Doc : https://bit.ly/43qsLgJ
เธอพูดโดยไม่ประจบ ไม่เสริมเกินความจำเป็นเป็นเพียงถ้อยคำตรง ๆ จากคนที่รับฟังอย่างตั้งใจ
“โลกคงน่าอยู่ขึ้น ถ้ามีคนที่คิดแบบนี้เยอะกว่านี้สักหน่อย”
เธอคลี่ยิ้มบาง ไม่ถึงกับยิ้มกว้าง แต่เป็นรอยยิ้มที่แสดงออกชัดเจนว่า —
เธอยินดีที่ได้คุยด้วย
“หวังว่า…จะได้เจอกันในตอนที่ไม่ต้องตามหาของที่หายอีกนะคะ”
น้ำเสียงติดขำเบา ๆ ทิ้งท้ายเหมือนหยอกนิด ๆ
ในแบบที่ใครได้ยินก็รู้ว่า—นี่คือคำชวนคุยต่อจากชิซุกะ
เธอพูดโดยไม่ประจบ ไม่เสริมเกินความจำเป็นเป็นเพียงถ้อยคำตรง ๆ จากคนที่รับฟังอย่างตั้งใจ
“โลกคงน่าอยู่ขึ้น ถ้ามีคนที่คิดแบบนี้เยอะกว่านี้สักหน่อย”
เธอคลี่ยิ้มบาง ไม่ถึงกับยิ้มกว้าง แต่เป็นรอยยิ้มที่แสดงออกชัดเจนว่า —
เธอยินดีที่ได้คุยด้วย
“หวังว่า…จะได้เจอกันในตอนที่ไม่ต้องตามหาของที่หายอีกนะคะ”
น้ำเสียงติดขำเบา ๆ ทิ้งท้ายเหมือนหยอกนิด ๆ
ในแบบที่ใครได้ยินก็รู้ว่า—นี่คือคำชวนคุยต่อจากชิซุกะ
เธอมองเขาด้วยแววตานิ่งสงบ แต่ในน้ำเสียงที่ตอบกลับ มีความอ่อนโยนแฝงอยู่จาง ๆ
“…ความคิดคุณน่ะ น่าชื่นชมดีค่ะ”
เธอมองเขาด้วยแววตานิ่งสงบ แต่ในน้ำเสียงที่ตอบกลับ มีความอ่อนโยนแฝงอยู่จาง ๆ
“…ความคิดคุณน่ะ น่าชื่นชมดีค่ะ”
เธอขยับแว่นเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่มีความสุภาพในที
“...เคยค่ะ”
“ตอนที่คุณหาบัตรกันนี่นา และตามหาด้วยกัน”
เธอขยับแว่นเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่มีความสุภาพในที
“...เคยค่ะ”
“ตอนที่คุณหาบัตรกันนี่นา และตามหาด้วยกัน”
เธอหยุด เงียบไปหนึ่งจังหวะ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ดวงตาภายใต้แว่นมองเขานิ่ง ๆ — ไม่ได้คาดคั้น ไม่ได้ขอบคุณ แต่นิ่งในแบบของเธอ
“มันเป็นดอกไม้ที่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากใช่ไหมคะ”
เธอถามเหมือนรู้คำตอบอยู่แล้ว ก่อนจะพูดต่อเบา ๆ
“...ฉันไม่รู้หรอกว่า ฉันเป็นดอกไม้อะไร”
“แต่ถ้าใครสักคนจำมันได้…ก็พอแล้วค่ะ”
เธอหยุด เงียบไปหนึ่งจังหวะ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ดวงตาภายใต้แว่นมองเขานิ่ง ๆ — ไม่ได้คาดคั้น ไม่ได้ขอบคุณ แต่นิ่งในแบบของเธอ
“มันเป็นดอกไม้ที่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากใช่ไหมคะ”
เธอถามเหมือนรู้คำตอบอยู่แล้ว ก่อนจะพูดต่อเบา ๆ
“...ฉันไม่รู้หรอกว่า ฉันเป็นดอกไม้อะไร”
“แต่ถ้าใครสักคนจำมันได้…ก็พอแล้วค่ะ”
“...วะสึเระนากุสะ?”
เธอทวนคำอย่างเงียบ ๆ น้ำเสียงไม่ได้แปลกใจนัก แต่มีแววครุ่นคิดในถ้อยคำนั้น
เธอรู้จักดอกนี้ดี — “อย่าลืมฉัน” ดอกไม้เล็ก ๆ สีฟ้าคราม ที่ขึ้นอยู่ตามที่เย็นเงียบ
ไม่ฉูดฉาด ไม่เรียกร้อง แต่ใครเคยเห็น...จะจำได้ไม่ลืม
เธอหลุบตาลงช้า ๆ ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ
+
“...วะสึเระนากุสะ?”
เธอทวนคำอย่างเงียบ ๆ น้ำเสียงไม่ได้แปลกใจนัก แต่มีแววครุ่นคิดในถ้อยคำนั้น
เธอรู้จักดอกนี้ดี — “อย่าลืมฉัน” ดอกไม้เล็ก ๆ สีฟ้าคราม ที่ขึ้นอยู่ตามที่เย็นเงียบ
ไม่ฉูดฉาด ไม่เรียกร้อง แต่ใครเคยเห็น...จะจำได้ไม่ลืม
เธอหลุบตาลงช้า ๆ ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ
+
สายตาภายใต้แว่นไม่หลบ ไม่หวั่นไหว
เธอพูดตรงอย่างประหลาดในความสงบแบบของเธอเอง
แล้วเธอก็คลี่ยิ้มจาง ๆ แบบไม่ทันตั้งใจ
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ ฉันอาจจะลองไปดู”
“แต่ขอไม่สัญญานะคะ เพราะ...ฉันก็ไม่ใช่คนกล้าเปลี่ยนอะไรเร็ว ๆ เหมือนกัน”
พูดจบก็หันหน้ากลับไปยังสายลมที่พัดกระดาษบนต้นไผ่ไหวเบา ๆ — ช้าแต่สม่ำเสมอ เหมือนเธอเอง.
สายตาภายใต้แว่นไม่หลบ ไม่หวั่นไหว
เธอพูดตรงอย่างประหลาดในความสงบแบบของเธอเอง
แล้วเธอก็คลี่ยิ้มจาง ๆ แบบไม่ทันตั้งใจ
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ ฉันอาจจะลองไปดู”
“แต่ขอไม่สัญญานะคะ เพราะ...ฉันก็ไม่ใช่คนกล้าเปลี่ยนอะไรเร็ว ๆ เหมือนกัน”
พูดจบก็หันหน้ากลับไปยังสายลมที่พัดกระดาษบนต้นไผ่ไหวเบา ๆ — ช้าแต่สม่ำเสมอ เหมือนเธอเอง.
“มันไม่พูดมาก ไม่ตัดสิน แล้วก็ไม่รีบเติบโตให้ใครเห็น”
“มันแค่…อยู่เฉย ๆ แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนไปตามจังหวะของตัวเอง”
เธอเว้นช่วงสั้น ๆ แล้วเสริมอีกอย่างเงียบ ๆ
“บางทีฉันก็คิดว่า...ถ้าเป็นไปได้ อยากเป็นแบบนั้นบ้าง”
“มันไม่พูดมาก ไม่ตัดสิน แล้วก็ไม่รีบเติบโตให้ใครเห็น”
“มันแค่…อยู่เฉย ๆ แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนไปตามจังหวะของตัวเอง”
เธอเว้นช่วงสั้น ๆ แล้วเสริมอีกอย่างเงียบ ๆ
“บางทีฉันก็คิดว่า...ถ้าเป็นไปได้ อยากเป็นแบบนั้นบ้าง”
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง มองป้ายคำอธิษฐานของตัวเองอีกครั้ง ก่อนหันกลับมาหาเซ พร้อมคำตอบที่จริงจังมากกว่าที่เขาอาจจะคาดไว้
“...ชอบค่ะ”
เสียงของเธอเรียบและนิ่งเหมือนเคย แแต่มีน้ำหนักชัดเจนกว่าประโยคก่อนหน้
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง มองป้ายคำอธิษฐานของตัวเองอีกครั้ง ก่อนหันกลับมาหาเซ พร้อมคำตอบที่จริงจังมากกว่าที่เขาอาจจะคาดไว้
“...ชอบค่ะ”
เสียงของเธอเรียบและนิ่งเหมือนเคย แแต่มีน้ำหนักชัดเจนกว่าประโยคก่อนหน้
“…คุณก็ไม่ได้แย่ในการพูดคุยนี่คะ ถึงจะบอกว่าตัวเองไม่ถนัดก็เถอะ”
เธอพูดเบา ๆ ก่อนจะเบือนสายตากลับไปยังป้ายคำอธิษฐานของตัวเอง พร้อมกับเอ่ยทิ้งท้าย
“บางที...พูดไม่เก่ง แต่ฟังเก่ง ก็ดีกว่าหลายเท่าแล้วค่ะ”
รอยยิ้มเล็กน้อยผุดขึ้นที่มุมปาก ไม่มาก
“…คุณก็ไม่ได้แย่ในการพูดคุยนี่คะ ถึงจะบอกว่าตัวเองไม่ถนัดก็เถอะ”
เธอพูดเบา ๆ ก่อนจะเบือนสายตากลับไปยังป้ายคำอธิษฐานของตัวเอง พร้อมกับเอ่ยทิ้งท้าย
“บางที...พูดไม่เก่ง แต่ฟังเก่ง ก็ดีกว่าหลายเท่าแล้วค่ะ”
รอยยิ้มเล็กน้อยผุดขึ้นที่มุมปาก ไม่มาก
เธอหยิบขวดน้ำจากข้างตัวมาถือไว้ในมือ คล้ายเป็นข้ออ้างในการเบนสายตา แล้วพูดต่อโดยไม่มองตรง
“ฉันรู้ว่ามีหลายวิธี...แล้วก็รู้ว่าโลกออนไลน์ช่วยได้เยอะ”
เธอเว้นจังหวะ แล้วหันกลับไปสบตาเขาอีกครั้ง
“แต่...ฉันแค่ยังรู้สึกว่า การอยู่ตรงหน้าแล้วมีคนฟังจริง ๆ น่าจะดีกว่าการพิมพ์แล้วไม่มีใครตอบกลับค่ะ”
เธอหยิบขวดน้ำจากข้างตัวมาถือไว้ในมือ คล้ายเป็นข้ออ้างในการเบนสายตา แล้วพูดต่อโดยไม่มองตรง
“ฉันรู้ว่ามีหลายวิธี...แล้วก็รู้ว่าโลกออนไลน์ช่วยได้เยอะ”
เธอเว้นจังหวะ แล้วหันกลับไปสบตาเขาอีกครั้ง
“แต่...ฉันแค่ยังรู้สึกว่า การอยู่ตรงหน้าแล้วมีคนฟังจริง ๆ น่าจะดีกว่าการพิมพ์แล้วไม่มีใครตอบกลับค่ะ”
เธอไม่ชินกับการถูกแตะตัว ยิ่งจากใครที่เพิ่งคุยกันครั้งแรกด้วยแล้ว
แต่เพราะมันเบา และไม่มีเจตนาไม่ดี เธอก็เลือกที่จะปล่อยมันผ่านไป
“...ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ”
เสียงของเธอยังคงเรียบ แต่ฟังดูอ่อนลงกว่าเดิมเล็กน้อย
เธอไม่ชินกับการถูกแตะตัว ยิ่งจากใครที่เพิ่งคุยกันครั้งแรกด้วยแล้ว
แต่เพราะมันเบา และไม่มีเจตนาไม่ดี เธอก็เลือกที่จะปล่อยมันผ่านไป
“...ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ”
เสียงของเธอยังคงเรียบ แต่ฟังดูอ่อนลงกว่าเดิมเล็กน้อย
เว้นจังหวะ ก่อนจะหันกลับไปมองสายลมที่พัดป้ายคำอธิษฐานไหวเบา ๆ
“เพราะบางครั้ง...แค่ ‘พูด’ มันก็หนักเกินไปแล้ว”
ชิซุกะพูดราวกับมันไม่ใช่คำพูดของคนที่ยังลังเล
แต่คือคำตอบของคนที่ "เคยลอง" แล้ว และเลือกเงียบ…เพราะรู้ว่าตัวเองสบายใจกว่าแบบนั้น
เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง
“แต่ก็…ขอบคุณนะคะ ที่ตั้งใจฟัง”
เว้นจังหวะ ก่อนจะหันกลับไปมองสายลมที่พัดป้ายคำอธิษฐานไหวเบา ๆ
“เพราะบางครั้ง...แค่ ‘พูด’ มันก็หนักเกินไปแล้ว”
ชิซุกะพูดราวกับมันไม่ใช่คำพูดของคนที่ยังลังเล
แต่คือคำตอบของคนที่ "เคยลอง" แล้ว และเลือกเงียบ…เพราะรู้ว่าตัวเองสบายใจกว่าแบบนั้น
เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง
“แต่ก็…ขอบคุณนะคะ ที่ตั้งใจฟัง”
“...อาจจะจริงค่ะ”
“แต่สำหรับบางคน การเขียนใส่กระดาษเงียบ ๆ อาจจะเป็นวิธีที่เบาที่สุดแล้ว”
“...อาจจะจริงค่ะ”
“แต่สำหรับบางคน การเขียนใส่กระดาษเงียบ ๆ อาจจะเป็นวิธีที่เบาที่สุดแล้ว”
ชิซุกะหันหน้ากลับมามองเขาอีกครั้ง
สายตานิ่ง สงบ
แต่มุมปากที่ขยับเล็กน้อยคล้ายจะยิ้มแบบบางเฉียบ
“เพราะสุดท้าย มันก็แค่ ‘คำขอ’ ไม่ใช่เหรอคะ”
เธอกล่าวอย่างเงียบ ๆ — น้ำเสียงไม่ใช่การโต้แย้ง
แต่เหมือนเป็นบทสรุปที่พูดกับตัวเอง…มากกว่าจะพูดเพื่อเถียงกับใคร.
ชิซุกะหันหน้ากลับมามองเขาอีกครั้ง
สายตานิ่ง สงบ
แต่มุมปากที่ขยับเล็กน้อยคล้ายจะยิ้มแบบบางเฉียบ
“เพราะสุดท้าย มันก็แค่ ‘คำขอ’ ไม่ใช่เหรอคะ”
เธอกล่าวอย่างเงียบ ๆ — น้ำเสียงไม่ใช่การโต้แย้ง
แต่เหมือนเป็นบทสรุปที่พูดกับตัวเอง…มากกว่าจะพูดเพื่อเถียงกับใคร.
“ทราบค่ะ”
เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อขณะยังคงจ้องป้ายกระดาษ
“แต่แค่เลือกเพราะความหมายที่ ‘ตรง’ ก็ไม่ได้น่าประหลาดอะไรใช่ไหมคะ”
“บางครั้ง…การยอมรับว่าตัวเองยังมีจุดที่ไม่มั่นใจ ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอกค่ะ”
“ทราบค่ะ”
เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อขณะยังคงจ้องป้ายกระดาษ
“แต่แค่เลือกเพราะความหมายที่ ‘ตรง’ ก็ไม่ได้น่าประหลาดอะไรใช่ไหมคะ”
“บางครั้ง…การยอมรับว่าตัวเองยังมีจุดที่ไม่มั่นใจ ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอกค่ะ”
“เปล่าค่ะ”
เธอพูดอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเลื่อนสายตากลับไปมองป้ายคำอธิษฐานสีเขียวที่ไหวตามสายลมเบา ๆ
“ฉันแค่เชื่อว่า...การมีสติอยู่กับเป้าหมายที่ตั้งไว้ ยังดีกว่ารอให้ความบังเอิญพาไปค่ะ”
“เปล่าค่ะ”
เธอพูดอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเลื่อนสายตากลับไปมองป้ายคำอธิษฐานสีเขียวที่ไหวตามสายลมเบา ๆ
“ฉันแค่เชื่อว่า...การมีสติอยู่กับเป้าหมายที่ตั้งไว้ ยังดีกว่ารอให้ความบังเอิญพาไปค่ะ”
เธอหันไปมองเด็ก ๆ ที่หัวเราะและวิ่งเล่นต่อด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
“เด็ก ๆ คงหลับสบายแน่คืนนี้ค่ะ”
“คุณก็ด้วย...แม่มดเสียงดัง”
เธอเน้นคำท้ายเบา ๆ พลางยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินเคียงไปข้าง ๆ
อาจจะไม่ใช่ชัยชนะในบท แต่สำหรับชิซุกะ—แค่นี้ก็ สนุกพอแล้ว.
เธอหันไปมองเด็ก ๆ ที่หัวเราะและวิ่งเล่นต่อด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
“เด็ก ๆ คงหลับสบายแน่คืนนี้ค่ะ”
“คุณก็ด้วย...แม่มดเสียงดัง”
เธอเน้นคำท้ายเบา ๆ พลางยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินเคียงไปข้าง ๆ
อาจจะไม่ใช่ชัยชนะในบท แต่สำหรับชิซุกะ—แค่นี้ก็ สนุกพอแล้ว.
“จบแล้วสินะคะ...โชคดีที่ไม่ต้องล้มจริง ๆ”
เธอพูดเรียบ ๆ แต่แววตาฉายความขำเจือจางที่ไม่ค่อยได้เห็นจากเธอบ่อยนัก
“จบแล้วสินะคะ...โชคดีที่ไม่ต้องล้มจริง ๆ”
เธอพูดเรียบ ๆ แต่แววตาฉายความขำเจือจางที่ไม่ค่อยได้เห็นจากเธอบ่อยนัก