ลมเบา ๆ พัดผ่านหลังคอของชิโยะ และเมื่อเขาก้าวออกจากห้องนั้น เสียงกระซิบเบาบาง ก็ค่อย ๆ หายไป
ทิ้งไว้เพียงกลิ่นฝุ่น
และหน้าสมุดที่ปิดลง
ลมเบา ๆ พัดผ่านหลังคอของชิโยะ และเมื่อเขาก้าวออกจากห้องนั้น เสียงกระซิบเบาบาง ก็ค่อย ๆ หายไป
ทิ้งไว้เพียงกลิ่นฝุ่น
และหน้าสมุดที่ปิดลง
พร้อมข้อความใหม่ที่ถูกเขียนด้วยลายมือสั่นไหวว่า:
“เขากำลังฟังอยู่”
เขาหันไปสบตารุ่นน้องอย่างชัดเจน น้ำเสียงของเขาชัดมั่นกว่าครั้งไหน
“…เราไม่ควรอยู่ที่นี่นาน”
+
พร้อมข้อความใหม่ที่ถูกเขียนด้วยลายมือสั่นไหวว่า:
“เขากำลังฟังอยู่”
เขาหันไปสบตารุ่นน้องอย่างชัดเจน น้ำเสียงของเขาชัดมั่นกว่าครั้งไหน
“…เราไม่ควรอยู่ที่นี่นาน”
+
แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาเลือกจะอยู่ตรงนี้—ในโลกของรุ่นน้อง—เพื่อพาอีกฝ่ายกลับมา
อย่าทำให้เลขสิบแปดถูกลืม…พวกเขาจะกลับมา – 17 ตุลาคม
และรอยมือเล็ก ๆ เปื้อนเลือดที่พยายามขูดคำว่า ‘ลืม’
ฮิบิกิเงียบไปนาน เขารู้สึกได้ถึงบางอย่างในอกที่กำลังแผ่ความหนาวเย็นขึ้นมา
แต่เขาก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณ—มีบางอย่างที่นี่
+
แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาเลือกจะอยู่ตรงนี้—ในโลกของรุ่นน้อง—เพื่อพาอีกฝ่ายกลับมา
อย่าทำให้เลขสิบแปดถูกลืม…พวกเขาจะกลับมา – 17 ตุลาคม
และรอยมือเล็ก ๆ เปื้อนเลือดที่พยายามขูดคำว่า ‘ลืม’
ฮิบิกิเงียบไปนาน เขารู้สึกได้ถึงบางอย่างในอกที่กำลังแผ่ความหนาวเย็นขึ้นมา
แต่เขาก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณ—มีบางอย่างที่นี่
+
เมื่อเห็นว่าชิโยะเริ่มขยับ ฮิบิกิจึงเอื้อมมือออกไปอย่างช้า ๆ ไม่เร่ง ไม่เร้า
เพียงแตะแขนเบา ๆ เหมือนจะย้ำอีกครั้งว่า เขาอยู่ตรงนี้จริง ๆ
“เดี๋ยวก็จบแล้ว”
เขากระซิบเสียงแผ่ว แต่น้ำเสียงนั้นกลับมั่นคงกว่าแสงแดดที่ส่องลอดหน้าต่างเข้ามา
“เราไปจากที่นี่กันเถอะ”
เขาไม่ได้บอกให้ ลืม
ไม่ได้บอกว่า มันไม่จริง
เพราะแววตาของฮิบิกิบอกว่า
+
เมื่อเห็นว่าชิโยะเริ่มขยับ ฮิบิกิจึงเอื้อมมือออกไปอย่างช้า ๆ ไม่เร่ง ไม่เร้า
เพียงแตะแขนเบา ๆ เหมือนจะย้ำอีกครั้งว่า เขาอยู่ตรงนี้จริง ๆ
“เดี๋ยวก็จบแล้ว”
เขากระซิบเสียงแผ่ว แต่น้ำเสียงนั้นกลับมั่นคงกว่าแสงแดดที่ส่องลอดหน้าต่างเข้ามา
“เราไปจากที่นี่กันเถอะ”
เขาไม่ได้บอกให้ ลืม
ไม่ได้บอกว่า มันไม่จริง
เพราะแววตาของฮิบิกิบอกว่า
+
ก่อนที่น้ำเสียงนุ่ม เรียบ และระวังจะเอ่ยเรียก
“...ชิโยะ?”
ฮิบิกิไม่ได้แตะตัวเขาทันที เขาเพียงยืนห่างออกไปหนึ่งช่วงแขน น้ำเสียงของเขานุ่มเหมือนกลัวจะรบกวนอะไรบางอย่างที่อาจยังซ่อนอยู่ในเงาเหล่านั้น
“นี่ผมเองนะ...ฮิบิกิ”
เขาลดเสียงให้เบาลงกว่าเดิมอีกเล็กน้อย แต่มั่นคง
ราวกับกำลังส่งคลื่นอุ่น ๆ ทะลุผ่านหมอกบาง ๆ ที่ล้อมรอบสติของรุ่นน้องไว้
+
ก่อนที่น้ำเสียงนุ่ม เรียบ และระวังจะเอ่ยเรียก
“...ชิโยะ?”
ฮิบิกิไม่ได้แตะตัวเขาทันที เขาเพียงยืนห่างออกไปหนึ่งช่วงแขน น้ำเสียงของเขานุ่มเหมือนกลัวจะรบกวนอะไรบางอย่างที่อาจยังซ่อนอยู่ในเงาเหล่านั้น
“นี่ผมเองนะ...ฮิบิกิ”
เขาลดเสียงให้เบาลงกว่าเดิมอีกเล็กน้อย แต่มั่นคง
ราวกับกำลังส่งคลื่นอุ่น ๆ ทะลุผ่านหมอกบาง ๆ ที่ล้อมรอบสติของรุ่นน้องไว้
+
“เพราะผมเองก็เคยเห็นพวกเขา...คนที่คนอื่นมองไม่เห็น”
“..มันโดดเดี่ยวนะครับ เวลาที่ไม่มีใครเชื่อว่าเขาอยู่จริง”
มือข้างหนึ่งยื่นออกมา ไม่ได้แตะ แต่ยกขึ้นเล็กน้อยระหว่างระยะห่างของพวกเขาเหมือนจะบอกว่าอยู่ตรงนี้
“แต่เลขสิบแปด…จะไม่ใช่เลขสุดท้ายอีกต่อไปครับ”
และสุดท้าย มือของเขาก็เอื้อมไปเปิดประตู
+
“เพราะผมเองก็เคยเห็นพวกเขา...คนที่คนอื่นมองไม่เห็น”
“..มันโดดเดี่ยวนะครับ เวลาที่ไม่มีใครเชื่อว่าเขาอยู่จริง”
มือข้างหนึ่งยื่นออกมา ไม่ได้แตะ แต่ยกขึ้นเล็กน้อยระหว่างระยะห่างของพวกเขาเหมือนจะบอกว่าอยู่ตรงนี้
“แต่เลขสิบแปด…จะไม่ใช่เลขสุดท้ายอีกต่อไปครับ”
และสุดท้าย มือของเขาก็เอื้อมไปเปิดประตู
+
เขาเอ่ยเบาๆแทบจะพอๆกับเสียงกระซิบของชิโยะเมื่อครู่
“ผมก็เคยนับเลขครับ…ตอนอยู่ในโรงพยาบาล”
“ตอนเด็กๆเวลาที่เสียงกรีดร้องดังขึ้นตอนกลางคืน ผมจะนับถอยหลังจากร้อย…ช้าๆ ทีละเลข เพื่อไม่ให้ตัวเองสั่นไปมากกว่านี้”
เขาเว้นจังหวะ ยกมือซ้ายที่ใส่แหวนเงินเก่าๆ ขึ้นแตะแขนตัวเองเบา ๆ
+
เขาเอ่ยเบาๆแทบจะพอๆกับเสียงกระซิบของชิโยะเมื่อครู่
“ผมก็เคยนับเลขครับ…ตอนอยู่ในโรงพยาบาล”
“ตอนเด็กๆเวลาที่เสียงกรีดร้องดังขึ้นตอนกลางคืน ผมจะนับถอยหลังจากร้อย…ช้าๆ ทีละเลข เพื่อไม่ให้ตัวเองสั่นไปมากกว่านี้”
เขาเว้นจังหวะ ยกมือซ้ายที่ใส่แหวนเงินเก่าๆ ขึ้นแตะแขนตัวเองเบา ๆ
+
"หืม แสดงว่าในชมรมนี้เน้นเขียนโดจินBLเป็นส่วนใหญ่เหรอครับ?"
"หืม แสดงว่าในชมรมนี้เน้นเขียนโดจินBLเป็นส่วนใหญ่เหรอครับ?"
เสียงรอบตัวเหมือนเบาลง แม้จะมีเสียงนก เสียงลม หรือแม้แต่ฝีเท้าของตัวเอง
ฮิบิกิหยุดยืนข้างเขาโดยไม่ต้องมีคำสั่งหรือสัญญาณใด ๆ
นัยน์ตาสีมาเจนต้าของเขาสะท้อนภาพตึกเรียนเก่าอย่างเงียบสงบ
ราวกับดวงตานั้น…จดจำได้ถึงบางอย่างที่ครั้งหนึ่งเคยมีอยู่
“ถึงแล้วครับ”
เสียงรอบตัวเหมือนเบาลง แม้จะมีเสียงนก เสียงลม หรือแม้แต่ฝีเท้าของตัวเอง
ฮิบิกิหยุดยืนข้างเขาโดยไม่ต้องมีคำสั่งหรือสัญญาณใด ๆ
นัยน์ตาสีมาเจนต้าของเขาสะท้อนภาพตึกเรียนเก่าอย่างเงียบสงบ
ราวกับดวงตานั้น…จดจำได้ถึงบางอย่างที่ครั้งหนึ่งเคยมีอยู่
“ถึงแล้วครับ”
ก่อนจะปล่อยลงข้างตัวอีกครั้ง
“เพราะแบบนั้น...ผมจึงไม่อยากให้ใครต้องอยู่ลำพังกับความกลัวแบบนั้นอีก”
พื้นทางเดินที่ทอดยาวมาตลอดเริ่มเปลี่ยนจากหินเรียบเป็นพื้นซีเมนต์หยาบซึ่งมีรอยแตกร้าวจาง ๆ ขึ้นตามกาลเวลา
+
ก่อนจะปล่อยลงข้างตัวอีกครั้ง
“เพราะแบบนั้น...ผมจึงไม่อยากให้ใครต้องอยู่ลำพังกับความกลัวแบบนั้นอีก”
พื้นทางเดินที่ทอดยาวมาตลอดเริ่มเปลี่ยนจากหินเรียบเป็นพื้นซีเมนต์หยาบซึ่งมีรอยแตกร้าวจาง ๆ ขึ้นตามกาลเวลา
+
เขาเดินต่อไปอีกสองสามก้าว
แล้วเอ่ยต่อราวกับกำลังเล่าเรื่องบางอย่างให้คุณฟัง
“ตอนผมยังเด็ก ผมเคยได้ยินเสียงแปลกๆที่ไม่มีใครได้ยินมาก่อน”
“ผมก็กลัวเหมือนกันครับ ตอนนั้นไม่มีใครอยู่ด้วย ไม่มีใครเชื่อ…”
มือข้างหนึ่งของฮิบิกิยกขึ้นเล็กน้อย
+
เขาเดินต่อไปอีกสองสามก้าว
แล้วเอ่ยต่อราวกับกำลังเล่าเรื่องบางอย่างให้คุณฟัง
“ตอนผมยังเด็ก ผมเคยได้ยินเสียงแปลกๆที่ไม่มีใครได้ยินมาก่อน”
“ผมก็กลัวเหมือนกันครับ ตอนนั้นไม่มีใครอยู่ด้วย ไม่มีใครเชื่อ…”
มือข้างหนึ่งของฮิบิกิยกขึ้นเล็กน้อย
+
นัยน์ตาสีมาเจนต้าหลุบลงเล็กน้อยก่อนจะผินหน้าไปหาคนข้างกาย
เขาไม่ได้ตอบทันที
แต่รอยยิ้มบางเบาที่ผุดขึ้นบนมุมปากนั้น ก็บอกความรู้สึกได้ก่อนคำพูดใด ๆ
"ได้สิครับ ? ขนาดผมยังเรียกชิโยะคุงว่าชิโยะคุงเลยนี่นา”
ฮิบิกิพูดต่อด้วยรอยยิ้มเล็กๆ
+
นัยน์ตาสีมาเจนต้าหลุบลงเล็กน้อยก่อนจะผินหน้าไปหาคนข้างกาย
เขาไม่ได้ตอบทันที
แต่รอยยิ้มบางเบาที่ผุดขึ้นบนมุมปากนั้น ก็บอกความรู้สึกได้ก่อนคำพูดใด ๆ
"ได้สิครับ ? ขนาดผมยังเรียกชิโยะคุงว่าชิโยะคุงเลยนี่นา”
ฮิบิกิพูดต่อด้วยรอยยิ้มเล็กๆ
+
เขาถามพลางเหลือบมองชิโยะ ดวงตานิ่งสงบแต่เต็มไปด้วยความอยากรู้
ไม่ใช่เพราะสงสัย
แต่อยาก ‘ฟัง’ จริง ๆ
“กลัวไหม?”
เขาถามพลางเหลือบมองชิโยะ ดวงตานิ่งสงบแต่เต็มไปด้วยความอยากรู้
ไม่ใช่เพราะสงสัย
แต่อยาก ‘ฟัง’ จริง ๆ
“กลัวไหม?”
“…เมื่อกี้ตอนที่นายพูดว่าจะไปด้วยกัน ผมดีใจนะครับ”
เขาหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเพียงครู่ เหมือนกำลังไล่เรียงความคิดในใจ
ก่อนจะหันมาหาอีกฝ่ายเล็กน้อยโดยไม่หยุดเดิน
ฮิบิกิเดินนิ่งไปอีกรอบสองก่อนจะพูดต่อ น้ำเสียงผ่อนคลายลงเล็กน้อย ราวกับอยากเปลี่ยนบรรยากาศให้เบาลง
+
“…เมื่อกี้ตอนที่นายพูดว่าจะไปด้วยกัน ผมดีใจนะครับ”
เขาหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเพียงครู่ เหมือนกำลังไล่เรียงความคิดในใจ
ก่อนจะหันมาหาอีกฝ่ายเล็กน้อยโดยไม่หยุดเดิน
ฮิบิกิเดินนิ่งไปอีกรอบสองก่อนจะพูดต่อ น้ำเสียงผ่อนคลายลงเล็กน้อย ราวกับอยากเปลี่ยนบรรยากาศให้เบาลง
+
สายลมเอื่อยเฉื่อยพัดผ่านใบไม้จนเกิดเสียงกระทบกันแผ่วเบา
บรรยากาศโดยรอบยังคงดูปกติเหมือนช่วงพักกลางวันทั่วไป
แต่ในระหว่างเงาสะท้อนเหล่านั้น
มีสองเงาเล็ก ๆ เดินเคียงกันไปบนทางเดินที่ทอดยาว
ฮิบิกิเดินนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ ขณะดวงตายังมองตรงไปข้างหน้า
“ชิโยะคุง…”
+
สายลมเอื่อยเฉื่อยพัดผ่านใบไม้จนเกิดเสียงกระทบกันแผ่วเบา
บรรยากาศโดยรอบยังคงดูปกติเหมือนช่วงพักกลางวันทั่วไป
แต่ในระหว่างเงาสะท้อนเหล่านั้น
มีสองเงาเล็ก ๆ เดินเคียงกันไปบนทางเดินที่ทอดยาว
ฮิบิกิเดินนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ ขณะดวงตายังมองตรงไปข้างหน้า
“ชิโยะคุง…”
+
แนะนำตัวตอบแบบเป็นกันเอง มีรอยยิ้มบนใบหน้านิดหน่อย
"ยินดีที่ได้รู้จักนะยูยะคุง ว่าแต่จะหาบัตรต่อไหม?"
แนะนำตัวตอบแบบเป็นกันเอง มีรอยยิ้มบนใบหน้านิดหน่อย
"ยินดีที่ได้รู้จักนะยูยะคุง ว่าแต่จะหาบัตรต่อไหม?"