Okazaki Takeshi (18) Mihanada high 3-A
DM - open evening
Part-time Mankai cafe - Thu/Fri (17.30-20.30)
คนเป็นพี่หันขวับพร้อมดวงตาฉายแววบางอย่าง อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นทุกครั้งเวลาอีกคนอยู่ใกล้ๆ
"สึโยชิคุง?" เสียงทุ้มเอ่ยดูแปลกใจ ก่อนจะขยับกายเว้นที่ว่างให้คนตรงหน้าได้มีพื้นที่
"อืม ได้สิ"
คำถามในหัวมีผุดขึ้นมากมายระหว่างใจว้าวุ่น ถึงแม้คลื่นความเศร้ายังพัดมาไม่หาย
คนเป็นพี่หันขวับพร้อมดวงตาฉายแววบางอย่าง อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นทุกครั้งเวลาอีกคนอยู่ใกล้ๆ
"สึโยชิคุง?" เสียงทุ้มเอ่ยดูแปลกใจ ก่อนจะขยับกายเว้นที่ว่างให้คนตรงหน้าได้มีพื้นที่
"อืม ได้สิ"
คำถามในหัวมีผุดขึ้นมากมายระหว่างใจว้าวุ่น ถึงแม้คลื่นความเศร้ายังพัดมาไม่หาย
แผ่นหลังกว้างของคนเป็นพี่หยุดชะงักลง หากมองตามลงไปจะเห็นปลายนิ้วชี้และโป้งเหน็บปลายเสื้อโค้ทช่วงเอวของอีกคนเอาไว้ แล้วออกแรงดึงเพียงเล็กน้อย
"ไปกันเถอะสึโยชิคุง"
น้ำเสียงคุ้นเคยลอยผ่านมาพร้อมใบหน้าที่หันกลับมาหา ดูกระตือรือร้นขึ้นเล็กๆ ตั้งใจจะเปลี่ยนบรรยากาศให้ดีขึ้น
แผ่นหลังกว้างของคนเป็นพี่หยุดชะงักลง หากมองตามลงไปจะเห็นปลายนิ้วชี้และโป้งเหน็บปลายเสื้อโค้ทช่วงเอวของอีกคนเอาไว้ แล้วออกแรงดึงเพียงเล็กน้อย
"ไปกันเถอะสึโยชิคุง"
น้ำเสียงคุ้นเคยลอยผ่านมาพร้อมใบหน้าที่หันกลับมาหา ดูกระตือรือร้นขึ้นเล็กๆ ตั้งใจจะเปลี่ยนบรรยากาศให้ดีขึ้น
ด้วยคำพูดสั้นๆที่ซื่อตรงนั้น ทำเอาต่อมน้ำตาทำงานอย่างง่ายดาย เป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้ร้องไห้เพราะความรู้สึกที่หลากหลายขนาดนี้ ก่อนที่คนพี่เบือนใบหน้าเงยสูงไปอีกฝั่ง เพื่อซ่อนเก็บสีหน้าตอนนั้นไว้
(+)
ด้วยคำพูดสั้นๆที่ซื่อตรงนั้น ทำเอาต่อมน้ำตาทำงานอย่างง่ายดาย เป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้ร้องไห้เพราะความรู้สึกที่หลากหลายขนาดนี้ ก่อนที่คนพี่เบือนใบหน้าเงยสูงไปอีกฝั่ง เพื่อซ่อนเก็บสีหน้าตอนนั้นไว้
(+)
"มันมีร้านขนมร้านนึงที่พวกเราเดินผ่าน เห็นคนเขาพูดกันว่าเค้กที่นั่นอร่อยมาก เธออยากลองไหม?"
คนเป็นพี่ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ไม้ โดยสายตาของเขาจับจ้องไปบนท้องฟ้าที่มีหมู่ดาวประกายแสงอยู่บนนั้น รู้ตัวอีกทีก็เหม่อลอย เพราะคิดว่าถ้ามองใบหน้าของอีกคนตอนนี้คงจะเก็บอารมณ์ไม่อยู่แน่ๆ
อ่า..เคว้งคว้างชะมัด ราวกับกำลังหลงทางอยู่เลย
"มันมีร้านขนมร้านนึงที่พวกเราเดินผ่าน เห็นคนเขาพูดกันว่าเค้กที่นั่นอร่อยมาก เธออยากลองไหม?"
คนเป็นพี่ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ไม้ โดยสายตาของเขาจับจ้องไปบนท้องฟ้าที่มีหมู่ดาวประกายแสงอยู่บนนั้น รู้ตัวอีกทีก็เหม่อลอย เพราะคิดว่าถ้ามองใบหน้าของอีกคนตอนนี้คงจะเก็บอารมณ์ไม่อยู่แน่ๆ
อ่า..เคว้งคว้างชะมัด ราวกับกำลังหลงทางอยู่เลย
"..ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ สึโยชิ"
ทาเคชิเลือกจะรักษาความสัมพันธ์ที่มีไว้เพราะไม่อยากให้คนที่เขารักรู้สึกผิดหรืออึดอัดเพราะความรู้สึกของเขาเอง จึงพยายามแสดงออกถึงความเข้มแข็งซึ่งปรากฎชัดบนสีหน้าของเขา แม้ไม่ได้รักตอบแต่การได้อยู่ข้างๆอีกคนในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องหรือที่ปรึกษาก็เป็นสิ่งที่มีความหมายสำหรับเขา
(+)
"..ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ สึโยชิ"
ทาเคชิเลือกจะรักษาความสัมพันธ์ที่มีไว้เพราะไม่อยากให้คนที่เขารักรู้สึกผิดหรืออึดอัดเพราะความรู้สึกของเขาเอง จึงพยายามแสดงออกถึงความเข้มแข็งซึ่งปรากฎชัดบนสีหน้าของเขา แม้ไม่ได้รักตอบแต่การได้อยู่ข้างๆอีกคนในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องหรือที่ปรึกษาก็เป็นสิ่งที่มีความหมายสำหรับเขา
(+)
"ไม่เป็นไรนะ สึโยชิคุง" เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แม้ในใจจะเจ็บปวด "ฉันดีใจที่เธอพูดตรงๆ กับฉัน ฉันเข้าใจและไม่ต้องห่วงนะ..ฉันจะไม่หายไปไหน"
(+)
"ไม่เป็นไรนะ สึโยชิคุง" เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แม้ในใจจะเจ็บปวด "ฉันดีใจที่เธอพูดตรงๆ กับฉัน ฉันเข้าใจและไม่ต้องห่วงนะ..ฉันจะไม่หายไปไหน"
(+)
หลังจากพูดจบ เขาก็รอคำตอบด้วยใบหน้าที่อาจมีร่องรอยของความประหม่าเล็กน้อย แต่ไม่ว่าจะได้รับคำตอบแบบไหน ทาเคชิรู้สึกว่าเขาได้ปลดปล่อยความรู้สึกในใจที่เก็บไว้มานานและสำหรับเขาค่ำคืนคริสต์มาสนี้จะเป็นความทรงจำที่ล้ำค่าเสมอ
หลังจากพูดจบ เขาก็รอคำตอบด้วยใบหน้าที่อาจมีร่องรอยของความประหม่าเล็กน้อย แต่ไม่ว่าจะได้รับคำตอบแบบไหน ทาเคชิรู้สึกว่าเขาได้ปลดปล่อยความรู้สึกในใจที่เก็บไว้มานานและสำหรับเขาค่ำคืนคริสต์มาสนี้จะเป็นความทรงจำที่ล้ำค่าเสมอ
"คือว่า... ที่ผ่านมาฉันรู้สึกดีมากเวลาที่ได้อยู่กับเธอ ..ฉันว้าวุ่นใจตลอดเวลาที่ไม่ได้เจอเธอ รู้ตัวอีกที..เธอก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันไปแล้ว"
(+)
"คือว่า... ที่ผ่านมาฉันรู้สึกดีมากเวลาที่ได้อยู่กับเธอ ..ฉันว้าวุ่นใจตลอดเวลาที่ไม่ได้เจอเธอ รู้ตัวอีกที..เธอก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันไปแล้ว"
(+)
เขาค่อยๆเงยหน้ามองสึโยชิซึ่งกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่เขาจะพูดอย่างไร้เดียงสา ภายในอกมีเสียงหัวใจของเขาดังก้องอยู่ในหูจนใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ แต่เขาก็สูดลมหายใจลึกและตัดสินใจทำตามความรู้สึกที่แท้จริง
(+)
เขาค่อยๆเงยหน้ามองสึโยชิซึ่งกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่เขาจะพูดอย่างไร้เดียงสา ภายในอกมีเสียงหัวใจของเขาดังก้องอยู่ในหูจนใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ แต่เขาก็สูดลมหายใจลึกและตัดสินใจทำตามความรู้สึกที่แท้จริง
(+)
"ขอบคุณนะ...ฉันจะเก็บไว้อย่างดีเลย"
พร้อมกับเก็บมันไว้ในกระเป๋าเสื้ออย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาอาจมองคนที่เขาแอบชอบด้วยสายตาที่อบอุ่นและลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิม พร้อมคิดในใจว่าวันนี้ คงเป็นวันคริสต์มาสที่พิเศษที่สุดสำหรับเขา
"..สึโยชิคุง ..ฉัน"
"ขอบคุณนะ...ฉันจะเก็บไว้อย่างดีเลย"
พร้อมกับเก็บมันไว้ในกระเป๋าเสื้ออย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาอาจมองคนที่เขาแอบชอบด้วยสายตาที่อบอุ่นและลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิม พร้อมคิดในใจว่าวันนี้ คงเป็นวันคริสต์มาสที่พิเศษที่สุดสำหรับเขา
"..สึโยชิคุง ..ฉัน"
ชั่วครู่เขาหันกลับมามองผ้าพันคอที่อีกคนสวมและพูดต่อเบาๆอย่างจริงจัง "มัน...เหมาะกับเธอดีนะ" คำพูดที่ตรงไปตรงมาทำให้เขาเขินเล็กน้อย แอบเผยรอยยิ้มที่มุมปากโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นกล่องของขวัญที่สึโยชิมอบให้
(+)
ชั่วครู่เขาหันกลับมามองผ้าพันคอที่อีกคนสวมและพูดต่อเบาๆอย่างจริงจัง "มัน...เหมาะกับเธอดีนะ" คำพูดที่ตรงไปตรงมาทำให้เขาเขินเล็กน้อย แอบเผยรอยยิ้มที่มุมปากโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นกล่องของขวัญที่สึโยชิมอบให้
(+)
มันเป็นผ้าพันคอที่ถูกถักโดยใช้ความปราณีต ซึ่งมีสีเบจ ลายริ้วบางๆที่ไม่โดดเด่นมากจึงทำให้เข้าถึงง่าย ตรงขอบผ้ามีลายอุ้งเท้าสุนัขปักอยู่ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับผ้าเช็ดหน้าที่เขาเคยให้
มันเป็นผ้าพันคอที่ถูกถักโดยใช้ความปราณีต ซึ่งมีสีเบจ ลายริ้วบางๆที่ไม่โดดเด่นมากจึงทำให้เข้าถึงง่าย ตรงขอบผ้ามีลายอุ้งเท้าสุนัขปักอยู่ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับผ้าเช็ดหน้าที่เขาเคยให้
เขาพยายามพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพลางเอื้อมมือไปเปิดถุงผ้าของตัวเอง หยิบของขวัญที่เตรียมไว้ออกมา ก่อนจะยื่นไปให้ด้วยท่าทางที่เกร็งเล็กน้อยพร้อมใบหน้าแดงก่ำขณะพูด
(+)
เขาพยายามพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพลางเอื้อมมือไปเปิดถุงผ้าของตัวเอง หยิบของขวัญที่เตรียมไว้ออกมา ก่อนจะยื่นไปให้ด้วยท่าทางที่เกร็งเล็กน้อยพร้อมใบหน้าแดงก่ำขณะพูด
(+)
“งั้นก็..ดีแล้วล่ะที่มาด้วยกัน”
เมื่อพูดจบเขาแอบชำเลืองมองอีกฝ่ายด้วยหางตาเพื่อดูปฏิกิริยาแต่ไม่กล้าสบตาตรงๆ กำมือแน่นเล็กน้อยอย่างพยายามควบคุมความเขินอาย
“งั้นก็..ดีแล้วล่ะที่มาด้วยกัน”
เมื่อพูดจบเขาแอบชำเลืองมองอีกฝ่ายด้วยหางตาเพื่อดูปฏิกิริยาแต่ไม่กล้าสบตาตรงๆ กำมือแน่นเล็กน้อยอย่างพยายามควบคุมความเขินอาย
“สวนนี้...สวยมากเลยนะ” เขาหลบสายตาเล็กน้อย พลางมองไฟประดับรอบๆอีกครา แต่ในใจเขากำลังคิดถึงของขวัญในถุงผ้าที่อยู่ข้างตัว รอจังหวะที่เหมาะสมในการมอบของขวัญให้ในบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวและพิเศษนี้
“สวนนี้...สวยมากเลยนะ” เขาหลบสายตาเล็กน้อย พลางมองไฟประดับรอบๆอีกครา แต่ในใจเขากำลังคิดถึงของขวัญในถุงผ้าที่อยู่ข้างตัว รอจังหวะที่เหมาะสมในการมอบของขวัญให้ในบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวและพิเศษนี้
เขาเดินไปอย่างเงียบๆ ก่อนจะนั่งลงข้างกันโดยเว้นระยะห่างเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ดูรุกล้ำ แต่ก็ใกล้พอที่จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากอีกคน
(+)
เขาเดินไปอย่างเงียบๆ ก่อนจะนั่งลงข้างกันโดยเว้นระยะห่างเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ดูรุกล้ำ แต่ก็ใกล้พอที่จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากอีกคน
(+)