"อย่าขวางทางดิฉัน ถ้าไม่อยากโดนชน"
▼ An'ya no Suisei | Y2
—暗夜の彗星—
▼ Roleplay acc for #MKG_COMMU
▼ Doc: https://docs.google.com/document/d/1egSqvEsMLY8Poh-ky8-JJdcvAQ-qO7KlNbFWMFA1GP0/edit?usp=sharing
"ดิฉันก็ไม่ได้อยากเลี้ยงคุณเพราะเรื่องปัญหาการเงินสักหน่อย—"
พูดไประหว่างเดิน หางลู่ลงแล้วดวงตามองไปข้างหน้า
"...แค่ไม่รู้จะขอบคุณยังไง"
เสียงในใจหลุดออกมานิดหน่อยตอนพึมพำ ก็รู้จักวิธีเงินแก้ปัญหาอย่างเดียวนี่นะ
"ดิฉันก็ไม่ได้อยากเลี้ยงคุณเพราะเรื่องปัญหาการเงินสักหน่อย—"
พูดไประหว่างเดิน หางลู่ลงแล้วดวงตามองไปข้างหน้า
"...แค่ไม่รู้จะขอบคุณยังไง"
เสียงในใจหลุดออกมานิดหน่อยตอนพึมพำ ก็รู้จักวิธีเงินแก้ปัญหาอย่างเดียวนี่นะ
พึมพำเบา ๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย
"งั้นหลังจากนี้อยากไปกินด้วยกันไหมล่ะ ดิฉันก็ยังไม่ได้ทานอะไรเหมือนกัน เดี๋ยวเลี้ยงเอง"
เลื่อนแว่นตากันแดดลงมาสวมแล้วยิ้มกริ่มเล็ก ๆ ทำท่าทางเหมือนพึ่งพาได้ทั้งที่เพิ่งขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายเมื่อครู่
"โอะ โฮะ โฮะ~"
พึมพำเบา ๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย
"งั้นหลังจากนี้อยากไปกินด้วยกันไหมล่ะ ดิฉันก็ยังไม่ได้ทานอะไรเหมือนกัน เดี๋ยวเลี้ยงเอง"
เลื่อนแว่นตากันแดดลงมาสวมแล้วยิ้มกริ่มเล็ก ๆ ทำท่าทางเหมือนพึ่งพาได้ทั้งที่เพิ่งขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายเมื่อครู่
"โอะ โฮะ โฮะ~"
คางรองมือตนแล้วหันไปให้คำมั่นอีกรอบกับรัน
"อาจจะเป็นสิ่งที่ดิฉันเป็นมาตั้งแต่เกิด แต่การชนมันคือการประชันผู้แข็งแกร่ง ผู้มีความสามารถ ถ้าชนะก็พุ่งสูง ถ้าแพ้ก็ตกต่ำ เข้าใจง่ายและดิฉันชอบ"
ตอบคำพึมพำของอีกฝ่ายด้วยระดับเสียงใกล้กัน
"เรื่องระยะไกลคือสิ่งที่ควรกังวลสินะ"
มือกุมคางครุ้นคิดคำอธิบายจากมิไร ซุยเซยิ่งมีจุดอ่อนด้านนี้อยู่
"แต่ดิฉันจะจัดการด้วยขาคู่นี้แหละ"
คางรองมือตนแล้วหันไปให้คำมั่นอีกรอบกับรัน
"อาจจะเป็นสิ่งที่ดิฉันเป็นมาตั้งแต่เกิด แต่การชนมันคือการประชันผู้แข็งแกร่ง ผู้มีความสามารถ ถ้าชนะก็พุ่งสูง ถ้าแพ้ก็ตกต่ำ เข้าใจง่ายและดิฉันชอบ"
ตอบคำพึมพำของอีกฝ่ายด้วยระดับเสียงใกล้กัน
"เรื่องระยะไกลคือสิ่งที่ควรกังวลสินะ"
มือกุมคางครุ้นคิดคำอธิบายจากมิไร ซุยเซยิ่งมีจุดอ่อนด้านนี้อยู่
"แต่ดิฉันจะจัดการด้วยขาคู่นี้แหละ"
มือยื่นไปลูบเบาอีกฝ่ายเบา ๆ ไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะชักมือกลับ
"อยู่กับดิฉันคงไม่สนุกเท่าไหร่ ถ้ารบกวนเวลานอนล่ะก็ โดนหมอนคลุมหน้าแน่"
พูดดูเหมือนจริงจังแต่ดวงตาก็ยิ้มเล็ก ๆ อยู่ ตนจึงเดินไปช่วยยกอีกแรง ถึงจะขอให้มาช่วย แต่ให้ยกคนเดียวตลอดทางก็คงไม่ไหว สัมภาระมันก็หนักเอาเรื่อง
"แล้วคุณล่ะสตาร์ ได้พักผ่อนหรือยัง หิวหรือเปล่า"
กําลังหาเรื่องตอบแทนอยู่แต่อุบอิบเงียบ
มือยื่นไปลูบเบาอีกฝ่ายเบา ๆ ไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะชักมือกลับ
"อยู่กับดิฉันคงไม่สนุกเท่าไหร่ ถ้ารบกวนเวลานอนล่ะก็ โดนหมอนคลุมหน้าแน่"
พูดดูเหมือนจริงจังแต่ดวงตาก็ยิ้มเล็ก ๆ อยู่ ตนจึงเดินไปช่วยยกอีกแรง ถึงจะขอให้มาช่วย แต่ให้ยกคนเดียวตลอดทางก็คงไม่ไหว สัมภาระมันก็หนักเอาเรื่อง
"แล้วคุณล่ะสตาร์ ได้พักผ่อนหรือยัง หิวหรือเปล่า"
กําลังหาเรื่องตอบแทนอยู่แต่อุบอิบเงียบ
ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ สัมภาระก็ไม่ได้อยู่ในมือเรียบร้อย ถึงน้ำเสียงจะดูไม่ค่อยพอใจ แต่ก็มีอมยิ้มโผล่ขึ้นมาเล็กน้อย
"เอ๋ คุณเป็นรูมเมทดิฉันเหรอ"
ชะงักไประหว่างทาง ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก เหมือนตนเองจะดูแค่หมายเลขห้องแล้วตรงมาเลย ไม่ได้ดูชื่อรูมเมท บังเอิญจริง ๆ
"แล้วคุณขนของขึ้นไปเสร็จแล้วเหรอ"
หางส่ายไปมาเบา ๆ
ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ สัมภาระก็ไม่ได้อยู่ในมือเรียบร้อย ถึงน้ำเสียงจะดูไม่ค่อยพอใจ แต่ก็มีอมยิ้มโผล่ขึ้นมาเล็กน้อย
"เอ๋ คุณเป็นรูมเมทดิฉันเหรอ"
ชะงักไประหว่างทาง ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก เหมือนตนเองจะดูแค่หมายเลขห้องแล้วตรงมาเลย ไม่ได้ดูชื่อรูมเมท บังเอิญจริง ๆ
"แล้วคุณขนของขึ้นไปเสร็จแล้วเหรอ"
หางส่ายไปมาเบา ๆ
"สตาร์เหรอ"
จากนั้นก็ค่อย ๆ หันมามองตัวตนที่เข้าประชิดมาหาด้วยสายตาที่อ่อนโยน
"—ใช่แล้วล่ะ พอดีเพิ่งจะเอาของมาน่ะ กำลังคิดอยู่ว่าจะขนยังไง คุณมาพอดีเลย ถ้าช่วยเดี๋ยวดิฉันจะเลี้ยงอะไรก็ได้ที่จ่ายไหว"
กอดอกทำไม่รู้ร้อน ทั้งที่ความจริงแอบเหนื่อยถ้าต้องขนคนเดียวขึ้นชั้น 4
"สตาร์เหรอ"
จากนั้นก็ค่อย ๆ หันมามองตัวตนที่เข้าประชิดมาหาด้วยสายตาที่อ่อนโยน
"—ใช่แล้วล่ะ พอดีเพิ่งจะเอาของมาน่ะ กำลังคิดอยู่ว่าจะขนยังไง คุณมาพอดีเลย ถ้าช่วยเดี๋ยวดิฉันจะเลี้ยงอะไรก็ได้ที่จ่ายไหว"
กอดอกทำไม่รู้ร้อน ทั้งที่ความจริงแอบเหนื่อยถ้าต้องขนคนเดียวขึ้นชั้น 4
กระหยิ่มยิ้มย่องประหนึ่งว่าเตรียมที่จะชนะเอาไว้แล้ว
"จะว่าไปงานแข่งคลาสสิคของปีที่แล้วของรุ่นพี่มิไรเป็นอย่างไรบ้าง เอาตามตรงได้ยินจากคนที่เคยผ่านมาน่าจะดีกว่าไหน ๆ ถือเสียว่าเป็นวิทยาทานสู่รุ่นน้องสองคน"
หยิบขนมขึ้นมากินแล้วเอียงคอเตรียมฟัง
กระหยิ่มยิ้มย่องประหนึ่งว่าเตรียมที่จะชนะเอาไว้แล้ว
"จะว่าไปงานแข่งคลาสสิคของปีที่แล้วของรุ่นพี่มิไรเป็นอย่างไรบ้าง เอาตามตรงได้ยินจากคนที่เคยผ่านมาน่าจะดีกว่าไหน ๆ ถือเสียว่าเป็นวิทยาทานสู่รุ่นน้องสองคน"
หยิบขนมขึ้นมากินแล้วเอียงคอเตรียมฟัง
มือกอดอกโยกหัวไปมาช้าๆ อย่างขี้เกียจ
"จำความรู้สึกพวกนั้นไว้แล้วกัน จะคิดว่าถ้าชนะแล้วได้กินขนมอร่อยๆก็ได้ ถ้ามันช่วยให้อยากชนะ"
เลื่อนไปมองมิไรด้วยหางตา
"หรือจะเอาเป้าหมายเป็นม้าสาวที่ประสบความสำเร็จก็ได้เหมือนกัน"
กล่าวด้วยความชื่นชมและอยากเอาชนะ
มือกอดอกโยกหัวไปมาช้าๆ อย่างขี้เกียจ
"จำความรู้สึกพวกนั้นไว้แล้วกัน จะคิดว่าถ้าชนะแล้วได้กินขนมอร่อยๆก็ได้ ถ้ามันช่วยให้อยากชนะ"
เลื่อนไปมองมิไรด้วยหางตา
"หรือจะเอาเป้าหมายเป็นม้าสาวที่ประสบความสำเร็จก็ได้เหมือนกัน"
กล่าวด้วยความชื่นชมและอยากเอาชนะ
แต่พอเริ่มหยิบไปกินเยอะขึ้นก็แอบยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา "ชนะ~" กระซิบเบา ๆ ใส่แล้วทําหน้า
"จะว่าไปนี่ก็เป็นปีแรกที่มาเรียนใช่ไหมรัน ปกติคุณวิ่งแบบนั้นเหรอ สไตล์ที่พุ่งเข้ามาชนน่ะ"
เอนหลังไปกับเก้าอี้แล้วถามสาวม้าสีชมพู
แต่พอเริ่มหยิบไปกินเยอะขึ้นก็แอบยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา "ชนะ~" กระซิบเบา ๆ ใส่แล้วทําหน้า
"จะว่าไปนี่ก็เป็นปีแรกที่มาเรียนใช่ไหมรัน ปกติคุณวิ่งแบบนั้นเหรอ สไตล์ที่พุ่งเข้ามาชนน่ะ"
เอนหลังไปกับเก้าอี้แล้วถามสาวม้าสีชมพู
มีบางรอบที่เอาคุกกี้สตรอว์เบอร์รีไปจ่อหน้ารันแนะนำให้กินบ้าง หรือไม่ก็แอบเอาของโปรดของตนวางไว้ในจานของมิไรอย่างไม่ตั้งใจ
พอเผลอตัวไม่ได้อยู่ใกล้สนามแข่ง และอยู่ต่อหน้าความหอมหวานอร่อย ก็เผลอลดตัวความดุร้ายในคราแรกลง
มีบางรอบที่เอาคุกกี้สตรอว์เบอร์รีไปจ่อหน้ารันแนะนำให้กินบ้าง หรือไม่ก็แอบเอาของโปรดของตนวางไว้ในจานของมิไรอย่างไม่ตั้งใจ
พอเผลอตัวไม่ได้อยู่ใกล้สนามแข่ง และอยู่ต่อหน้าความหอมหวานอร่อย ก็เผลอลดตัวความดุร้ายในคราแรกลง
หน้าเธอแทบจะละลายตอนได้ลิ้มรสของโปรด เห็นเป็นช่วงขณะนึงที่เธอส่งเสียงเบา ๆ แล้วยิ้มออกตั้งแต่ปากยันดวงตา ก่อนจะสำรวมตัวเองกลับมาดังเดิม
"ไม่เลว"
นำทิชชู่มาเช็ดปากเบา ๆ
+
หน้าเธอแทบจะละลายตอนได้ลิ้มรสของโปรด เห็นเป็นช่วงขณะนึงที่เธอส่งเสียงเบา ๆ แล้วยิ้มออกตั้งแต่ปากยันดวงตา ก่อนจะสำรวมตัวเองกลับมาดังเดิม
"ไม่เลว"
นำทิชชู่มาเช็ดปากเบา ๆ
+
"ปกติดิฉันใช้เส้นทางตรง เสียดายที่โรงเรียนห้ามการลัดเลาะที่จะทำลายทรัพย์สินของโรงเรียน ไม่เช่นนั้นดิฉันก็คงพุ่งเหยียบทุกอย่างไปแล้ว"
กอดอกหนึ่งนิ้วชูขึ้นมาส่ายซ้ายขวา
"คำตอบของคำถามก็คือความเร็ว ขอแค่เร็วที่สุดและทรงพลังที่สุด ไม่ว่าอะไรก็ขวางทางของเราจากหอพักไปโรงเรียนได้ จำเอาไว้ ฮึ่ม~"
"ปกติดิฉันใช้เส้นทางตรง เสียดายที่โรงเรียนห้ามการลัดเลาะที่จะทำลายทรัพย์สินของโรงเรียน ไม่เช่นนั้นดิฉันก็คงพุ่งเหยียบทุกอย่างไปแล้ว"
กอดอกหนึ่งนิ้วชูขึ้นมาส่ายซ้ายขวา
"คำตอบของคำถามก็คือความเร็ว ขอแค่เร็วที่สุดและทรงพลังที่สุด ไม่ว่าอะไรก็ขวางทางของเราจากหอพักไปโรงเรียนได้ จำเอาไว้ ฮึ่ม~"
โอเค เยอะจัง... ตัวก็เท่า ๆ กันทำไมกินกันได้เยอะขนาดนั้น
แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายอะไรเลยเอาขนมที่ตนซื้อมามาวางบนโต๊ะด้วย
"กินเยอะ ๆ ไม่ต้องเกรงใจ ดิฉันยินดีที่ได้ใช้จ่าย โดยเฉพาะการวิ่งเหนื่อย ๆ มามันก็ต้องล้าและอยากได้พลังงานเป็นปกติ แต่ระวังกินมากเกินไปนะพวกคุณ"
โอเค เยอะจัง... ตัวก็เท่า ๆ กันทำไมกินกันได้เยอะขนาดนั้น
แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายอะไรเลยเอาขนมที่ตนซื้อมามาวางบนโต๊ะด้วย
"กินเยอะ ๆ ไม่ต้องเกรงใจ ดิฉันยินดีที่ได้ใช้จ่าย โดยเฉพาะการวิ่งเหนื่อย ๆ มามันก็ต้องล้าและอยากได้พลังงานเป็นปกติ แต่ระวังกินมากเกินไปนะพวกคุณ"
"อันยาโนะซุยเซ เป็นเด็กปี 1 หรอกเหรอ พึ่งเข้ามาใหม่สินะ"
แว่นตาดำสองคนจ้องกันไปมา ซุยเซบิดขี้เกียจไปหนึ่งทีก่อนจะมือเท้าสะเอวมอง
"อยากได้ความช่วยเหลือจากดิฉันเรื่องเส้นทางหรือการวิ่งล่ะ นั่นคือเหตุผลที่เรียกใช่ไหม"
ทำตัวเหมือนเชิดหยิ่ง แต่จริง ๆ คือแอบอมยิ้มที่ตัวเองดูดีจนมีรุ่นน้องมาทักขอคำแนะนำ ฮึ่ม~
"อันยาโนะซุยเซ เป็นเด็กปี 1 หรอกเหรอ พึ่งเข้ามาใหม่สินะ"
แว่นตาดำสองคนจ้องกันไปมา ซุยเซบิดขี้เกียจไปหนึ่งทีก่อนจะมือเท้าสะเอวมอง
"อยากได้ความช่วยเหลือจากดิฉันเรื่องเส้นทางหรือการวิ่งล่ะ นั่นคือเหตุผลที่เรียกใช่ไหม"
ทำตัวเหมือนเชิดหยิ่ง แต่จริง ๆ คือแอบอมยิ้มที่ตัวเองดูดีจนมีรุ่นน้องมาทักขอคำแนะนำ ฮึ่ม~
มันแตกดังเปาะเบา ๆ ก่อนที่เธอจะยกมือขึ้นมาป้องต้องหน้าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูสักครู่
"อืม ชั่วโมงละห้าร้อยเยน"
มองด้วยสีหน้าจริงจังแช่นานก่อนจะเปิดปากพูดอีกครั้ง
"ดิฉันพูดเล่น เงินมีเยอะพอแล้ว มีอะไรเหรอ"
มือเท้าสะเอวหันหาคนแปลกหน้า
มันแตกดังเปาะเบา ๆ ก่อนที่เธอจะยกมือขึ้นมาป้องต้องหน้าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูสักครู่
"อืม ชั่วโมงละห้าร้อยเยน"
มองด้วยสีหน้าจริงจังแช่นานก่อนจะเปิดปากพูดอีกครั้ง
"ดิฉันพูดเล่น เงินมีเยอะพอแล้ว มีอะไรเหรอ"
มือเท้าสะเอวหันหาคนแปลกหน้า
ตอบกลับเบา ๆ แล้วลุกกลับขึ้นมาหลังจากเช็คกระเป๋าตัวเองเสร็จ
"ทํางานเหรอ เหนื่อยน่าดู"
คิดตามแล้วนึกสภาพตัวเองทําอย่างอื่นนอกจากวิ่งไม่ออกเลย พอได้ยินคําถามกลับมาก็อยากจะตอบอะไรอื่นคืนเหมือนกัน แต่ก็นึกอะไรไม่ออกนอกจากคําตอบธรรมดาแสนน่าเบื่อของตน
"เที่ยว.... ปะป๊า- อะแฮ่ม- คุณพ่อก็ชวนดิฉันไปเที่ยวอยู่ แต่ส่วนใหญ่ดิฉันอยู่บ้านซ้อมวิ่งน่ะ"
ตอบกลับเบา ๆ แล้วลุกกลับขึ้นมาหลังจากเช็คกระเป๋าตัวเองเสร็จ
"ทํางานเหรอ เหนื่อยน่าดู"
คิดตามแล้วนึกสภาพตัวเองทําอย่างอื่นนอกจากวิ่งไม่ออกเลย พอได้ยินคําถามกลับมาก็อยากจะตอบอะไรอื่นคืนเหมือนกัน แต่ก็นึกอะไรไม่ออกนอกจากคําตอบธรรมดาแสนน่าเบื่อของตน
"เที่ยว.... ปะป๊า- อะแฮ่ม- คุณพ่อก็ชวนดิฉันไปเที่ยวอยู่ แต่ส่วนใหญ่ดิฉันอยู่บ้านซ้อมวิ่งน่ะ"