กลับมาอีกทีตัวก็โล่ง ไม่ได้ถืออะไรในมือแล้วพร้อมใบหน้าฉายรอยยิ้มสบายใจน้อย ๆ
(+)
กลับมาอีกทีตัวก็โล่ง ไม่ได้ถืออะไรในมือแล้วพร้อมใบหน้าฉายรอยยิ้มสบายใจน้อย ๆ
(+)
มือขวาถือถุงใส่ของสามัญประจำบ้านจากในเมือง เพิ่งไปซื้อมาไม่นานนี้เอง ส่วนมือซ้ายแน่นอนว่าเป็นขนมเทียนและตระโก้อย่างที่เคยสัญญาไว้
“อ้าวนี่” เห็นว่าอยู่กันพร้อมหน้าก็ยื่นให้เลยไม่เสียเวลา “ได้บอกหลวงตาไว้หรือเปล่า” ถ้าหากท่านไม่ว่างเขาคงจะถวายไว้เฉย ๆ ไม่รบกวน
(ขนมมาแล้ว มีพอดีให้ทั้งสองเลยนะ 🫶)
มือขวาถือถุงใส่ของสามัญประจำบ้านจากในเมือง เพิ่งไปซื้อมาไม่นานนี้เอง ส่วนมือซ้ายแน่นอนว่าเป็นขนมเทียนและตระโก้อย่างที่เคยสัญญาไว้
“อ้าวนี่” เห็นว่าอยู่กันพร้อมหน้าก็ยื่นให้เลยไม่เสียเวลา “ได้บอกหลวงตาไว้หรือเปล่า” ถ้าหากท่านไม่ว่างเขาคงจะถวายไว้เฉย ๆ ไม่รบกวน
(ขนมมาแล้ว มีพอดีให้ทั้งสองเลยนะ 🫶)
ยังไงเดี๋ยวก็มีเรื่องให้ได้เจอกันอีก เขาคิดแบบนั้นจริง ๆ
แจกรอยยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนไป
(จบแล้ว เย้ ๆ )
ยังไงเดี๋ยวก็มีเรื่องให้ได้เจอกันอีก เขาคิดแบบนั้นจริง ๆ
แจกรอยยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนไป
(จบแล้ว เย้ ๆ )
“คุณฐาใจดี มีอะไรให้ช่วยผมจะบอกนะครับ”
เขาพักสายตาแต่ไม่คลายยิ้มออกและเหมือนละหน้าที่ชั่วคราวลงมาสักพักแล้ว
“คุณฐาใจดี มีอะไรให้ช่วยผมจะบอกนะครับ”
เขาพักสายตาแต่ไม่คลายยิ้มออกและเหมือนละหน้าที่ชั่วคราวลงมาสักพักแล้ว
“ให้มันเป็นเรื่องของอนาคตเสีย” การทราบว่าตนเองจะสมดั่งหวังหรือไม่นั้นเป็นเรื่องยากยิ่ง กังวลเกินเหตุมิอาจช่วยอะไร สู้ทำให้ดีถึงที่สุดนั้นแล
ผลจะเป็นอย่างไรก็ปล่อยมัน ตัวเรานั้นได้ลองทำแล้วก็พอ
“ให้มันเป็นเรื่องของอนาคตเสีย” การทราบว่าตนเองจะสมดั่งหวังหรือไม่นั้นเป็นเรื่องยากยิ่ง กังวลเกินเหตุมิอาจช่วยอะไร สู้ทำให้ดีถึงที่สุดนั้นแล
ผลจะเป็นอย่างไรก็ปล่อยมัน ตัวเรานั้นได้ลองทำแล้วก็พอ
“ฉันว่าจะเรียนต่อจ่ะ” เนื่องจากศักดิ์มองว่าการก้าวหน้าในหน้าที่การงานของสายนี้คงไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่นัก แต่เกรงว่าหากพูดออกไปตรง ๆ อย่างนั้นคงไม่เหมาะสม
“คงอีกสักสิบปี.. ฉันถึงจะได้ใช้นายแพทย์นำหน้าชื่อบ้าง” เขายิ้มให้กับคำพูดนั้นของตน สิบปีหรือ ไม่ใช่เวลาน้อย ๆ หากมัวแต่ลังเลแล้วจะได้เริ่มเมื่อไหร่กัน
(+)
“ฉันว่าจะเรียนต่อจ่ะ” เนื่องจากศักดิ์มองว่าการก้าวหน้าในหน้าที่การงานของสายนี้คงไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่นัก แต่เกรงว่าหากพูดออกไปตรง ๆ อย่างนั้นคงไม่เหมาะสม
“คงอีกสักสิบปี.. ฉันถึงจะได้ใช้นายแพทย์นำหน้าชื่อบ้าง” เขายิ้มให้กับคำพูดนั้นของตน สิบปีหรือ ไม่ใช่เวลาน้อย ๆ หากมัวแต่ลังเลแล้วจะได้เริ่มเมื่อไหร่กัน
(+)
เขาเองจักขอฟังบ้างว่าเรื่องราวของนายตำรวจนั้นเป็นอย่างไร
ก่อนจะสะดุดกับรอยยิ้มของอีกฝ่าย เขาจึงยิ้มตอบกลับไป
เขาเองจักขอฟังบ้างว่าเรื่องราวของนายตำรวจนั้นเป็นอย่างไร
ก่อนจะสะดุดกับรอยยิ้มของอีกฝ่าย เขาจึงยิ้มตอบกลับไป
ทว่าเจ้าตัวก็คิดได้ในที่สุด หน้าที่การงานของพวกเขาไม่เหมือนกัน หากได้ฟังเรื่องที่ตนนั้นคิดว่าธรรมดา อาจจะน่าสนใจมากสำหรับอีกคนจริง ๆ ก็เป็นได้
ทว่าเจ้าตัวก็คิดได้ในที่สุด หน้าที่การงานของพวกเขาไม่เหมือนกัน หากได้ฟังเรื่องที่ตนนั้นคิดว่าธรรมดา อาจจะน่าสนใจมากสำหรับอีกคนจริง ๆ ก็เป็นได้
“ถ้าของวันนี้ตอนเช้ามีไอมาคนหนึ่งจ่ะ” ช่วงเวลานั้นเป็นเวรของเขาที่ต้องประจำอยู่ที่อนามัย “แต่บ่ายนี้ฉันผลัดเวรไปแล้ว” แปลว่าตามจริงนั้นเขาหมดภาระหน้าที่ช่วงบ่ายไปสิ้น มีอีกทีก็ตกค่ำ ส่วนงานตรงนี้เสนอตัวขอช่วยทำเอง
(+)
“ถ้าของวันนี้ตอนเช้ามีไอมาคนหนึ่งจ่ะ” ช่วงเวลานั้นเป็นเวรของเขาที่ต้องประจำอยู่ที่อนามัย “แต่บ่ายนี้ฉันผลัดเวรไปแล้ว” แปลว่าตามจริงนั้นเขาหมดภาระหน้าที่ช่วงบ่ายไปสิ้น มีอีกทีก็ตกค่ำ ส่วนงานตรงนี้เสนอตัวขอช่วยทำเอง
(+)
จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาได้ร่วมงานบุญกฐินของหมู่บ้านหนองบัวล้อมแห่งนี้
“แล้ววันนี้ของคุณฐา เป็นยังไงบ้าง” ไหน ๆ แล้วขอถามกลับบ้างเสียหน่อย
จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาได้ร่วมงานบุญกฐินของหมู่บ้านหนองบัวล้อมแห่งนี้
“แล้ววันนี้ของคุณฐา เป็นยังไงบ้าง” ไหน ๆ แล้วขอถามกลับบ้างเสียหน่อย
“ก็เหมือนทุกวันแหละจ่ะ” เขาไม่รู้จะตอบยังไงจริง ๆ กระทั่งได้ยินคำถามถัดไป
(+)
“ก็เหมือนทุกวันแหละจ่ะ” เขาไม่รู้จะตอบยังไงจริง ๆ กระทั่งได้ยินคำถามถัดไป
(+)