ー風間 仁太 ✳ Kazama Jinta (18)
ーY3-K | ชมรมดนตรีสากล (160/51)
〉เนียนรู้จักได้เลย〈
❕คาร์ทรีตคนสนิทกับคนที่ไม่สนิทต่างกัน❕
ทัก โค•โรล จีบได้ 24/7 = DM✓ 🐧
DOC– https://shorturl.at/s1Qwl
“ ทำพาร์ตไทม์หรอ เพราะเธอต้องเรียนด้วยนี่ ”
ระหว่างเดินไปก็มีหัวข้อให้เริ่มบทสนทนาอีกครั้งนึง ถ้าอะไรที่สงสัยมันเป็นเรื่องปกติที่ต้องถามไหมนะ??
“ ทำพาร์ตไทม์หรอ เพราะเธอต้องเรียนด้วยนี่ ”
ระหว่างเดินไปก็มีหัวข้อให้เริ่มบทสนทนาอีกครั้งนึง ถ้าอะไรที่สงสัยมันเป็นเรื่องปกติที่ต้องถามไหมนะ??
เจ้าหมานี่พอไม่ดุแล้วดูโง่ดีแฮะ
นึกแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของสุนัขที่นำหน้าอยู่ไม่มากนึกแล้วก็แอบสงสัยขึ้นมาหน่อยๆ ที่ว่าเรียกเขาว่า 'ลูกค้า' นั้น เพราะเป็นพนักงานรึเปล่านะ?
+
เจ้าหมานี่พอไม่ดุแล้วดูโง่ดีแฮะ
นึกแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของสุนัขที่นำหน้าอยู่ไม่มากนึกแล้วก็แอบสงสัยขึ้นมาหน่อยๆ ที่ว่าเรียกเขาว่า 'ลูกค้า' นั้น เพราะเป็นพนักงานรึเปล่านะ?
+
..ไอเจ้าหมานี่จะมองขึ้นๆลงๆทำไมล่ะเนี่ย?..
จินตะเดินตามไปเงียบๆ มือหนึ่งจับสายจูงไว้หลวมๆ ก้าวไม่เร็วไม่ช้า พยายามเดินให้สอดรับกับจังหวะฝีเท้าของเจ้าหมาที่เหมือนรู้หน้าที่ดีเหลือเกิน
+
..ไอเจ้าหมานี่จะมองขึ้นๆลงๆทำไมล่ะเนี่ย?..
จินตะเดินตามไปเงียบๆ มือหนึ่งจับสายจูงไว้หลวมๆ ก้าวไม่เร็วไม่ช้า พยายามเดินให้สอดรับกับจังหวะฝีเท้าของเจ้าหมาที่เหมือนรู้หน้าที่ดีเหลือเกิน
+
เพราะหากยังอยู่ตรงนั้นอีกสักวินาทีเดียว…เขาอาจจะเปลี่ยนใจ และไม่กล้าก้าวออกมาแบบนี้
เพราะหากยังอยู่ตรงนั้นอีกสักวินาทีเดียว…เขาอาจจะเปลี่ยนใจ และไม่กล้าก้าวออกมาแบบนี้
จินตะเม้มริมฝีปากแน่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยประโยคสุดท้ายออกมาด้วยเสียงแผ่วลง แต่ยังคงชัดเจน
“ ยังไม่ต้องตอบ ”
“ เพราะหลังจากนี้ผมจะจีบเธอให้ติดให้ได้เลย ”
ว่าจบ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองอักฝ่ายและแสยะยิ้มพร้อมกับสีหน้าที่ดูท้าทายขึ้นต่างจากตอนแรกที่เขาเรียกให้เอนาโตะหยุดฟังโดยสิ้นดชิง
+
จินตะเม้มริมฝีปากแน่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยประโยคสุดท้ายออกมาด้วยเสียงแผ่วลง แต่ยังคงชัดเจน
“ ยังไม่ต้องตอบ ”
“ เพราะหลังจากนี้ผมจะจีบเธอให้ติดให้ได้เลย ”
ว่าจบ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองอักฝ่ายและแสยะยิ้มพร้อมกับสีหน้าที่ดูท้าทายขึ้นต่างจากตอนแรกที่เขาเรียกให้เอนาโตะหยุดฟังโดยสิ้นดชิง
+
“ผมชอบเธอ”
สั้น ง่าย ไม่มีการพูดอ้อมค้อม
เป็นคำพูดตรงๆ ของคนที่ไม่ถนัดเรื่องความรักและไม่เคยพูดแบบนี้กับใคร
+
“ผมชอบเธอ”
สั้น ง่าย ไม่มีการพูดอ้อมค้อม
เป็นคำพูดตรงๆ ของคนที่ไม่ถนัดเรื่องความรักและไม่เคยพูดแบบนี้กับใคร
+
เขาถามโดยไม่มองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ เสียงแหบแผ่วเล็กน้อยเพราะไม่ค่อยถนัดพูดเยอะกับคนแบบนี้นัก
“…หรือจะให้เจ้าสองตัวนี้เป็นคนนำทาง?”
เขาถามโดยไม่มองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ เสียงแหบแผ่วเล็กน้อยเพราะไม่ค่อยถนัดพูดเยอะกับคนแบบนี้นัก
“…หรือจะให้เจ้าสองตัวนี้เป็นคนนำทาง?”
“ เอาคาราเมลแล้วกัน ”
เขาเอื้อมมือเพื่อรอรับสายจูงจากอีกฝ่าย ก่อนจะลองก้มไปลูบหัว(?)เจ้าหมานิดๆ อย่างเก้ๆ กังๆ เป็นภาพที่แย่สุดๆเลยละ ก่อนมันจะแลบลิ้นเลียมือเขาจนต้องชักกลับแล้วมองมันอย่างระแวงๆ ทั้งคน ทั้งหมา ทั้งสถานการณ์ มันดูเกินกว่าที่เขาจะเคยชินไปไกลแล้วจริงๆ
+
“ เอาคาราเมลแล้วกัน ”
เขาเอื้อมมือเพื่อรอรับสายจูงจากอีกฝ่าย ก่อนจะลองก้มไปลูบหัว(?)เจ้าหมานิดๆ อย่างเก้ๆ กังๆ เป็นภาพที่แย่สุดๆเลยละ ก่อนมันจะแลบลิ้นเลียมือเขาจนต้องชักกลับแล้วมองมันอย่างระแวงๆ ทั้งคน ทั้งหมา ทั้งสถานการณ์ มันดูเกินกว่าที่เขาจะเคยชินไปไกลแล้วจริงๆ
+
“ ให้เลือกเหรอ? ”
“เอ่อ...จะตัวไหนก็ได้ ไม่กัดก็พอ”
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่สายตาเขาก็เหลือบไปทางเจ้าตัวที่ชื่อเดซี่อยู่หน่อยๆ สีมันดูดำขลับ(?)เหมือนใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่มีผิด
+
“ ให้เลือกเหรอ? ”
“เอ่อ...จะตัวไหนก็ได้ ไม่กัดก็พอ”
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่สายตาเขาก็เหลือบไปทางเจ้าตัวที่ชื่อเดซี่อยู่หน่อยๆ สีมันดูดำขลับ(?)เหมือนใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่มีผิด
+
เจ้าสองตัวนี้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดจากตอนแรกที่แยกเขี้ยวราวกับพร้อมงับคนแปลกหน้าให้จมดิน กลับกลายเป็นเจ้าขนปุยที่ส่ายหางพลางส่งสายตาเป็นมิตรเหมือนลูกหมาไม่มีผิด
“ อะไรล่ะเนี่ย ”
+
เจ้าสองตัวนี้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดจากตอนแรกที่แยกเขี้ยวราวกับพร้อมงับคนแปลกหน้าให้จมดิน กลับกลายเป็นเจ้าขนปุยที่ส่ายหางพลางส่งสายตาเป็นมิตรเหมือนลูกหมาไม่มีผิด
“ อะไรล่ะเนี่ย ”
+
“ แล้วก็ไม่แน่ใจว่า ถ้าพูดไปแล้ว มันจะทำให้ผมกับเธอห่างเหินกันรึเปล่า ”
พูดเหมือนจะถามแต่ก็เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า แต่ก็ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกฝ่ายตรงๆ อีกครั้ง
“ เธอจะอยากฟังมั้ยล่ะ? ”
“ แล้วก็ไม่แน่ใจว่า ถ้าพูดไปแล้ว มันจะทำให้ผมกับเธอห่างเหินกันรึเปล่า ”
พูดเหมือนจะถามแต่ก็เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า แต่ก็ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกฝ่ายตรงๆ อีกครั้ง
“ เธอจะอยากฟังมั้ยล่ะ? ”
เสียงที่เปล่งออกมาเบากว่าปกติ เหมือนกำลังชั่งใจอะไรบางอย่างในใจตัวเอง
จินตะที่ไม่ชอบความกำกวม แต่กลับเป็นเขาเองที่ไม่แน่ใจในครั้งนี้
มือจิกกระเป๋านักเรียนแน่นขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะพูดต่อโดยละสายตาไปครู่หนึ่ง
“ ผมมีเรื่องจะพูด แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี ”
+
เสียงที่เปล่งออกมาเบากว่าปกติ เหมือนกำลังชั่งใจอะไรบางอย่างในใจตัวเอง
จินตะที่ไม่ชอบความกำกวม แต่กลับเป็นเขาเองที่ไม่แน่ใจในครั้งนี้
มือจิกกระเป๋านักเรียนแน่นขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะพูดต่อโดยละสายตาไปครู่หนึ่ง
“ ผมมีเรื่องจะพูด แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี ”
+
เสียงสุดท้ายเบาลงอย่างชัดเจน กับสายตาที่ดูอ่อนโยนมากเป็นพิเศษคล้ายกับคนที่ใช้มองสิ่งที่เราสนใจ หรือต้องการอะไรแบบนั้นรึเปล่านะ?
เสียงสุดท้ายเบาลงอย่างชัดเจน กับสายตาที่ดูอ่อนโยนมากเป็นพิเศษคล้ายกับคนที่ใช้มองสิ่งที่เราสนใจ หรือต้องการอะไรแบบนั้นรึเปล่านะ?