Doc: https://shorturl.asia/KB6c0
(กำลังก่อสร้างใหม่)
ซูชิสะดุ้งยกแขนกางกันเพื่อนไว้ไม่ให้ไปวิ่งล้มหัวแตก
"ก็แค่เสียงลมน่า...มั้งนะ"
แต่ในขณะที่พยายามพูดปลอบอยู่นั้น เขาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างที่ปลายหางตา
"หือ..." เป็นชายผ้าของชุดรำพม่าแวบผ่านไป
"ชิบแม่มึง! ใครจับมือกุ!"
ชิสะดุ้งอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างมาสัมผัสที่มือของเขา แต่พอหันไปมองก็ไม่มีใครจับมือเขาเลยแม้แต่คนเดียว...
"...."
ซูชิสะดุ้งยกแขนกางกันเพื่อนไว้ไม่ให้ไปวิ่งล้มหัวแตก
"ก็แค่เสียงลมน่า...มั้งนะ"
แต่ในขณะที่พยายามพูดปลอบอยู่นั้น เขาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างที่ปลายหางตา
"หือ..." เป็นชายผ้าของชุดรำพม่าแวบผ่านไป
"ชิบแม่มึง! ใครจับมือกุ!"
ชิสะดุ้งอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างมาสัมผัสที่มือของเขา แต่พอหันไปมองก็ไม่มีใครจับมือเขาเลยแม้แต่คนเดียว...
"...."
"ต๊ายตายคุรพรี่ซีม่อนกลัวอะไรคะ มีน้องชิสุดที่รักอยู่ด้วยทั้งคน"
ทำเสียงเล็กเสียงน้อยน่าหมั่นไส้สุด ๆ ใส่
"ไปกับกุนี่แหละ! ไปเห็นของจริงจะได้เลิกเพ้อเรื่องวิทยาศาสตร์ไร้สาระสักที!"
"ไปไอ้เช่! นำโลด!"
"ต๊ายตายคุรพรี่ซีม่อนกลัวอะไรคะ มีน้องชิสุดที่รักอยู่ด้วยทั้งคน"
ทำเสียงเล็กเสียงน้อยน่าหมั่นไส้สุด ๆ ใส่
"ไปกับกุนี่แหละ! ไปเห็นของจริงจะได้เลิกเพ้อเรื่องวิทยาศาสตร์ไร้สาระสักที!"
"ไปไอ้เช่! นำโลด!"
"ก็...ถ้าจำไม่ผิดเดินไปตรงนี้อีกนิดหนึ่งก็จะ—"
ว่าแล้วก็มาหยุดอยู่ที่บ้านร้างทรุดโทรมตรงกลางป่าเข้าให้
"เจอแล้วนี่ไง :)"
เงยหน้ามองบ้านหลังนั้นด้วยความตื่นเต้น
"ก็...ถ้าจำไม่ผิดเดินไปตรงนี้อีกนิดหนึ่งก็จะ—"
ว่าแล้วก็มาหยุดอยู่ที่บ้านร้างทรุดโทรมตรงกลางป่าเข้าให้
"เจอแล้วนี่ไง :)"
เงยหน้ามองบ้านหลังนั้นด้วยความตื่นเต้น
ซูชิกรอกตา 18 ตลบกับวิทยาศาสตร์อันไร้สาระของเพื่อน
บอกกี่ครั้งแล้วว่าวิทยาศาสตร์มันเป็นเรื่องไร้สาระ!!
"...."
นอกจากจะอี๋กับวิทล่ะยังต้องมาอี๋กับความฟาร์มรักเพื่อนอีก...
"เห้ย! นานๆทีก็คิดเรื่องดีๆกับเขาเป็นด้วยนี่หว่าไอ้เช่!"
ซูชิกรอกตา 18 ตลบกับวิทยาศาสตร์อันไร้สาระของเพื่อน
บอกกี่ครั้งแล้วว่าวิทยาศาสตร์มันเป็นเรื่องไร้สาระ!!
"...."
นอกจากจะอี๋กับวิทล่ะยังต้องมาอี๋กับความฟาร์มรักเพื่อนอีก...
"เห้ย! นานๆทีก็คิดเรื่องดีๆกับเขาเป็นด้วยนี่หว่าไอ้เช่!"
งงนิดหน่อยแต่ยังคงเล่าต่อแบบไม่ยอมแพ้
"ช่างเถอะ- อั๊วเคยได้ยินว่าป่าหลังมอมีบ้านร้างหลังหนึ่งอยู่ ว่ากันว่าในนั้นมีชุดของนางรำพม่าที่เจ้าของเดิมหวงมากยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้"
"มีเรื่องเล่าที่เขาเล่าเกี่ยวกับชุดนั้นอยู่หลายเรื่อง ซึ่งเฮี้ยนทั้งนั้น"
"น่าสนใจดีใช่ป่ะ!"
งงนิดหน่อยแต่ยังคงเล่าต่อแบบไม่ยอมแพ้
"ช่างเถอะ- อั๊วเคยได้ยินว่าป่าหลังมอมีบ้านร้างหลังหนึ่งอยู่ ว่ากันว่าในนั้นมีชุดของนางรำพม่าที่เจ้าของเดิมหวงมากยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้"
"มีเรื่องเล่าที่เขาเล่าเกี่ยวกับชุดนั้นอยู่หลายเรื่อง ซึ่งเฮี้ยนทั้งนั้น"
"น่าสนใจดีใช่ป่ะ!"
สะดุ้งสุดตัว มือจับอกตกใจกับเสียงตะโกน ก่อนจะเขย่งเท้าเอามือประทับบนหัวเพื่อนดัง แปะ
"ตะโกนหาบิดาหรือยังไงน่อ!"
"ตอนแรกจะไม่เล่าล่ะ แต่ตะโกนขนาดนี้มึงฟังซะให้เต็มหู!!"
ว่าแล้วก็กระโจนไปล็อกคอซีม่อนก่อนจะเริ่มเล่าออกมาเสียงดังๆ
"ฟังนะ! เรื่องนี้เขาเรียกกันว่าบุหงารำสุดท้าย...."
สะดุ้งสุดตัว มือจับอกตกใจกับเสียงตะโกน ก่อนจะเขย่งเท้าเอามือประทับบนหัวเพื่อนดัง แปะ
"ตะโกนหาบิดาหรือยังไงน่อ!"
"ตอนแรกจะไม่เล่าล่ะ แต่ตะโกนขนาดนี้มึงฟังซะให้เต็มหู!!"
ว่าแล้วก็กระโจนไปล็อกคอซีม่อนก่อนจะเริ่มเล่าออกมาเสียงดังๆ
"ฟังนะ! เรื่องนี้เขาเรียกกันว่าบุหงารำสุดท้าย...."
"เออ พูดถึงเรื่องน่ากลัวนะ"
"อั๊วนึกเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งของที่นี่ขึ้นมาได้ล่ะ"
"เออ พูดถึงเรื่องน่ากลัวนะ"
"อั๊วนึกเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งของที่นี่ขึ้นมาได้ล่ะ"
เพราะขนมนมเนยที่ตุนไว้ดันแย่งกันกินจนไม่เหลือแม้แค่ซากให้ดมกลิ่น เลยเป็นเหตุให้ต้องยกขโยงออกมากันนี่ไง...
"แหม่~ทำเป็นพูดดีไอ้ม่อน มึงจัดเต็มกว่าพวกอั๊วอีกนะ!"
หรี่ตามองม่อนที่ถือของเต็มไม้เต็มมือยิ่งกว่าคนชวน
เพราะขนมนมเนยที่ตุนไว้ดันแย่งกันกินจนไม่เหลือแม้แค่ซากให้ดมกลิ่น เลยเป็นเหตุให้ต้องยกขโยงออกมากันนี่ไง...
"แหม่~ทำเป็นพูดดีไอ้ม่อน มึงจัดเต็มกว่าพวกอั๊วอีกนะ!"
หรี่ตามองม่อนที่ถือของเต็มไม้เต็มมือยิ่งกว่าคนชวน
นายคิณณ์ณภัทร ปุญญธาราสกุล นักศึกษาชั้นปีที่ 5 สำนักวิชาสัตวแพทย์ศาสตร์
นายคิณณ์ณภัทร ปุญญธาราสกุล นักศึกษาชั้นปีที่ 5 สำนักวิชาสัตวแพทย์ศาสตร์