https://shorturl.asia/WdMsk
คาร์เป็นมิตรมาก รู้จักคนไปทั่ว ปีสองขึ้นไป/ชาวเกาะ เนียนรู้จักได้เลย
#THK_Commu
"ถ้ารุ่นพี่ว่าแบบนั้นผมก็โอเคครับ จะรอเลยล่ะ "
"แต่เดี๋ยวผมต้องกลับบ้านแล้ว ยังไงก็ไว้เจอกันนะครับ"
มุเง็นยิ้มกว้างก่อนเอ่ยคำลาแล้วก้มหัวเล็กน้อยเป็นการขอตัวออกจากห้องไปก่อน
(จบตรงนี้เลยก็ได้ค่ะ ขอบคุณที่มาโรลด้วยกันนะคะะะะ!)
"ถ้ารุ่นพี่ว่าแบบนั้นผมก็โอเคครับ จะรอเลยล่ะ "
"แต่เดี๋ยวผมต้องกลับบ้านแล้ว ยังไงก็ไว้เจอกันนะครับ"
มุเง็นยิ้มกว้างก่อนเอ่ยคำลาแล้วก้มหัวเล็กน้อยเป็นการขอตัวออกจากห้องไปก่อน
(จบตรงนี้เลยก็ได้ค่ะ ขอบคุณที่มาโรลด้วยกันนะคะะะะ!)
มุเง็นเอียงใบหน้าเล็กน้อย นิ้วเคาะโต๊ะไปพลางก่อนจะพูดต่อ
"ถึงผมไม่คิดว่าตัวเองจะมีจุดที่น่าอิจฉาก็เถอะ" เจ้าตัวกล่าวพลางยักไหล่แล้วลุกขึ้นมาหลังจากที่คนตรงหน้ากล่าวจบ น้ำเสียงเจื้อยแจ้วยังคงเสมอต้นเสมอปลาย
"ชิโรกาะเนะซังก็เป็นคนที่คุยสนุกมากเลยครับ ผมดีใจนะที่วันนี้โชคดีมาเจอกับรุ่นพี่แบบนี้"
+
มุเง็นเอียงใบหน้าเล็กน้อย นิ้วเคาะโต๊ะไปพลางก่อนจะพูดต่อ
"ถึงผมไม่คิดว่าตัวเองจะมีจุดที่น่าอิจฉาก็เถอะ" เจ้าตัวกล่าวพลางยักไหล่แล้วลุกขึ้นมาหลังจากที่คนตรงหน้ากล่าวจบ น้ำเสียงเจื้อยแจ้วยังคงเสมอต้นเสมอปลาย
"ชิโรกาะเนะซังก็เป็นคนที่คุยสนุกมากเลยครับ ผมดีใจนะที่วันนี้โชคดีมาเจอกับรุ่นพี่แบบนี้"
+
เขาเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงร่าเริงซึ่งเบากว่าปกติเพราะอยู่ที่ห้องสมุด แต่รอยยิ้มสดใสก็ยังไม่หายไปจากหน้าของเหรัญญิกจำเป็นของห้องC
“จะว่าไป ขอผมนั่งตรงนี้ด้วยได้รึเปล่า ว่าจะทำการบ้านของวันนี้น่ะ”
เขาเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงร่าเริงซึ่งเบากว่าปกติเพราะอยู่ที่ห้องสมุด แต่รอยยิ้มสดใสก็ยังไม่หายไปจากหน้าของเหรัญญิกจำเป็นของห้องC
“จะว่าไป ขอผมนั่งตรงนี้ด้วยได้รึเปล่า ว่าจะทำการบ้านของวันนี้น่ะ”
ก่อนจะเข้ามายังห้องสมุดเพื่อจะรีบทำการบ้านของวันนี้ให้เสร็จ สายตาเหลือบไปเห็นหัวหน้าห้องของตัวเองกับคนคุ้นหน้าคุ้นตาจากห้องJ
รู้ตัวอีกทีสองขาเดินเข้าไปที่โต๊ะตัวนั้นซะแล้ว
“ไง มุเซย์คุง ซากิฮิโตะคุง — อ้าว พวกนายกำลังเขียนรายงานอยู่หรอ?“
+
ก่อนจะเข้ามายังห้องสมุดเพื่อจะรีบทำการบ้านของวันนี้ให้เสร็จ สายตาเหลือบไปเห็นหัวหน้าห้องของตัวเองกับคนคุ้นหน้าคุ้นตาจากห้องJ
รู้ตัวอีกทีสองขาเดินเข้าไปที่โต๊ะตัวนั้นซะแล้ว
“ไง มุเซย์คุง ซากิฮิโตะคุง — อ้าว พวกนายกำลังเขียนรายงานอยู่หรอ?“
+
“ถ้าซิโรกาเนะซังไม่รังเกียจ ให้ผมเดินไปส่งที่ห้องเรียนดีไหมครับ จะได้คุยกันต่อด้วยเลย“
“ถ้าซิโรกาเนะซังไม่รังเกียจ ให้ผมเดินไปส่งที่ห้องเรียนดีไหมครับ จะได้คุยกันต่อด้วยเลย“
” งั้นหรอครับ ? เรื่องแบบนั้นมันจำเป็นต้องจำด้วยรึเปล่าเนี่ย ผมเองก็ไม่รู้หรอกครับ”
”แค่ทานข้าวอร่อยๆ ไม่ก็ได้ออกแรงบ้าง ผมรู้สึกดีแล้วน่ะครับ ก็เลยไม่ได้ใส่ใจตรงนี้เท่าไหร่ ”
น้ำเสียงและท่าทีสบายๆ ยังคงปรากฎอยู่ ไม่มีความหวาดระแวงหรือการกระอักกระอ่วนใจเลยแม้แต่น้อย
+
” งั้นหรอครับ ? เรื่องแบบนั้นมันจำเป็นต้องจำด้วยรึเปล่าเนี่ย ผมเองก็ไม่รู้หรอกครับ”
”แค่ทานข้าวอร่อยๆ ไม่ก็ได้ออกแรงบ้าง ผมรู้สึกดีแล้วน่ะครับ ก็เลยไม่ได้ใส่ใจตรงนี้เท่าไหร่ ”
น้ำเสียงและท่าทีสบายๆ ยังคงปรากฎอยู่ ไม่มีความหวาดระแวงหรือการกระอักกระอ่วนใจเลยแม้แต่น้อย
+
“…… ยอมให้ถูกเห็นหรอครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องยากๆ เท่าไหร่ด้วยสิ งานอดิเรกของรุ่นพี่เนี่ยสุดยอดไปเลยนะครับ“
เอนตัวพึงกับผนังเย็นๆของห้องพยาบาล กลิ่นของแอลกอฮอล์แสนคุ้นเคย
แม้จะได้ยินคำพูดของคู่สนทนาหรือการที่ได้เห็นเงาเคลื่อนไหวผ่านม่านนั้น
+
“…… ยอมให้ถูกเห็นหรอครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องยากๆ เท่าไหร่ด้วยสิ งานอดิเรกของรุ่นพี่เนี่ยสุดยอดไปเลยนะครับ“
เอนตัวพึงกับผนังเย็นๆของห้องพยาบาล กลิ่นของแอลกอฮอล์แสนคุ้นเคย
แม้จะได้ยินคำพูดของคู่สนทนาหรือการที่ได้เห็นเงาเคลื่อนไหวผ่านม่านนั้น
+
“รุ่นพี่ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมโอเคนะ! ไม่ได้รู้สึกแย่เลย ”
บทสนทนาที่เหมือนการพูดคุยเรื่องทั่วไปแม้จะฟังดูแปลกๆอย่างการ ‘ถูกสังเกตุ’ก็ตาม
“งั้นหรอครับ ถ้ามันทำให้รุ่นพี่สะดวกขึ้น ผมก็ดีใจนะครับ เอ หรือว่าถ้าสังเกตุยากๆจะสนุกมากกว่ารึเปล่าครับ แบบว่า…ท้าทาย? ผมไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ”
“รุ่นพี่ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมโอเคนะ! ไม่ได้รู้สึกแย่เลย ”
บทสนทนาที่เหมือนการพูดคุยเรื่องทั่วไปแม้จะฟังดูแปลกๆอย่างการ ‘ถูกสังเกตุ’ก็ตาม
“งั้นหรอครับ ถ้ามันทำให้รุ่นพี่สะดวกขึ้น ผมก็ดีใจนะครับ เอ หรือว่าถ้าสังเกตุยากๆจะสนุกมากกว่ารึเปล่าครับ แบบว่า…ท้าทาย? ผมไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ”
มือลูบท้ายทอยของตัวเองไปพลาง รอยยิ้มเป็นมิตรปรากฎอยู่บนใบหน้านั้นไม่หายไปไหน หลังจากนั้นจึงขยับไปนั่งเก้าอี้แถวๆนั้นแทน
“นั่นสินะครับ พอคิดว่าอยู่ที่โรงเรียนมาได้ปีนึงแล้วแต่ยังไม่เคยคุยกับซิโรกาเนะซังเนี่ย ก็รู้สึกเสียดายจริงๆครับ“
”แต่ว่าในที่สุดก็ได้คุยแบบนี้เนี่ย เป็นเรื่องที่ดีสุดๆของวันเลยล่ะครับ“
+
มือลูบท้ายทอยของตัวเองไปพลาง รอยยิ้มเป็นมิตรปรากฎอยู่บนใบหน้านั้นไม่หายไปไหน หลังจากนั้นจึงขยับไปนั่งเก้าอี้แถวๆนั้นแทน
“นั่นสินะครับ พอคิดว่าอยู่ที่โรงเรียนมาได้ปีนึงแล้วแต่ยังไม่เคยคุยกับซิโรกาเนะซังเนี่ย ก็รู้สึกเสียดายจริงๆครับ“
”แต่ว่าในที่สุดก็ได้คุยแบบนี้เนี่ย เป็นเรื่องที่ดีสุดๆของวันเลยล่ะครับ“
+
มุเง็นนิ่งไปครู่นึง ก่อนจะยิ้มพลางเอ่ยตอบกลับไปคล้ายกับคนพึ่งถูกตำหนิ
ท่าทางอันสมบูรณ์แบบของรุ่นพี่ตรงหน้า ชวนให้เขาเผลอมองอย่างชื่นชมไม่ได้ เด็กหนุ่มพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้นมาบ้าง
“ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับชิโรกาเนะซัง ! แต่ว่า พอได้ยินว่ารู้จักมาจากคุณครูแล้วรู้สึกเขินนิดหน่อยนะครับเนี่ย“
+
มุเง็นนิ่งไปครู่นึง ก่อนจะยิ้มพลางเอ่ยตอบกลับไปคล้ายกับคนพึ่งถูกตำหนิ
ท่าทางอันสมบูรณ์แบบของรุ่นพี่ตรงหน้า ชวนให้เขาเผลอมองอย่างชื่นชมไม่ได้ เด็กหนุ่มพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้นมาบ้าง
“ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับชิโรกาเนะซัง ! แต่ว่า พอได้ยินว่ารู้จักมาจากคุณครูแล้วรู้สึกเขินนิดหน่อยนะครับเนี่ย“
+
docs.google.com/document/d/1...
อะไรนะ คุณอยากมาเป็นนักวิจัยเหมือนพวกเราหรอ ? ดีเลย งั้นมาลงชื่อที่ด้านล่างนี้เพื่อเป็นส่วนนึงของพวกเรากันเถอะ!
forms.gle/gEmtXePVmSZk...
docs.google.com/document/d/1...
อะไรนะ คุณอยากมาเป็นนักวิจัยเหมือนพวกเราหรอ ? ดีเลย งั้นมาลงชื่อที่ด้านล่างนี้เพื่อเป็นส่วนนึงของพวกเรากันเถอะ!
forms.gle/gEmtXePVmSZk...
มุเง็นพูดกับอีกฝ่ายด้วยท่าทางเป็นห่วงในขณะที่ก็โน้มตัวไปใกล้ๆเพื่อดูอาการ
ก่อนที่เขาจะหยิบบางอย่างออกจากกระเป๋า
เป็นบัตรนักเรียนของซันกะจังนี่เอง
“พอดีเห็นมันไปอยู่ในแจกันห้องผมน่ะ พอบัตรมาอยู่ที่แปลกๆแบบนี้ เล่นเอาลำบากแย่เลยเนอะ ” เจ้าตัวอธิบายออกมาพลางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
มุเง็นพูดกับอีกฝ่ายด้วยท่าทางเป็นห่วงในขณะที่ก็โน้มตัวไปใกล้ๆเพื่อดูอาการ
ก่อนที่เขาจะหยิบบางอย่างออกจากกระเป๋า
เป็นบัตรนักเรียนของซันกะจังนี่เอง
“พอดีเห็นมันไปอยู่ในแจกันห้องผมน่ะ พอบัตรมาอยู่ที่แปลกๆแบบนี้ เล่นเอาลำบากแย่เลยเนอะ ” เจ้าตัวอธิบายออกมาพลางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
หลังจากจัดแจงทำความสะอาดและปิดกล่องผ้าพันแผลลง พร้อมกับเสียงของคนที่นั่งอยู่ตรงข้างเตียงดังขึ้นอีกครั้ง มุเง็นก็คุยกับชายตรงหน้าต่อ น้ำเสียงเจือด้วยความเป็นห่วงอย่างชัดเจน
หลังจากจัดแจงทำความสะอาดและปิดกล่องผ้าพันแผลลง พร้อมกับเสียงของคนที่นั่งอยู่ตรงข้างเตียงดังขึ้นอีกครั้ง มุเง็นก็คุยกับชายตรงหน้าต่อ น้ำเสียงเจือด้วยความเป็นห่วงอย่างชัดเจน
มุเง็นพูดขึ้นมาอีกครั้ง สวนทางกับเสียงแผ่วเบาของคู่สนทนาตรงหน้า มือลูบนิ้วซึ่งถูกทำแผลจนเสร็จเรียบร้อย
”ตรงกันหมด…? หวา บังเอิญสุดยอดเลยนะครับแบบนั้นน่ะ ? ทำเอาอยากเจอขึ้นมาเลย“
เขาตอบกลับไป เหมือนไม่ได้รับรู้ถึงเจตนาของคำถามพวกนั้น
+
มุเง็นพูดขึ้นมาอีกครั้ง สวนทางกับเสียงแผ่วเบาของคู่สนทนาตรงหน้า มือลูบนิ้วซึ่งถูกทำแผลจนเสร็จเรียบร้อย
”ตรงกันหมด…? หวา บังเอิญสุดยอดเลยนะครับแบบนั้นน่ะ ? ทำเอาอยากเจอขึ้นมาเลย“
เขาตอบกลับไป เหมือนไม่ได้รับรู้ถึงเจตนาของคำถามพวกนั้น
+
เขาพยักหน้าก่อนจะเอนตัวไปฟังอีกฝ่ายกระซิบ แล้วจึงหัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
“ที่ก้น…? เหลือจะเชื่อเลย ทำไมมันไปอยู่ตรงนั้นได้เล่า!” มุเง็นพูดไปพลางพยายามกลั้นขำตัวสั่น ก่อนที่พวกเขาจะเจอที่นั่งว่างๆ ซึ่งพอจะนั่งได้พอดี มือวางกระเป๋าของตนลงเป็นการจองที่เอาไว้
“ดีจังนะที่บัตรของพวกเราไม่ไปอยู่ในที่แปลกๆแบบนั้น”
เขาพยักหน้าก่อนจะเอนตัวไปฟังอีกฝ่ายกระซิบ แล้วจึงหัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
“ที่ก้น…? เหลือจะเชื่อเลย ทำไมมันไปอยู่ตรงนั้นได้เล่า!” มุเง็นพูดไปพลางพยายามกลั้นขำตัวสั่น ก่อนที่พวกเขาจะเจอที่นั่งว่างๆ ซึ่งพอจะนั่งได้พอดี มือวางกระเป๋าของตนลงเป็นการจองที่เอาไว้
“ดีจังนะที่บัตรของพวกเราไม่ไปอยู่ในที่แปลกๆแบบนั้น”
มุเง็นพูดก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบคุกกี้ที่ตัวเองทำขึ้นมากินชิ้นนึง รสหวานกระจายไปทั่วปาก
”ทั้งหมดเลยก็ได้ครับ เอาไปแบ่งกับเพื่อนๆของยากิฮิโระซังก็ได้นะครับ “
”ผมชอบทำมาเยอะเกินทุกทีเลย ที่บ้านก็กินกันไม่ค่อยหมดด้วย…“
มุเง็นพูดก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบคุกกี้ที่ตัวเองทำขึ้นมากินชิ้นนึง รสหวานกระจายไปทั่วปาก
”ทั้งหมดเลยก็ได้ครับ เอาไปแบ่งกับเพื่อนๆของยากิฮิโระซังก็ได้นะครับ “
”ผมชอบทำมาเยอะเกินทุกทีเลย ที่บ้านก็กินกันไม่ค่อยหมดด้วย…“
“ฮะๆ พูดไปก็น่าอาย แต่รู้ตัวอีกทีก็เป็นแผลซะแล้ว สงสัยคงจะถูกอะไรบาดเข้าล่ะมั้งครับ "
“ไม่ไหวจริงๆเลย”
เขาหัวเราะออกมาเบาๆพลางยิ้มออกมา คล้ายกับเด็กถูกจับได้ว่าทำเรื่องซุกซน ท่าทางดูเหมือนไม่ได้สนใจว่าทำไมคนแปลกหน้าถึงได้รู้เรื่องเล็กๆน้อยๆของตัวเขาเองได้
“ฮะๆ พูดไปก็น่าอาย แต่รู้ตัวอีกทีก็เป็นแผลซะแล้ว สงสัยคงจะถูกอะไรบาดเข้าล่ะมั้งครับ "
“ไม่ไหวจริงๆเลย”
เขาหัวเราะออกมาเบาๆพลางยิ้มออกมา คล้ายกับเด็กถูกจับได้ว่าทำเรื่องซุกซน ท่าทางดูเหมือนไม่ได้สนใจว่าทำไมคนแปลกหน้าถึงได้รู้เรื่องเล็กๆน้อยๆของตัวเขาเองได้