ᴏᴘᴇɴ: 𝟢𝟫.𝟢𝟢-𝟤𝟤.𝟢𝟢|ᴄʟᴏꜱᴇᴅ ᴏɴ ꜱᴜɴᴅᴀʏ
[เล่นตามคาร์ทุกท่านได้เลยทางนี้โอเคหมดค่ะ]
"ว่าคุณคงไม่ได้ทำแบบนี้กับคนอื่นหรอกใช่มั้ยคะ? จู่ๆก็แกว่งนิ้วไปมาแล้วถามซื่อๆแบบนั้นน่ะค่ะ"
ถ้าอีกฝ่ายตอบว่าใช่เธอเองก็ไม่รู้แล้วว่าจะต้องแสดงสีหน้ายังไงดีกับคนตรงหน้าตนตอนนี้
"ว่าคุณคงไม่ได้ทำแบบนี้กับคนอื่นหรอกใช่มั้ยคะ? จู่ๆก็แกว่งนิ้วไปมาแล้วถามซื่อๆแบบนั้นน่ะค่ะ"
ถ้าอีกฝ่ายตอบว่าใช่เธอเองก็ไม่รู้แล้วว่าจะต้องแสดงสีหน้ายังไงดีกับคนตรงหน้าตนตอนนี้
น้ำเสียงเธอฟังดูเหมือนจะตอบเล่นๆมากกว่าจะตั้งใจปิดบังอะไร หากแต่ก็ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนเท่าไหร่
เมื่อเห็นการกระทำคนตรงหน้ามุมปากก็ขยับยิ้ม "ตายจริง ฉันไม่ใช่คนไข้ของที่นี่นะคะ"
เธอเหลือบตามองเขาผ่านตาข้างขวาก่อนเบือนหน้าไปทางอื่น มือที่เคยเสยผมขึ้นปล่อยให้เส้นผมนั้นกลับมาปรกซีกซ้ายเหมือนเดิม
"หมดเวลาสำหรับคนขี้สงสัยแล้วล่ะค่ะ"
+
น้ำเสียงเธอฟังดูเหมือนจะตอบเล่นๆมากกว่าจะตั้งใจปิดบังอะไร หากแต่ก็ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนเท่าไหร่
เมื่อเห็นการกระทำคนตรงหน้ามุมปากก็ขยับยิ้ม "ตายจริง ฉันไม่ใช่คนไข้ของที่นี่นะคะ"
เธอเหลือบตามองเขาผ่านตาข้างขวาก่อนเบือนหน้าไปทางอื่น มือที่เคยเสยผมขึ้นปล่อยให้เส้นผมนั้นกลับมาปรกซีกซ้ายเหมือนเดิม
"หมดเวลาสำหรับคนขี้สงสัยแล้วล่ะค่ะ"
+
"สมองคุณ..ไปกระทบกระเทือนตอนโดนซ้อมด้วย..รึไงคะ?"
แต่เอาเข้าจริงเธอดูจากการแสดงออกของอีกฝ่ายก็คิดว่าบางทีอีกฝ่ายคงจะพูดจริงและเธอควรกังวลเรื่องอื่นมากกว่า
"ก็ได้ ถือว่าแถมให้เพราะคำชมแล้วกันค่ะ...แค่อย่าควักลูกตาฉันไปก็พอ" เธอว่าเสียงเอื่อย
"สมองคุณ..ไปกระทบกระเทือนตอนโดนซ้อมด้วย..รึไงคะ?"
แต่เอาเข้าจริงเธอดูจากการแสดงออกของอีกฝ่ายก็คิดว่าบางทีอีกฝ่ายคงจะพูดจริงและเธอควรกังวลเรื่องอื่นมากกว่า
"ก็ได้ ถือว่าแถมให้เพราะคำชมแล้วกันค่ะ...แค่อย่าควักลูกตาฉันไปก็พอ" เธอว่าเสียงเอื่อย
รอยแผลไฟไหม้ที่กินไปเกือบครึ่งซีกซ้ายของใบหน้า ผิวหนังที่ทั้งตึงและขรุขระ ดวงตาสีซีดแตกต่างจากอีกด้านจ้องตาไม่กระพริบพร้อมเอ่ยเสียงเรียบ
"ถ้าคุณทำท่ารังเกียจล่ะก็ มือฉันจะฟาด..ไปที่แก้มคุณแน่ค่ะ"
รอยแผลไฟไหม้ที่กินไปเกือบครึ่งซีกซ้ายของใบหน้า ผิวหนังที่ทั้งตึงและขรุขระ ดวงตาสีซีดแตกต่างจากอีกด้านจ้องตาไม่กระพริบพร้อมเอ่ยเสียงเรียบ
"ถ้าคุณทำท่ารังเกียจล่ะก็ มือฉันจะฟาด..ไปที่แก้มคุณแน่ค่ะ"
"ใจกล้า..ดีนะคะ หรือจะเรียกซื่อตรงดีล่ะ?" หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นมา ยังไงซะคนออกปากก็คือเธออีกทั้งเรื่องดวงตาก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญนัก
ได้แต่ถอนหายใจเบาๆกับความอยากรู้นี้ "คุณน่าจะรู้นะคะว่าที่ปกปิดไว้เพราะมันน่าเกลียดน่ะ แต่เอาเถอะ..คุณขอเอง"
+
"ใจกล้า..ดีนะคะ หรือจะเรียกซื่อตรงดีล่ะ?" หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นมา ยังไงซะคนออกปากก็คือเธออีกทั้งเรื่องดวงตาก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญนัก
ได้แต่ถอนหายใจเบาๆกับความอยากรู้นี้ "คุณน่าจะรู้นะคะว่าที่ปกปิดไว้เพราะมันน่าเกลียดน่ะ แต่เอาเถอะ..คุณขอเอง"
+
"มีอะไร..อยากจะถามส่งท้ายมั้ยคะ?"
เธอเปิดโอกาส นานครั้งจะได้คุยที่แปลว่าคุยจริงๆ เธอจึงยอมให้เป็นพิเศษ ตราบใดที่มันเป็นคำถามที่ไม่ได้ข้ามเส้นเกินไปก็พอ
"มีอะไร..อยากจะถามส่งท้ายมั้ยคะ?"
เธอเปิดโอกาส นานครั้งจะได้คุยที่แปลว่าคุยจริงๆ เธอจึงยอมให้เป็นพิเศษ ตราบใดที่มันเป็นคำถามที่ไม่ได้ข้ามเส้นเกินไปก็พอ
จนมาตอนสุดท้าย แน่นอนว่าคนที่คอยหันไปมองใบหน้าของคนที่เธอกำลังพยุงอยู่ตลอดจะไม่รู้ได้จริงหรือ เธอขานรับคำขอบคุณพร้อมเสียงหัวเราะเย็นเจือจางแฝงมาท้ายประโยค
+
จนมาตอนสุดท้าย แน่นอนว่าคนที่คอยหันไปมองใบหน้าของคนที่เธอกำลังพยุงอยู่ตลอดจะไม่รู้ได้จริงหรือ เธอขานรับคำขอบคุณพร้อมเสียงหัวเราะเย็นเจือจางแฝงมาท้ายประโยค
+
"คงจะ สามปี? สี่ปี? นอกจากพาเด็กคนนี้มาเดินเล่นฉันก็อยู่แต่ในร้านจนไม่ได้สังเกตเลยค่ะ.." อย่างกับพวกตัดขาดสังคมไม่มีผิด
"อ่ะ นั่นใช่มั้ยคะ.."
หลังหลุดพ้นจากตรอกคดเคี้ยวได้ก็มาโผล่ออกมาจากซอยเล็กๆซอยหนึ่ง จุดหมายปลายทางอยู่ข้างหน้าไม่ไกลนัก
นับว่าโชคยังดีที่เพราะเมื่อแสงใกล้หมดคนก็บางตาม ทำให้เธอไม่ต้องโดนคนอื่นมองมาด้วยสายตาแปลกๆ
"คงจะ สามปี? สี่ปี? นอกจากพาเด็กคนนี้มาเดินเล่นฉันก็อยู่แต่ในร้านจนไม่ได้สังเกตเลยค่ะ.." อย่างกับพวกตัดขาดสังคมไม่มีผิด
"อ่ะ นั่นใช่มั้ยคะ.."
หลังหลุดพ้นจากตรอกคดเคี้ยวได้ก็มาโผล่ออกมาจากซอยเล็กๆซอยหนึ่ง จุดหมายปลายทางอยู่ข้างหน้าไม่ไกลนัก
นับว่าโชคยังดีที่เพราะเมื่อแสงใกล้หมดคนก็บางตาม ทำให้เธอไม่ต้องโดนคนอื่นมองมาด้วยสายตาแปลกๆ
ประโยคฟังดูคล้ายจะล้อเล่น แต่ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเสียจนจับไม่ได้ว่าเธอจริงจังหรือแค่แหย่ด้วยอารมณ์ขันกันแน่
ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ปล่อยเขาทิ้งไว้ที่ตรอกแคบๆนั่นเสียทีเดียว—ก็คงเรียกว่าเป็นคนไม่ได้คิดอะไรมาก
+
ประโยคฟังดูคล้ายจะล้อเล่น แต่ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเสียจนจับไม่ได้ว่าเธอจริงจังหรือแค่แหย่ด้วยอารมณ์ขันกันแน่
ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ปล่อยเขาทิ้งไว้ที่ตรอกแคบๆนั่นเสียทีเดียว—ก็คงเรียกว่าเป็นคนไม่ได้คิดอะไรมาก
+
เธอส่งเสียงรับในลำคอ ขณะก้าวหลบเศษสิ่งกีดขวางตามทางอย่างชำนาญ
แม้จะลำบากกว่าหน่อยเเต่มันก็ช่วยย่นระยะเวลาไปได้เกือบครึ่ง หากอีกฝ่ายจำเส้นทางนี้ได้ต่อให้เหลือขาเดียวก็คงใช้เวลาอีกไม่กี่นาทีก็ถึงที่หมาย
"แต่แปลกดี..คุณไม่ตะโกนเรียกตำรวจหรือขอให้ใครช่วยเลยเหรอคะ"
หรือที่นี่มันจะน่ากลัวขนาดที่ไม่ยุ่งเรื่องคนอื่นเลยเหรอ..ก็ดูเป็นไปได้
เธอส่งเสียงรับในลำคอ ขณะก้าวหลบเศษสิ่งกีดขวางตามทางอย่างชำนาญ
แม้จะลำบากกว่าหน่อยเเต่มันก็ช่วยย่นระยะเวลาไปได้เกือบครึ่ง หากอีกฝ่ายจำเส้นทางนี้ได้ต่อให้เหลือขาเดียวก็คงใช้เวลาอีกไม่กี่นาทีก็ถึงที่หมาย
"แต่แปลกดี..คุณไม่ตะโกนเรียกตำรวจหรือขอให้ใครช่วยเลยเหรอคะ"
หรือที่นี่มันจะน่ากลัวขนาดที่ไม่ยุ่งเรื่องคนอื่นเลยเหรอ..ก็ดูเป็นไปได้
เจ้าโกลเด้นหันมามองคนแปลกหน้าที่เจ้าของมันเก็บมาด้วยสายตาไม่ไว้ใจค่อนไปทางไม่ชอบใจเสียด้วยซ้ำ
เจ้าโกลเด้นหันมามองคนแปลกหน้าที่เจ้าของมันเก็บมาด้วยสายตาไม่ไว้ใจค่อนไปทางไม่ชอบใจเสียด้วยซ้ำ
"แน่นอน เด็กน้อยของฉันจำทางได้เก่งน่ะค่ะ" เว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ก่อนถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ว่าแต่ คุณไปทำอีท่าไหนมา..ถึงได้ถูกโยนทิ้งเหมือนขยะอยู่แถวนี้ล่ะคะ”
+
"แน่นอน เด็กน้อยของฉันจำทางได้เก่งน่ะค่ะ" เว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ก่อนถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ว่าแต่ คุณไปทำอีท่าไหนมา..ถึงได้ถูกโยนทิ้งเหมือนขยะอยู่แถวนี้ล่ะคะ”
+
โควไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะปกปิดอะไรไว้หรือไม่ ยังไงซะที่นี่ทุกคนก็ล้วนมีแต่เรื่องจนเธอคร้านจะใส่ใจ
"จับไว้ให้ดีแล้วกัน จะได้ไม่เสี่ยงล้มคู่" เธอก้าวเข้าไปประชิดก่อนจะช่วยพยุง แม้ดูจะไปไม่รอดแต่เธอแข็งแรงกว่าที่เห็นจึงไม่มีปัญหาเท่าที่คิด
"เธอช่วยนำฉันหน่อยนะ จิฮิโระ.."
เสียงเห่าตอบกลับมาก่อนที่เสียงกระดิ่งคุ้นหูจะดังอีกครั้ง
โควไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะปกปิดอะไรไว้หรือไม่ ยังไงซะที่นี่ทุกคนก็ล้วนมีแต่เรื่องจนเธอคร้านจะใส่ใจ
"จับไว้ให้ดีแล้วกัน จะได้ไม่เสี่ยงล้มคู่" เธอก้าวเข้าไปประชิดก่อนจะช่วยพยุง แม้ดูจะไปไม่รอดแต่เธอแข็งแรงกว่าที่เห็นจึงไม่มีปัญหาเท่าที่คิด
"เธอช่วยนำฉันหน่อยนะ จิฮิโระ.."
เสียงเห่าตอบกลับมาก่อนที่เสียงกระดิ่งคุ้นหูจะดังอีกครั้ง
"โรงพยาบาล..หรือบ้านคุณ?" หญิงสาวพ่นลมหายใจบางๆระหว่างคิด
หันซ้ายรีขวาก็ไม่เจอใคร ช่วงเวลาแบบนี้คนส่วนใหญ่กลับบ้านช่องไปหมดแล้ว คงไม่มีใครคิดอยากจะเสี่ยง– ถ้าไม่นับคนตรงหน้าเธอน่ะนะ
"ฉันน่าจะพอพยุงคุณได้อยู่..ล่ะมั้ง"
ตัวเธอค่อนข้างแข็งแรงเลยคิดเอาว่าคงไหว
"โรงพยาบาล..หรือบ้านคุณ?" หญิงสาวพ่นลมหายใจบางๆระหว่างคิด
หันซ้ายรีขวาก็ไม่เจอใคร ช่วงเวลาแบบนี้คนส่วนใหญ่กลับบ้านช่องไปหมดแล้ว คงไม่มีใครคิดอยากจะเสี่ยง– ถ้าไม่นับคนตรงหน้าเธอน่ะนะ
"ฉันน่าจะพอพยุงคุณได้อยู่..ล่ะมั้ง"
ตัวเธอค่อนข้างแข็งแรงเลยคิดเอาว่าคงไหว
มือลดไปแตะที่ข้อเท้าเจ้าปัญหาในขณะที่ดวงตาก็เหลือบมองปฎิกิริยา
"ก็– ถ้าคุณยังมีแรงขนาดที่ยังใช้การปากได้..คงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่"
"จะเล่นตัวฉันก็ไม่ว่า แต่คุณคงรู้..ว่าการอยู่ที่นี่ ตรงนี้ ตอนดึก..มันไม่น่าอภิรมย์นัก"
มุมปากยกขึ้นน้อยๆ ดวงตาใต้เลนส์ใสลดเหลือเพียงครึ่ง
"ฉันจะถามอีกครั้ง ให้ช่วยมั้ยคะ?"
มือลดไปแตะที่ข้อเท้าเจ้าปัญหาในขณะที่ดวงตาก็เหลือบมองปฎิกิริยา
"ก็– ถ้าคุณยังมีแรงขนาดที่ยังใช้การปากได้..คงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่"
"จะเล่นตัวฉันก็ไม่ว่า แต่คุณคงรู้..ว่าการอยู่ที่นี่ ตรงนี้ ตอนดึก..มันไม่น่าอภิรมย์นัก"
มุมปากยกขึ้นน้อยๆ ดวงตาใต้เลนส์ใสลดเหลือเพียงครึ่ง
"ฉันจะถามอีกครั้ง ให้ช่วยมั้ยคะ?"
"ฉันไม่ได้มาทิ้งขยะหรอก เด็กคนนี้แค่พาฉันมา..ดูอะไรที่..ผิดแปลก? กับสถานที่ไปสักหน่อย"
ยิ่งพูดยาวก็เหมือนจะติดอ่างเล็กน้อย บ้างก็เสียงเพี้ยนคีย์ไปครึ่งเสียง
"ฉันไม่ชอบเห็นอะไรตายเท่าไหร่ มันน่าหงุดหงิด..ไปส่งมั้ยคะ?" ดวงตาสีดำที่โผล่จากเส้นผมมาข้างนึงมองสำรวจไปเรื่อย
"ฉันไม่ได้มาทิ้งขยะหรอก เด็กคนนี้แค่พาฉันมา..ดูอะไรที่..ผิดแปลก? กับสถานที่ไปสักหน่อย"
ยิ่งพูดยาวก็เหมือนจะติดอ่างเล็กน้อย บ้างก็เสียงเพี้ยนคีย์ไปครึ่งเสียง
"ฉันไม่ชอบเห็นอะไรตายเท่าไหร่ มันน่าหงุดหงิด..ไปส่งมั้ยคะ?" ดวงตาสีดำที่โผล่จากเส้นผมมาข้างนึงมองสำรวจไปเรื่อย
"อา– ยังไม่ตายสินะ สวัสดีค่ะ..คุณยังมีสติใช่มั้ยคะ"
โควใช้มืออีกข้างเสยผมของชายหนุ่มขึ้นให้เห็นหน้าชัดๆเพื่อสังเกตอาการ
"กลิ่นยังไม่เน่า...คงไม่ตายเร็วๆนี้" ที่แท้เสียงฟุดฟิดก็มาจากเธอนั่นเอง..
"อา– ยังไม่ตายสินะ สวัสดีค่ะ..คุณยังมีสติใช่มั้ยคะ"
โควใช้มืออีกข้างเสยผมของชายหนุ่มขึ้นให้เห็นหน้าชัดๆเพื่อสังเกตอาการ
"กลิ่นยังไม่เน่า...คงไม่ตายเร็วๆนี้" ที่แท้เสียงฟุดฟิดก็มาจากเธอนั่นเอง..
เป็นเจ้าสัตว์สี่ขาและมนุษย์อีกหนึ่งคน หญิงสาวปรายตามองเงียบๆก่อนจะก้มลงใช้มือเรียวหยาบกร้านเชยคางอีกคนขึ้นมา เอียงซ้ายขวาเช็คสภาพโดยไม่สนว่ามือตนจะเปื้อนรึเปล่า
"ที่นี่..แปลกขนาดที่มีคนมาตายตรงนี้ได้เลยสินะคะ.."
ระหว่างที่เธอพูดก็มีเสียงฟุดฟิดคล้ายกำลังดมอะไรบางอย่างปะปนมา
เป็นเจ้าสัตว์สี่ขาและมนุษย์อีกหนึ่งคน หญิงสาวปรายตามองเงียบๆก่อนจะก้มลงใช้มือเรียวหยาบกร้านเชยคางอีกคนขึ้นมา เอียงซ้ายขวาเช็คสภาพโดยไม่สนว่ามือตนจะเปื้อนรึเปล่า
"ที่นี่..แปลกขนาดที่มีคนมาตายตรงนี้ได้เลยสินะคะ.."
ระหว่างที่เธอพูดก็มีเสียงฟุดฟิดคล้ายกำลังดมอะไรบางอย่างปะปนมา