฝีปากกดความตื่นเต้น เขารู้ว่าไม่ควรจะรู้สึกแบบนี้ ในขณะที่หญิงสาวเป็นกังวล
นาโอยะไม่แน่ใจว่าเธอเห็นใครหรืออะไร แต่ถ้าหากคนที่เธอเห็นคือน้องชายของเขาขึ้นมาละ?
“เขาเป็นยังไงครับ” รู้ว่าไม่ควรถาม แต่ก็อดที่จะเอื้อนเอ่ยออกไปไม่ได้
นาโอยะยิ้มรับท่ามกลางความมืดมิด กระชับมือของหญิงสาวให้แนบชิดกว่าเดิม ฟังจากน้ำเสียงของเธอแล้ว ท่าทางคงจะรู้สึกกังวลอยู่แน่ ๆ
กายสูงโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูหญิงสาวจนรับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ
“กลัวรึเปล่าครับ?”
“ผมจะไม่ไปไหนครับ ไม่ต้องกังวลนะ”
นิ้วเรียวยาวเขี่ยฝ่ามือขาวของคุณรุ่นพี่เบา ๆ ราวกับว่าต้องการจะปลอบโยนคนตัวเล็กให้รับรู้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้
นาโอยะยิ้มรับท่ามกลางความมืดมิด กระชับมือของหญิงสาวให้แนบชิดกว่าเดิม ฟังจากน้ำเสียงของเธอแล้ว ท่าทางคงจะรู้สึกกังวลอยู่แน่ ๆ
กายสูงโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูหญิงสาวจนรับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ
“กลัวรึเปล่าครับ?”
“ผมจะไม่ไปไหนครับ ไม่ต้องกังวลนะ”
นิ้วเรียวยาวเขี่ยฝ่ามือขาวของคุณรุ่นพี่เบา ๆ ราวกับว่าต้องการจะปลอบโยนคนตัวเล็กให้รับรู้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้
“จับมือกันไว้นะครับ จะได้ไม่หลง”
ร่างสูงกระแอมไอเล็กน้อยแก้ความรู้สึกขัดเขินที่ตนจับมือหญิงสาวก่อน
“ฮิเมะคาวะซังเริ่มชินกับความมืดหรือยังครับ? เราเดินไปใกล้ ๆ งานกันไหม ไฟมาเมื่อไหร่ จะได้เดินงานด้วยกันเลย?”
“เห็นว่ามีนักเรียนตั้งบูธกันด้วยน่ะครับ เผื่อ คุณอยากไปดู...”
“จับมือกันไว้นะครับ จะได้ไม่หลง”
ร่างสูงกระแอมไอเล็กน้อยแก้ความรู้สึกขัดเขินที่ตนจับมือหญิงสาวก่อน
“ฮิเมะคาวะซังเริ่มชินกับความมืดหรือยังครับ? เราเดินไปใกล้ ๆ งานกันไหม ไฟมาเมื่อไหร่ จะได้เดินงานด้วยกันเลย?”
“เห็นว่ามีนักเรียนตั้งบูธกันด้วยน่ะครับ เผื่อ คุณอยากไปดู...”
“แต่ของผมมันไม่มีวันเป็นจริงหรอกครับ ผมรู้ดี---”
สิ้นสุรเสียง ทั่วทั้งงาน ไม่สิอาจจะเป็นทั่วทั้งเกาะก็ตกอยู่ในความมืดมิด จู่ ๆ แสงไฟก็ดับลง เงียบงันไม่มีแม่แต่เสียงของจั๊กจั่น เสียงของลมพัดใบไผ่ หรือเสียงของผู้คน
บรรยากาศคล้ายจะหนักอึ้ง นาโอยะถอนหายใจพึมพำ
‘อา เป็นแบบนี้อีกแล้ว’
+
“แต่ของผมมันไม่มีวันเป็นจริงหรอกครับ ผมรู้ดี---”
สิ้นสุรเสียง ทั่วทั้งงาน ไม่สิอาจจะเป็นทั่วทั้งเกาะก็ตกอยู่ในความมืดมิด จู่ ๆ แสงไฟก็ดับลง เงียบงันไม่มีแม่แต่เสียงของจั๊กจั่น เสียงของลมพัดใบไผ่ หรือเสียงของผู้คน
บรรยากาศคล้ายจะหนักอึ้ง นาโอยะถอนหายใจพึมพำ
‘อา เป็นแบบนี้อีกแล้ว’
+
“ก็ ครับผมมาเขียนคำอธิษฐานน่ะ...”
“ถึงจะรู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางจะเป็นจริงได้เถอะ ฮะ ๆ”
เขายิ้มหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ ท่าทีเหมือนกับเรื่องที่พึ่งพูดออกมาไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร...
หากแต่แววตากลับวูบไหวอย่างน่าประหลาด
“แล้วรุ่นพี่ล่ะครับ ได้มาเขียนคำอธิษฐานอะไรหรือยัง?”
“ก็ ครับผมมาเขียนคำอธิษฐานน่ะ...”
“ถึงจะรู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางจะเป็นจริงได้เถอะ ฮะ ๆ”
เขายิ้มหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ ท่าทีเหมือนกับเรื่องที่พึ่งพูดออกมาไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร...
หากแต่แววตากลับวูบไหวอย่างน่าประหลาด
“แล้วรุ่นพี่ล่ะครับ ได้มาเขียนคำอธิษฐานอะไรหรือยัง?”
ลูกกระเดือกสั่นไหวขึ้นลง มือหนารีบปล่อยองค์เอวออกยกมือขึ้นมาไว้ข้างตัวราวกับเป็นผู้กระทำผิด
เสียดายนิดหน่อย แต่จำใจต้องปล่อยมือ...
อยู่ในโรงเรียนแท้ ๆ มือไวอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน?
นาโอยะตบตีอยู่กับตัวเองสักครู่ ก่อนจะพรั่งพรูลมหายใจให้ความรู้สึกกลับมาเป็นปกติ แล้วยิ้มถามถึงสิ่งที่หญิงสาวตามหา
“ต่างหูนั่น เป็นของสำคัญมากหรือครับ?”
ลูกกระเดือกสั่นไหวขึ้นลง มือหนารีบปล่อยองค์เอวออกยกมือขึ้นมาไว้ข้างตัวราวกับเป็นผู้กระทำผิด
เสียดายนิดหน่อย แต่จำใจต้องปล่อยมือ...
อยู่ในโรงเรียนแท้ ๆ มือไวอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน?
นาโอยะตบตีอยู่กับตัวเองสักครู่ ก่อนจะพรั่งพรูลมหายใจให้ความรู้สึกกลับมาเป็นปกติ แล้วยิ้มถามถึงสิ่งที่หญิงสาวตามหา
“ต่างหูนั่น เป็นของสำคัญมากหรือครับ?”
ใบหูนิ่มขึ้นสีเล็กน้อย เธอแหย่เขาอีกแล้ว...
“ใจเย็นสิครับ เดี๋ยวก็ได้ล้มกันทั้งคู่หรอก”
นาโอยะเปลี่ยนจากกอบกุมมือหญิงสาวเป็นจับมือเธอให้คลายออก ก่อนจะวางต่างหูงามคืนให้
“หึ ๆ นี่ครับ ผมไม่แกล้งแล้วก็ได้”
ใบหูนิ่มขึ้นสีเล็กน้อย เธอแหย่เขาอีกแล้ว...
“ใจเย็นสิครับ เดี๋ยวก็ได้ล้มกันทั้งคู่หรอก”
นาโอยะเปลี่ยนจากกอบกุมมือหญิงสาวเป็นจับมือเธอให้คลายออก ก่อนจะวางต่างหูงามคืนให้
“หึ ๆ นี่ครับ ผมไม่แกล้งแล้วก็ได้”
นาโอยะเห็นหญิงสาวแบมือมาตรงหน้า ก็ใช้มือข้างที่ไม่ได้ถือต่างหูกอบกุมฝ่ามือนุ่ม ๆ ของอีกฝ่าย
“อยากจับมือหรือครับ? ได้อยู่แล้วผมไม่ติดอะไร”
“ให้ผมพาไปหาไหมครับ? ผมว่าของที่คุณทำหายคงจะอยู่แถว ๆ นี้แน่”
นาโอยะเห็นหญิงสาวแบมือมาตรงหน้า ก็ใช้มือข้างที่ไม่ได้ถือต่างหูกอบกุมฝ่ามือนุ่ม ๆ ของอีกฝ่าย
“อยากจับมือหรือครับ? ได้อยู่แล้วผมไม่ติดอะไร”
“ให้ผมพาไปหาไหมครับ? ผมว่าของที่คุณทำหายคงจะอยู่แถว ๆ นี้แน่”
“บังเอิญจังเลย ฮิเมะคาวะซังก็มาแขวนคำอธิษฐานเหมือนกันสินะครับ?”
แต่ดูจากท่าทางที่ร้อนรนและนัยน์ตาสีทับทิมสวยที่กำลังจับจ้องมายังสิ่งของที่อยู่ในมือเขา
โอ้ มาตามหาของนี่เอง...
นาโอยะยิ้มนึกอยากแกล้งเธอขึ้นมาดื้อ ๆ จึงทำเป็นไม่สนใจสายตานั้น
“หรือว่ามาตามหาของครับ ให้ผมช่วยหาไหม?”
“บังเอิญจังเลย ฮิเมะคาวะซังก็มาแขวนคำอธิษฐานเหมือนกันสินะครับ?”
แต่ดูจากท่าทางที่ร้อนรนและนัยน์ตาสีทับทิมสวยที่กำลังจับจ้องมายังสิ่งของที่อยู่ในมือเขา
โอ้ มาตามหาของนี่เอง...
นาโอยะยิ้มนึกอยากแกล้งเธอขึ้นมาดื้อ ๆ จึงทำเป็นไม่สนใจสายตานั้น
“หรือว่ามาตามหาของครับ ให้ผมช่วยหาไหม?”
ต่างหูไข่มุก? ของใครกัน
ฝ่ามือเรียวหยิบยกขึ้นมาด้วยความสนใจ …เป็นของที่มีราคา เจ้าของคงตามหามันแถวนี้ไม่ผิดแน่
จู่ ๆ ลมก็พัดแรงจนเส้นผมสีรัตติกาลปลิวสไว นาโอยะมึนงงเล็กน้อย หันกลับไปตามทิศทางของลม
พลันสบสายตาเข้ากับหญิงสาวคนงามที่คุ้นเคย
“อา…สวัสดีครับคุณรุ่นพี่”
ต่างหูไข่มุก? ของใครกัน
ฝ่ามือเรียวหยิบยกขึ้นมาด้วยความสนใจ …เป็นของที่มีราคา เจ้าของคงตามหามันแถวนี้ไม่ผิดแน่
จู่ ๆ ลมก็พัดแรงจนเส้นผมสีรัตติกาลปลิวสไว นาโอยะมึนงงเล็กน้อย หันกลับไปตามทิศทางของลม
พลันสบสายตาเข้ากับหญิงสาวคนงามที่คุ้นเคย
“อา…สวัสดีครับคุณรุ่นพี่”