มองแผล
มองมือของซากิที่ยังโอบกอดเด็กไว้แน่น
“…เด็กยังอยู่ดี”
เขาเอ่ยนิ่ง ๆ เหมือนพูดลอยๆกับอากาศ
น้ำเสียงไม่แตกต่างจากตอนถามราคาของในร้านค้า
เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดเลือดที่ไหลบนใบหน้าของอีกฝ่ายออก
ดวงตาหลุบต่ำ เฝ้าสังเกตอาการอีกฝ่าย
น่าแปลกที่ถึงแม้เลือดจะไหลออกมามากขนาดนั้นแต่รุ่นพี่กลับดูไม่เหมือนคนที่กำลังจะตาย ทั้งๆที่โดนชนไปขนาดนั้นแท้ๆ
มองแผล
มองมือของซากิที่ยังโอบกอดเด็กไว้แน่น
“…เด็กยังอยู่ดี”
เขาเอ่ยนิ่ง ๆ เหมือนพูดลอยๆกับอากาศ
น้ำเสียงไม่แตกต่างจากตอนถามราคาของในร้านค้า
เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดเลือดที่ไหลบนใบหน้าของอีกฝ่ายออก
ดวงตาหลุบต่ำ เฝ้าสังเกตอาการอีกฝ่าย
น่าแปลกที่ถึงแม้เลือดจะไหลออกมามากขนาดนั้นแต่รุ่นพี่กลับดูไม่เหมือนคนที่กำลังจะตาย ทั้งๆที่โดนชนไปขนาดนั้นแท้ๆ
เขาหยิบโทรศัพท์
โทรแจ้งเหตุด้วยน้ำเสียงที่แทบไม่มีใครฟังออกว่า เจ้าตัวรู้สึกอะไรอยู่ข้างใน
ทุกถ้อยคำถูกถ่ายทอดด้วยความใจเย็น
เขาเดินเข้าไปนั่งลงข้างร่างของซากิ
ดวงตาของเขากวาดมองรอยแผลของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ราวกับกำลังประเมินสถานการณ์
+
เขาหยิบโทรศัพท์
โทรแจ้งเหตุด้วยน้ำเสียงที่แทบไม่มีใครฟังออกว่า เจ้าตัวรู้สึกอะไรอยู่ข้างใน
ทุกถ้อยคำถูกถ่ายทอดด้วยความใจเย็น
เขาเดินเข้าไปนั่งลงข้างร่างของซากิ
ดวงตาของเขากวาดมองรอยแผลของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ราวกับกำลังประเมินสถานการณ์
+
เสียงร้านค้าเปิดเพลงเบา ๆ สลับกับเสียงผู้คนที่เดินขวักไขว่
โฮวโด คาสึมะเดินอยู่เพียงลำพังใน
เสื้อเชิ้ตเรียบกับกางเกงขายาวสีเข้ม
เขากำลังจะไปซื้อหนังสือเล่มหนึ่งที่สั่งไว้กับร้านเจ้าประจำ
ระหว่างเดินผ่านถนนเล็กที่เชื่อมออกสู่ลานโคมกระดาษ เขาได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวาย
ดวงตาไร้แววจ้องมองความวุ่นวายตรงหน้า
+
เสียงร้านค้าเปิดเพลงเบา ๆ สลับกับเสียงผู้คนที่เดินขวักไขว่
โฮวโด คาสึมะเดินอยู่เพียงลำพังใน
เสื้อเชิ้ตเรียบกับกางเกงขายาวสีเข้ม
เขากำลังจะไปซื้อหนังสือเล่มหนึ่งที่สั่งไว้กับร้านเจ้าประจำ
ระหว่างเดินผ่านถนนเล็กที่เชื่อมออกสู่ลานโคมกระดาษ เขาได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวาย
ดวงตาไร้แววจ้องมองความวุ่นวายตรงหน้า
+