Asahi Harper•3年F組
Baseball clubーAce pitcher•DH「1B」
<Age:18|H-W:193cm-95kg>
Tw。คาร์แปลก-เดินไปมา-Puppet energy
ーーーーーーーーーーーーーー
Doc『 http://bit.ly/4hB29x0 』
“ส่วนนึงพ่อแม่ก็คาดหวังให้เป็นแบบนั้น แต่มันก็คือความฝันผมด้วย”
เขาเอามือทาบอกตัวเองพร้อมกับสบตาอาจารย์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่มุ่งมั่น
แม้ว่าดวงตาของเขาจะดำสนิท แต่ก็ดูเหมือนจะดิ้นรนในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน รวมถึงการฝึกซ้อมด้วย
“ว่าแต่อาจารย์อยากลองมาเล่นเบสบอลกับผมไหมครับ?”
“ส่วนนึงพ่อแม่ก็คาดหวังให้เป็นแบบนั้น แต่มันก็คือความฝันผมด้วย”
เขาเอามือทาบอกตัวเองพร้อมกับสบตาอาจารย์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่มุ่งมั่น
แม้ว่าดวงตาของเขาจะดำสนิท แต่ก็ดูเหมือนจะดิ้นรนในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน รวมถึงการฝึกซ้อมด้วย
“ว่าแต่อาจารย์อยากลองมาเล่นเบสบอลกับผมไหมครับ?”
เจ้าตัวกล่าวด้วยเสียงที่เคอะเขินเล็กน้อย
“พอไม่มีหมวกแล้วรู้สึกความมั่นใจลดลงแฮะ..ว่าแต่อาจารย์มาเช้าจังเลยนะครับ”
“ขอบพระคุณที่ทรงงานหนักนะครับ ถ้ามีอะไรที่ผมช่วยได้ก็บอกนะครับ“
เจ้าตัวกล่าวด้วยเสียงที่เคอะเขินเล็กน้อย
“พอไม่มีหมวกแล้วรู้สึกความมั่นใจลดลงแฮะ..ว่าแต่อาจารย์มาเช้าจังเลยนะครับ”
“ขอบพระคุณที่ทรงงานหนักนะครับ ถ้ามีอะไรที่ผมช่วยได้ก็บอกนะครับ“
มองคุโรกิด้วยสายตาเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความขอบคุณ
“ถ้าไม่พูด นายก็คงไม่เป็นคุโรกิแล้วล่ะ…เพราะงั้นพูดไปเถอะ ฉันอยากฟัง”
เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเขาก็เอ่ยเบาๆ คล้ายพึมพำแต่ก็จริงจังพอ
“…อยู่ตรงนี้ด้วยกันนานเท่าที่อยากอยู่นะ ไม่ต้องรีบไปไหนก็ได้”
มองคุโรกิด้วยสายตาเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความขอบคุณ
“ถ้าไม่พูด นายก็คงไม่เป็นคุโรกิแล้วล่ะ…เพราะงั้นพูดไปเถอะ ฉันอยากฟัง”
เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเขาก็เอ่ยเบาๆ คล้ายพึมพำแต่ก็จริงจังพอ
“…อยู่ตรงนี้ด้วยกันนานเท่าที่อยากอยู่นะ ไม่ต้องรีบไปไหนก็ได้”
“ไม่รำคาญเลยสักนิด”
เสียงของเขานุ่มลงจนไม่ต้องยกเสียงก็ชัดพอจะผ่านเข้าไปถึงใจ
“ฉันเองก็พูดมากเหมือนกันนะวันนี้…” เขาเว้นนิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มมุมปากแบบที่ไม่ได้เห็นบ่อย
“ดีซะอีก ได้รู้จักนายมากขึ้น”
+
“ไม่รำคาญเลยสักนิด”
เสียงของเขานุ่มลงจนไม่ต้องยกเสียงก็ชัดพอจะผ่านเข้าไปถึงใจ
“ฉันเองก็พูดมากเหมือนกันนะวันนี้…” เขาเว้นนิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มมุมปากแบบที่ไม่ได้เห็นบ่อย
“ดีซะอีก ได้รู้จักนายมากขึ้น”
+
พอเห็นคุโรกิรีบขยับตัวถอยออกไปอย่างเก้อๆ พร้อมคำถามว่า “ไม่รำคาญใช่ไหมครับ?”
อาซาฮิก็หัวเราะเบาๆ คล้ายขำกับความจริงจังเกินเหตุของเด็กตรงหน้า
เขายื่นมือออกไป ลูบหัวคุโรกิแผ่วๆ
+
พอเห็นคุโรกิรีบขยับตัวถอยออกไปอย่างเก้อๆ พร้อมคำถามว่า “ไม่รำคาญใช่ไหมครับ?”
อาซาฮิก็หัวเราะเบาๆ คล้ายขำกับความจริงจังเกินเหตุของเด็กตรงหน้า
เขายื่นมือออกไป ลูบหัวคุโรกิแผ่วๆ
+
“…เอ้อ ฝากใจไว้หน่อยละกัน”
น้ำเสียงเบามาก แทบจมหายไปกับเสียงลม
แต่เขายิ้มอยู่จริง ๆ นั่นแหละ ถึงจะหันหน้าไปทางอื่นก็เถอะ
“…เอ้อ ฝากใจไว้หน่อยละกัน”
น้ำเสียงเบามาก แทบจมหายไปกับเสียงลม
แต่เขายิ้มอยู่จริง ๆ นั่นแหละ ถึงจะหันหน้าไปทางอื่นก็เถอะ
“ข้าวกล่องนี่แข่งได้ด้วยเหรอ…”
เขาว่าอย่างนั้น แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่นแปลก ๆ
+
“ข้าวกล่องนี่แข่งได้ด้วยเหรอ…”
เขาว่าอย่างนั้น แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่นแปลก ๆ
+
เขาหลุบตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างแนบเนียน มือซ้ายยกขึ้นเกาท้ายทอยเบา ๆ
“…พูดแบบนี้ ระวังฉันจะยิ้มให้ทั้งวันเลยนะ” เขาตอบเสียงเบา กึ่งล้อกึ่งจริงจัง
+
เขาหลุบตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างแนบเนียน มือซ้ายยกขึ้นเกาท้ายทอยเบา ๆ
“…พูดแบบนี้ ระวังฉันจะยิ้มให้ทั้งวันเลยนะ” เขาตอบเสียงเบา กึ่งล้อกึ่งจริงจัง
+
พูดจบก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นแตะหัวอีกฝ่ายเบาๆ เป็นเชิงขอบคุณ แต่ดูจากแรงที่ใช้แล้ว น่าจะล้าเกินกว่าจะลูบแรงกว่านั้นได้แล้วจริงๆ
พูดจบก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นแตะหัวอีกฝ่ายเบาๆ เป็นเชิงขอบคุณ แต่ดูจากแรงที่ใช้แล้ว น่าจะล้าเกินกว่าจะลูบแรงกว่านั้นได้แล้วจริงๆ
“เฮ้… คุโรกิ…” เขาขานชื่อกลับเบาๆ เหมือนพลังงานมีเท่านี้จริงๆ
พอเห็นมือเล็กๆ พัดให้แบบตั้งใจเต็มที่ อาซาฮิก็หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้าหา
+
“เฮ้… คุโรกิ…” เขาขานชื่อกลับเบาๆ เหมือนพลังงานมีเท่านี้จริงๆ
พอเห็นมือเล็กๆ พัดให้แบบตั้งใจเต็มที่ อาซาฮิก็หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้าหา
+
ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินพ้นไป เขาเอ่ยเสียงเบาแต่พอได้ยิน
“ขอบคุณนะ ฮารุกะซัง…ช่วยชีวิตไว้จริงๆ”
ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินพ้นไป เขาเอ่ยเสียงเบาแต่พอได้ยิน
“ขอบคุณนะ ฮารุกะซัง…ช่วยชีวิตไว้จริงๆ”
เขาส่ายหัวเบาๆ ก่อนตอบคำถามสุดท้าย
“ขอเป็น…ขนมปังไส้ถั่วแดงถุงนึง ถ้ามี เหนื่อยจนเหมือนพลังชีวิตเหลือติดลบแล้วตอนนี้”
+
เขาส่ายหัวเบาๆ ก่อนตอบคำถามสุดท้าย
“ขอเป็น…ขนมปังไส้ถั่วแดงถุงนึง ถ้ามี เหนื่อยจนเหมือนพลังชีวิตเหลือติดลบแล้วตอนนี้”
+
เขาพึมพำ ก่อนจะหลุบตาลงนิดหนึ่ง หายใจเข้าลึกๆ แล้วเปรยเสียงแหบๆ
“ผมอาซาฮิ ฮาร์เปอร์…อยู่ปีสาม คิดว่าคงเห็นหน้าผมแปะอยู่ในบอร์ดกีฬาอยู่บ้าง”
รอยยิ้มมุมปากกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับมือที่ยกขึ้นเล็กน้อยเหมือนจะโบกตอบ แต่ก็เปลี่ยนใจกลางคันเพราะกล้ามแขนล้าเกินไป
+
เขาพึมพำ ก่อนจะหลุบตาลงนิดหนึ่ง หายใจเข้าลึกๆ แล้วเปรยเสียงแหบๆ
“ผมอาซาฮิ ฮาร์เปอร์…อยู่ปีสาม คิดว่าคงเห็นหน้าผมแปะอยู่ในบอร์ดกีฬาอยู่บ้าง”
รอยยิ้มมุมปากกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับมือที่ยกขึ้นเล็กน้อยเหมือนจะโบกตอบ แต่ก็เปลี่ยนใจกลางคันเพราะกล้ามแขนล้าเกินไป
+
“อ่า…ฝ่ายพยาบาลสินะ ถึงว่าทำไมถึงพัดลมให้เก่งขนาดนั้น”
เขาว่าอย่างขำๆ มือยังพาดไว้บนเข่าข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างจับผ้าโพกที่หลุดลงมาจากคอไว้หลวมๆ
พอได้ยินชื่อและการแนะนำตัว เขาก็พยักหน้ารับเชื่องช้า
+
“อ่า…ฝ่ายพยาบาลสินะ ถึงว่าทำไมถึงพัดลมให้เก่งขนาดนั้น”
เขาว่าอย่างขำๆ มือยังพาดไว้บนเข่าข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างจับผ้าโพกที่หลุดลงมาจากคอไว้หลวมๆ
พอได้ยินชื่อและการแนะนำตัว เขาก็พยักหน้ารับเชื่องช้า
+
อาจเพราะเขาสัมผัสได้ถึงความใส่ใจของอิสึกิเลยเผลอแง้มคำถามกลับไปบ้าง…แม้จะรู้ว่าเป็นคำถามที่อาจไม่จำเป็นต้องได้คำตอบก็ตาม
“หรือว่า…ดูแลคนอื่นจนลืมตัวเอง?”
พูดจบก็ยิ้มออกมาอีกที สีหน้ายังดูสดใส แต่ในแววตามีความจริงใจแบบคนที่เข้าใจหัวอกกัน
อาจเพราะเขาสัมผัสได้ถึงความใส่ใจของอิสึกิเลยเผลอแง้มคำถามกลับไปบ้าง…แม้จะรู้ว่าเป็นคำถามที่อาจไม่จำเป็นต้องได้คำตอบก็ตาม
“หรือว่า…ดูแลคนอื่นจนลืมตัวเอง?”
พูดจบก็ยิ้มออกมาอีกที สีหน้ายังดูสดใส แต่ในแววตามีความจริงใจแบบคนที่เข้าใจหัวอกกัน
เขาเอ่ยพึมพำ พลางเงยหน้าพิงเสาเล็กน้อย หลับตาข้างหนึ่งอย่างสบาย
“ผมไม่ค่อยมีเวลามาดูแลตัวเองเท่าไหร่หรอกครับ พอหมดงานก็แค่…ล้มตัวลงนอนเฉยๆ”
เสียงเขาแผ่วลงนิดหน่อยเหมือนคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองละเลยอะไรไปบางอย่าง
แต่พอฟังคำพูดและน้ำเสียงจริงจังของอิสึกิ เขาก็เอ่ยถามขึ้นเบาๆ
“…อาจารย์เนี่ย เวลาเหนื่อย…มีใครดูแลไหมครับ?”
+
เขาเอ่ยพึมพำ พลางเงยหน้าพิงเสาเล็กน้อย หลับตาข้างหนึ่งอย่างสบาย
“ผมไม่ค่อยมีเวลามาดูแลตัวเองเท่าไหร่หรอกครับ พอหมดงานก็แค่…ล้มตัวลงนอนเฉยๆ”
เสียงเขาแผ่วลงนิดหน่อยเหมือนคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองละเลยอะไรไปบางอย่าง
แต่พอฟังคำพูดและน้ำเสียงจริงจังของอิสึกิ เขาก็เอ่ยถามขึ้นเบาๆ
“…อาจารย์เนี่ย เวลาเหนื่อย…มีใครดูแลไหมครับ?”
+
“เป็นนักกีฬา MMA ด้วยเหรอครับ…?” เขาทวนเสียงขึ้นจมูกเล็กน้อย สีหน้ากึ่งทึ่งกึ่งไม่อยากเชื่อ
“งั้นก็ดีเลยครับ ถ้าเผลอบีบแรงไป ผมน่าจะหลุดจากข้อต่อพอดี”
พูดไปก็หัวเราะไป แต่ก็ค่อยๆ ผ่อนคลายไหล่ตามแรงนวดโดยไม่ทันรู้ตัว
สัมผัสจากฝ่ามือของอิสึกิทำให้รู้สึกว่าแรงกดกำลังพอดี ไม่ถึงกับเจ็บ แต่ก็ลงลึกพอที่จะคลายความล้า
+
“เป็นนักกีฬา MMA ด้วยเหรอครับ…?” เขาทวนเสียงขึ้นจมูกเล็กน้อย สีหน้ากึ่งทึ่งกึ่งไม่อยากเชื่อ
“งั้นก็ดีเลยครับ ถ้าเผลอบีบแรงไป ผมน่าจะหลุดจากข้อต่อพอดี”
พูดไปก็หัวเราะไป แต่ก็ค่อยๆ ผ่อนคลายไหล่ตามแรงนวดโดยไม่ทันรู้ตัว
สัมผัสจากฝ่ามือของอิสึกิทำให้รู้สึกว่าแรงกดกำลังพอดี ไม่ถึงกับเจ็บ แต่ก็ลงลึกพอที่จะคลายความล้า
+
เขาหัวเราะนิดๆ แล้วหันมามองอีกฝ่ายตรงๆ
“ขอบคุณนะครับ อาจารย์อิสึกิ”
พูดพร้อมกับโน้มตัวลงเล็กน้อยเหมือนเป็นการ “โค้งขอบคุณ” แบบไม่เป็นทางการ แต่จริงใจเต็มร้อย
เขาหัวเราะนิดๆ แล้วหันมามองอีกฝ่ายตรงๆ
“ขอบคุณนะครับ อาจารย์อิสึกิ”
พูดพร้อมกับโน้มตัวลงเล็กน้อยเหมือนเป็นการ “โค้งขอบคุณ” แบบไม่เป็นทางการ แต่จริงใจเต็มร้อย
เขาพูดติดตลกแต่ก็ยิ้มด้วยความรู้สึกดีจริงๆ
“จะว่าไป ผมว่าคนที่เป็นนักกีฬานี่เข้าใจกันง่ายดีแฮะ แค่เห็นหน้าก็เดาได้ว่าเหนื่อยขนาดไหนแล้ว…”
แล้วเขาก็เงียบลงนิดหน่อย แววตาอ่อนลงเหมือนคิดอะไรบางอย่าง
+
เขาพูดติดตลกแต่ก็ยิ้มด้วยความรู้สึกดีจริงๆ
“จะว่าไป ผมว่าคนที่เป็นนักกีฬานี่เข้าใจกันง่ายดีแฮะ แค่เห็นหน้าก็เดาได้ว่าเหนื่อยขนาดไหนแล้ว…”
แล้วเขาก็เงียบลงนิดหน่อย แววตาอ่อนลงเหมือนคิดอะไรบางอย่าง
+
จากนั้นเขาก็ยืดตัวขึ้นอีกนิด บิดขาไปข้างๆ แล้วหมุนคอเบาๆ
“แต่ตอนนี้ก็โอเคขึ้นแล้วครับ ไม่ได้บาดเจ็บอะไร แค่เมื่อยกับหมดแรงเฉยๆ”
อาซาฮิยิ้มบาง ก่อนจะยกมือขึ้นแตะบริเวณหัวไหล่ข้างขวา
+
จากนั้นเขาก็ยืดตัวขึ้นอีกนิด บิดขาไปข้างๆ แล้วหมุนคอเบาๆ
“แต่ตอนนี้ก็โอเคขึ้นแล้วครับ ไม่ได้บาดเจ็บอะไร แค่เมื่อยกับหมดแรงเฉยๆ”
อาซาฮิยิ้มบาง ก่อนจะยกมือขึ้นแตะบริเวณหัวไหล่ข้างขวา
+
“อ้อ…ถึงว่า ท่าทางคล่องตัวดีจังครับ”
เขายกไหล่นิดหนึ่งก่อนจะยืดแขนออกเล็กน้อยเหมือนทดลองวัดระดับความเมื่อย แล้วก็หัวเราะในลำคอเบาๆ
“ผมอยู่ชมรมเบสบอลครับ…เมื่อกี้ไม่ใช่ซ้อม แต่เป็นแสดงโชว์เชียร์ให้สีขาว”
เขาชี้นิ้วโป้งไปทางสนามที่ยังมีเสียงจอแจ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆเหมือนจะบ่นปนน้ำเสียงขำ
+
“อ้อ…ถึงว่า ท่าทางคล่องตัวดีจังครับ”
เขายกไหล่นิดหนึ่งก่อนจะยืดแขนออกเล็กน้อยเหมือนทดลองวัดระดับความเมื่อย แล้วก็หัวเราะในลำคอเบาๆ
“ผมอยู่ชมรมเบสบอลครับ…เมื่อกี้ไม่ใช่ซ้อม แต่เป็นแสดงโชว์เชียร์ให้สีขาว”
เขาชี้นิ้วโป้งไปทางสนามที่ยังมีเสียงจอแจ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆเหมือนจะบ่นปนน้ำเสียงขำ
+
อาซาฮิพลิกฝาขวดน้ำแล้วดื่มอึกใหญ่ ก่อนถอนหายใจโล่งอก แล้วเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ยิ้มบางๆ ที่มีความรู้สึก “สดชื่นขึ้นจริงๆ” ปรากฏบนใบหน้า
“แต่ผมโอเคแล้วครับ ไม่ต้องห่วง อาจารย์ไม่ต้องเฝ้าถึงขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวผมจะกลับไปเองตอนนี้ล่ะ”
อาซาฮิพลิกฝาขวดน้ำแล้วดื่มอึกใหญ่ ก่อนถอนหายใจโล่งอก แล้วเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ยิ้มบางๆ ที่มีความรู้สึก “สดชื่นขึ้นจริงๆ” ปรากฏบนใบหน้า
“แต่ผมโอเคแล้วครับ ไม่ต้องห่วง อาจารย์ไม่ต้องเฝ้าถึงขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวผมจะกลับไปเองตอนนี้ล่ะ”