"เล่นไปกี่รอบคะกว่าจะได้น้องมา"
เธอกลัวจะเปลืองเงินของอีกฝ่าย แต่ในเมื่อโควคิจิเสียเงินไปแล้ว เธอจึงทำได้เพียงแต่เกรงอกเกรงใจตามนิสัยเดิม
"เล่นไปกี่รอบคะกว่าจะได้น้องมา"
เธอกลัวจะเปลืองเงินของอีกฝ่าย แต่ในเมื่อโควคิจิเสียเงินไปแล้ว เธอจึงทำได้เพียงแต่เกรงอกเกรงใจตามนิสัยเดิม
ตุ๊กตาลูกเจี๊ยบตัวสีเหลืองใหญ่ก็ดึงดูดสายตาเธอทันทีแล้วจึงหันขวดน้ำตามมาทีหลัง
"ตายแล้ว...หมดไปเท่าไหร่คะโควคิจิคุง Σ(°ロ°) " ใครๆก็รู้ว่าพวกเกมแบบนี้เล่นยากจะตาย
+
ตุ๊กตาลูกเจี๊ยบตัวสีเหลืองใหญ่ก็ดึงดูดสายตาเธอทันทีแล้วจึงหันขวดน้ำตามมาทีหลัง
"ตายแล้ว...หมดไปเท่าไหร่คะโควคิจิคุง Σ(°ロ°) " ใครๆก็รู้ว่าพวกเกมแบบนี้เล่นยากจะตาย
+
"หายใจเข้าลึกๆฮิโยริ....ฮ่า....ฮู่"
เมื่อครู่เธอเหมือนสูญเสียความเป็นตัวเองไปชั่วขณะ ถึงเธอเคยคิดว่าตนเคยชินกับการที่มีใครรอบตัวหายไปแล้วก็ตาม
แต่พอคิดว่าหากเธอให้โควคิจิเข้ามาหา แล้วอีกฝ่ายหายไปเหมือนที่พ่อกับแม่ของเธอหายไปเล่า?
+
"หายใจเข้าลึกๆฮิโยริ....ฮ่า....ฮู่"
เมื่อครู่เธอเหมือนสูญเสียความเป็นตัวเองไปชั่วขณะ ถึงเธอเคยคิดว่าตนเคยชินกับการที่มีใครรอบตัวหายไปแล้วก็ตาม
แต่พอคิดว่าหากเธอให้โควคิจิเข้ามาหา แล้วอีกฝ่ายหายไปเหมือนที่พ่อกับแม่ของเธอหายไปเล่า?
+
"น้ำ ใช่ๆๆ น้ำค่ะ ขอน้ำเย็นหน่อยนะคะ"
เอ่ยเสียงละล่ำละลั่ก หวังให้อีกฝ่ายรีบแยกตัวไปซื้อน้ำมาให้ เธอจะได้ใช้จังหวะที่อยู่คนเดียวสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
"น้ำ ใช่ๆๆ น้ำค่ะ ขอน้ำเย็นหน่อยนะคะ"
เอ่ยเสียงละล่ำละลั่ก หวังให้อีกฝ่ายรีบแยกตัวไปซื้อน้ำมาให้ เธอจะได้ใช้จังหวะที่อยู่คนเดียวสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
ปลายนิ้วของเธอเย็นเฉียบ แต่เพียงไม่นานความอบอุ่นก็กลับมาเพราะอีกคนกุมมือเธอไว้มั่น เสียงสาปแช่งที่ดังฝาดก้องในหูค่อยๆเงียบลงไป แทนที่ด้วยคำสัญญาจากโควคิจิ
สติของฮิโยริเริ่มรวมตัวกลับมา ในตอนที่โดนทักเรื่องใบหน้าแดงฉ่าจึงเริ่มรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป
"อ๊ะ ขะขะขอโทษค่ะ" คราวนี้เธอพูดตะกุกตะกักมากกว่าเมื่อครู่อีก
+
ปลายนิ้วของเธอเย็นเฉียบ แต่เพียงไม่นานความอบอุ่นก็กลับมาเพราะอีกคนกุมมือเธอไว้มั่น เสียงสาปแช่งที่ดังฝาดก้องในหูค่อยๆเงียบลงไป แทนที่ด้วยคำสัญญาจากโควคิจิ
สติของฮิโยริเริ่มรวมตัวกลับมา ในตอนที่โดนทักเรื่องใบหน้าแดงฉ่าจึงเริ่มรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป
"อ๊ะ ขะขะขอโทษค่ะ" คราวนี้เธอพูดตะกุกตะกักมากกว่าเมื่อครู่อีก
+
"อย่าหายไป..."
เหมือนกลัวว่าคนตรงหน้าเองก็จะ 'หายไป' อย่างที่เธอกลัว
"อย่าหายไป..."
เหมือนกลัวว่าคนตรงหน้าเองก็จะ 'หายไป' อย่างที่เธอกลัว
"ด...เดี๋ยว"
หัวเธอหมุนไปหมด ความคิดหลายอย่างตีกันอยู่ในหัว เสียงที่มีแค่เธอเท่านั้นที่ได้ยินดังเซ้งแซ่
"อย่าเพิ่ง.." เธอเริ่มเรียบเรียงคำไม่ถูก คำพูดตะกุกตะกัก
"มัน..ฮิโยะไม่รู้ควรพูดยังไง"
"ขอ...ขอเวลาหน่อยได้มั้ยคะ" มันเร็วเกินไป เธอตั้งตัวไม่ทัน
"แต่ว่า แต่ว่าอยู่ด้วยกันแบบนี้ต่อไปก่อนได้มั้ย"
"อย่าเพิ่งหายไป"
"ด...เดี๋ยว"
หัวเธอหมุนไปหมด ความคิดหลายอย่างตีกันอยู่ในหัว เสียงที่มีแค่เธอเท่านั้นที่ได้ยินดังเซ้งแซ่
"อย่าเพิ่ง.." เธอเริ่มเรียบเรียงคำไม่ถูก คำพูดตะกุกตะกัก
"มัน..ฮิโยะไม่รู้ควรพูดยังไง"
"ขอ...ขอเวลาหน่อยได้มั้ยคะ" มันเร็วเกินไป เธอตั้งตัวไม่ทัน
"แต่ว่า แต่ว่าอยู่ด้วยกันแบบนี้ต่อไปก่อนได้มั้ย"
"อย่าเพิ่งหายไป"
ก็...มันมีเยอะแยะไปไม่ใช่เหรอ ในการ์ตูนน่ะ ที่พวกสาวจืดๆแบบเธอจะโดนแหย่อะไรแบบนี้
แต่ใจหนึ่งก็ยังเชื่อว่าโควคิจิคุงไม่ใช่คนแบบนั้น
เพราะฉะนั้นในตอนที่อีกฝ่ายยิ่งย้ำความหมาย ใบหน้าและมือของเธอจึงเริ่มร้อนฉ่ำ ผิวแดงก่ำจนดูเหมือนลูกมะเขือเทศเดินได้
ก็...มันมีเยอะแยะไปไม่ใช่เหรอ ในการ์ตูนน่ะ ที่พวกสาวจืดๆแบบเธอจะโดนแหย่อะไรแบบนี้
แต่ใจหนึ่งก็ยังเชื่อว่าโควคิจิคุงไม่ใช่คนแบบนั้น
เพราะฉะนั้นในตอนที่อีกฝ่ายยิ่งย้ำความหมาย ใบหน้าและมือของเธอจึงเริ่มร้อนฉ่ำ ผิวแดงก่ำจนดูเหมือนลูกมะเขือเทศเดินได้
ท้ายประโยคเอ่ยกล่าวด้วยเสียงที่เบาจนเกือบกลืนไปกับสายลม
เธอไม่ถือสาหรอก
ก็แค่...อาจจะรู้สึกแย่นิดหน่อย? ไม่รู้สิ อธิบายยากจัง
เพราะเธอไม่คิดว่าจะมีวันที่ตนเองถูกสารภาพรักนี่นา
ท้ายประโยคเอ่ยกล่าวด้วยเสียงที่เบาจนเกือบกลืนไปกับสายลม
เธอไม่ถือสาหรอก
ก็แค่...อาจจะรู้สึกแย่นิดหน่อย? ไม่รู้สิ อธิบายยากจัง
เพราะเธอไม่คิดว่าจะมีวันที่ตนเองถูกสารภาพรักนี่นา
"...พูดจริงเหรอคะ"
เอ่ยเสียงเบาหวิว ดวงตาลุกลี้ลุกลนไม่รู้ว่าควรจะเสมองไปทางไหนดี
"หรือว่า.."
เธอเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง ความคิดแง่ลบและความฟุ้งซ่านจากการอ่านการ์ตูนเริ่มหลั่งไหล
+
"...พูดจริงเหรอคะ"
เอ่ยเสียงเบาหวิว ดวงตาลุกลี้ลุกลนไม่รู้ว่าควรจะเสมองไปทางไหนดี
"หรือว่า.."
เธอเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง ความคิดแง่ลบและความฟุ้งซ่านจากการอ่านการ์ตูนเริ่มหลั่งไหล
+
จนกระทั่งหลังมือสัมผัสกับริมฝีปาก เมื่อนั้นความงงงวยจึงพวยพุ่ง
พร้อมๆกับที่ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนยิ่งกว่าอากาศในวันเทศกาลกับคำขอของอีกคน
"..ค่ะ..คะ?"
น้ำเสียงตะกุกตะกักเพราะเริ่มทำตัวไม่ถูก เมื่อครู่เธอหูฝาดไปรึเปล่า อย่างที่เคยเป็นมาบ่อยๆ
แต่หูฝาดคราวนี้ เธอกลับได้ยินและได้เห็น 'ชัดเจน' กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
จนกระทั่งหลังมือสัมผัสกับริมฝีปาก เมื่อนั้นความงงงวยจึงพวยพุ่ง
พร้อมๆกับที่ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนยิ่งกว่าอากาศในวันเทศกาลกับคำขอของอีกคน
"..ค่ะ..คะ?"
น้ำเสียงตะกุกตะกักเพราะเริ่มทำตัวไม่ถูก เมื่อครู่เธอหูฝาดไปรึเปล่า อย่างที่เคยเป็นมาบ่อยๆ
แต่หูฝาดคราวนี้ เธอกลับได้ยินและได้เห็น 'ชัดเจน' กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
มีชั่วขณะหนึ่งที่อดสงสัยไม่ได้ว่าโควคิจิคุงชอบมาเดินเที่ยวกับเธอขนาดนั้นเลยเหรอ หรือเพราะว่าเพราะเหงาที่เพื่อนๆหนีไปเที่ยวกันหมดรึเปล่านะ
"อะไรเหรอคะ?"
เธอถามกลับเสียงใส ดวงหน้ารอฟังคำขอจากอีกฝ่าย
มีชั่วขณะหนึ่งที่อดสงสัยไม่ได้ว่าโควคิจิคุงชอบมาเดินเที่ยวกับเธอขนาดนั้นเลยเหรอ หรือเพราะว่าเพราะเหงาที่เพื่อนๆหนีไปเที่ยวกันหมดรึเปล่านะ
"อะไรเหรอคะ?"
เธอถามกลับเสียงใส ดวงหน้ารอฟังคำขอจากอีกฝ่าย
"ไม่เอาค่ะไม่เอา โควคิจิคุงจะเลี้ยงอีกแล้วเหรอ"
เธอเกรงใจ
"คราวที่แล้วก็เพิ่งเลี้ยงไปเองนะ"
ฮิโยริเผลอทำหน้างอ เธออยากให้อีกฝ่ายเก็บเงินพาร์ทไทม์ไปซื้อหรือทำอะไรให้ตัวเองมากกว่าเอามาเลี้ยงเธอ
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะห้ามคนใจป้ำคนนี้ได้รึเปล่าก็เถอะ
"ไม่เอาค่ะไม่เอา โควคิจิคุงจะเลี้ยงอีกแล้วเหรอ"
เธอเกรงใจ
"คราวที่แล้วก็เพิ่งเลี้ยงไปเองนะ"
ฮิโยริเผลอทำหน้างอ เธออยากให้อีกฝ่ายเก็บเงินพาร์ทไทม์ไปซื้อหรือทำอะไรให้ตัวเองมากกว่าเอามาเลี้ยงเธอ
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะห้ามคนใจป้ำคนนี้ได้รึเปล่าก็เถอะ
"ร้อนๆแบบนี้กินแอปเปิ้ลนี่สดชื่นดีจังเนอะ"
เธอว่าแล้วทานต่อจนพร่องลงไปครึ่งลูก ระหว่างนั้นเองก็แอบซื้อพัดกระดาษหนึ่งเล่มมาพัดคลายร้อน มีพัดแฉลบส่งลมเย็นๆให้โควคิจิคุงด้วย
"ร้อนๆแบบนี้กินแอปเปิ้ลนี่สดชื่นดีจังเนอะ"
เธอว่าแล้วทานต่อจนพร่องลงไปครึ่งลูก ระหว่างนั้นเองก็แอบซื้อพัดกระดาษหนึ่งเล่มมาพัดคลายร้อน มีพัดแฉลบส่งลมเย็นๆให้โควคิจิคุงด้วย
ยังไม่ทันได้คิดคาดโทษอะไรก็ถูกจูงมือพาไปยังโซนอาหารเสียก่อน ผิวที่ถูกสัมผัสเริ่มรู้สึกร้อนจนกังวลว่าอีกฝ่ายจะเหนียวเหงื่อของเธอรึเปล่า
"ขอบคุณนะโควคิจิคุง"
รับแอปเปิ้ลเสียบไม้มาถือสองมือ โชคดีที่ไม่ใช่ฤดูหนาว น้ำตาลที่เคลือบผิวแอปเปิ้ลจึงกรอบกำลังทานง่ายพอดี
+
ยังไม่ทันได้คิดคาดโทษอะไรก็ถูกจูงมือพาไปยังโซนอาหารเสียก่อน ผิวที่ถูกสัมผัสเริ่มรู้สึกร้อนจนกังวลว่าอีกฝ่ายจะเหนียวเหงื่อของเธอรึเปล่า
"ขอบคุณนะโควคิจิคุง"
รับแอปเปิ้ลเสียบไม้มาถือสองมือ โชคดีที่ไม่ใช่ฤดูหนาว น้ำตาลที่เคลือบผิวแอปเปิ้ลจึงกรอบกำลังทานง่ายพอดี
+
"ม ไม่ได้ค่ะไม่ได้" เธอส่ายหัวพัลวัน
คำขอข้อนั้นน่ะ บอกไปผู้ชายอย่างโควคิจิคุงก็ไม่เข้าใจหรอกค่ะ🐥
ฮิโยริคิดแบบนั้นในใจแต่ไม่ได้พูดออกมา ปล่อยให้พรข้อนั้นเป็นความลับกับโควคิจิต่อไป
"พวกเราไปหาอะไรเบาๆทานรองท้องกันดีกว่าค่ะ เนอะ"
เธอรีบเอาของกินมาเปลี่ยนเรื่อง แล้วชี้ไม้ชี้มือไปทางโซนร้านอาหารต่างๆแทน
"ม ไม่ได้ค่ะไม่ได้" เธอส่ายหัวพัลวัน
คำขอข้อนั้นน่ะ บอกไปผู้ชายอย่างโควคิจิคุงก็ไม่เข้าใจหรอกค่ะ🐥
ฮิโยริคิดแบบนั้นในใจแต่ไม่ได้พูดออกมา ปล่อยให้พรข้อนั้นเป็นความลับกับโควคิจิต่อไป
"พวกเราไปหาอะไรเบาๆทานรองท้องกันดีกว่าค่ะ เนอะ"
เธอรีบเอาของกินมาเปลี่ยนเรื่อง แล้วชี้ไม้ชี้มือไปทางโซนร้านอาหารต่างๆแทน
"แบบนี้นี่เอง" ก็พอรู้สาเหตุอยู่เลยไม่ได้แปลกใจอะไรมาก
หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเธอเคยชินกับการ 'หายไป' แล้วก็ได้
"แล้วคิตจังเข้าชมรมไปคนเดียวเหรอ? ชวนมานะจังไปด้วยรึเปล่า?"
เธอยังไม่รู้ว่ามานาบุเลือกชมรมอะไร แค่คิดว่าชมรมวิจัยสิ่งลี้ลับก็แอบดูเหมาะกับมานาบุดี
"แบบนี้นี่เอง" ก็พอรู้สาเหตุอยู่เลยไม่ได้แปลกใจอะไรมาก
หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเธอเคยชินกับการ 'หายไป' แล้วก็ได้
"แล้วคิตจังเข้าชมรมไปคนเดียวเหรอ? ชวนมานะจังไปด้วยรึเปล่า?"
เธอยังไม่รู้ว่ามานาบุเลือกชมรมอะไร แค่คิดว่าชมรมวิจัยสิ่งลี้ลับก็แอบดูเหมาะกับมานาบุดี
พออยู่นอกเขตโรงเรียน เหล่าร้านค้าร้านอาหารก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา กลิ่นหอมๆและควันสีอ่อนลอยโชยเต็มไปหมดชวนให้น้ำลายสอ
"เอ~ มีเยอะแยะเลยค่ะ ก็คงขอให้คุณตาสุขภาพแข็งแรง แล้วก็..." เธอหันมายิ้มเล็กยิ้มน้อย ยกมือป้องปากปิดรอยยิ้มตนเอง
"ความลับค่ะฮิๆ"
เป็นความลับของสวรรค์เชียวล่ะ✨
พออยู่นอกเขตโรงเรียน เหล่าร้านค้าร้านอาหารก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา กลิ่นหอมๆและควันสีอ่อนลอยโชยเต็มไปหมดชวนให้น้ำลายสอ
"เอ~ มีเยอะแยะเลยค่ะ ก็คงขอให้คุณตาสุขภาพแข็งแรง แล้วก็..." เธอหันมายิ้มเล็กยิ้มน้อย ยกมือป้องปากปิดรอยยิ้มตนเอง
"ความลับค่ะฮิๆ"
เป็นความลับของสวรรค์เชียวล่ะ✨