โปรดให้ “เวลา” ได้พบกับท่านอีกครา
ด้วยใจคะนึงหาไม่รู้จบ
ลงชื่อ เวลา "
" พร้อมแนบขนมปังไป เป็นอย่างไร? ”
อาจจะดูเวิ่นเว้อไปบ้าง แต่เขาเชื่อว่าสิ่งนี้จะกล่อมให้ใจนางต้องการมาตามนัดหมายเป็นแน่
โปรดให้ “เวลา” ได้พบกับท่านอีกครา
ด้วยใจคะนึงหาไม่รู้จบ
ลงชื่อ เวลา "
" พร้อมแนบขนมปังไป เป็นอย่างไร? ”
อาจจะดูเวิ่นเว้อไปบ้าง แต่เขาเชื่อว่าสิ่งนี้จะกล่อมให้ใจนางต้องการมาตามนัดหมายเป็นแน่
ตัวข้าคือ “เวลา” ผู้ยังเฝ้าเวียนวนอยู่ในค่ำคืนที่ดาวตกวาดผ่านผืนฟ้า และท่านปรากฏกาย
แม้วันเวลาจะผันผ่านไปเพียงใด แต่ความรู้สึกที่ข้ามีต่อท่านกลับหยั่งรากลึกลงกลางใจ ราวกับถูกจารึกไว้ในช่วงพริบตาที่เราพบกัน
ข้าปรารถนาจะได้พบท่านอีกครั้ง
ณ หน้าลานรูปปั้นมังกรโบราณ ยามย่ำค่ำ 21.14 "
ตัวข้าคือ “เวลา” ผู้ยังเฝ้าเวียนวนอยู่ในค่ำคืนที่ดาวตกวาดผ่านผืนฟ้า และท่านปรากฏกาย
แม้วันเวลาจะผันผ่านไปเพียงใด แต่ความรู้สึกที่ข้ามีต่อท่านกลับหยั่งรากลึกลงกลางใจ ราวกับถูกจารึกไว้ในช่วงพริบตาที่เราพบกัน
ข้าปรารถนาจะได้พบท่านอีกครั้ง
ณ หน้าลานรูปปั้นมังกรโบราณ ยามย่ำค่ำ 21.14 "
จดหมายที่อีกฝ่ายเขียนนั้นก็ชัดเจนและเข้าใจง่ายดีอยู่หรอก
หากไม่ติดที่ว่ามันดูเหมือนจดหมายลับมากกว่าจดหมายรักนี่สิ…
“ ที่เจ้าเขียนนั้นก็มิผิด ” เขากล่าว
“ เพียงแต่…อาจจะขาดรสชาติไปบ้าง ”
ฟีอัสยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเสนอเนื้อหาใหม่ที่พึ่งคิดได้เมื่อครู่
จดหมายที่อีกฝ่ายเขียนนั้นก็ชัดเจนและเข้าใจง่ายดีอยู่หรอก
หากไม่ติดที่ว่ามันดูเหมือนจดหมายลับมากกว่าจดหมายรักนี่สิ…
“ ที่เจ้าเขียนนั้นก็มิผิด ” เขากล่าว
“ เพียงแต่…อาจจะขาดรสชาติไปบ้าง ”
ฟีอัสยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเสนอเนื้อหาใหม่ที่พึ่งคิดได้เมื่อครู่
ก่อนรอยยิ้มนั้นจะกว้างขึ้น แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะที่เปล่งออกมาอย่างขำขัน
“ ...ล้อเล่นน่ะ ”
“ มีเรื่องอันใดหรือ? หากข้าพอจะช่วยเจ้าได้…ก็จะลองพิจารณาอีกที ”
ก่อนรอยยิ้มนั้นจะกว้างขึ้น แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะที่เปล่งออกมาอย่างขำขัน
“ ...ล้อเล่นน่ะ ”
“ มีเรื่องอันใดหรือ? หากข้าพอจะช่วยเจ้าได้…ก็จะลองพิจารณาอีกที ”
ทว่าถูกรั้งไว้ โดยบุคคลที่ไม่ได้คาดคิด
“ ซิกฟรีด… ”
เจ้าของเรือนผมสีฟ้าอ่อนดูท่าทางลำบากใจไม่น้อย คนที่ปกติแล้วมักจะน้ำนิ่งอยู่เสมอมีท่าทางเช่นนี้..คงมิใช่เรื่องที่คลี่คลายโดยง่ายเป็นแน่
“ นั่นก็ขึ้นอยู่ว่า…เจ้ามีสิ่งใดมาแลกเปลี่ยนกับเวลาของข้าล่ะนะ ”
+
ทว่าถูกรั้งไว้ โดยบุคคลที่ไม่ได้คาดคิด
“ ซิกฟรีด… ”
เจ้าของเรือนผมสีฟ้าอ่อนดูท่าทางลำบากใจไม่น้อย คนที่ปกติแล้วมักจะน้ำนิ่งอยู่เสมอมีท่าทางเช่นนี้..คงมิใช่เรื่องที่คลี่คลายโดยง่ายเป็นแน่
“ นั่นก็ขึ้นอยู่ว่า…เจ้ามีสิ่งใดมาแลกเปลี่ยนกับเวลาของข้าล่ะนะ ”
+
.
[ ตัดเข้าโคมไฟ-- ]
.
[ ตัดเข้าโคมไฟ-- ]
ไม่ได้รุกล้ำ ไม่ได้เร่งเร้า
เพียงแค่อยู่ในระยะที่หัวใจของเขาได้ยินเสียงของอีกคนชัดเจนที่สุดเท่านั้นพอ
ไม่ได้รุกล้ำ ไม่ได้เร่งเร้า
เพียงแค่อยู่ในระยะที่หัวใจของเขาได้ยินเสียงของอีกคนชัดเจนที่สุดเท่านั้นพอ
ฟีอัสโน้มเข้าใกล้อย่างเชื่องช้า ราวกับลังเล ดวงตาสีอำพันกลับเต็มไปด้วยความแน่วแน่
นิ้วของเขาแตะข้างกรามคมสวยของไซรอส ลากไล้ผ่านผิวอุ่น และเครื่องประดับตรงใบหู ทิ้งสัมผัสชวนจั๊กจี้ยามที่ไล้ผ่าน
เรียวลิ้นแตะบนริมฝีปากอวบอิ่มแผ่วเบา ราวกับสัตว์ป่าที่ช่วยกันเลียขนเพื่อปลอบโยน
( tw : kiss , lick , tongue )
ฟีอัสโน้มเข้าใกล้อย่างเชื่องช้า ราวกับลังเล ดวงตาสีอำพันกลับเต็มไปด้วยความแน่วแน่
นิ้วของเขาแตะข้างกรามคมสวยของไซรอส ลากไล้ผ่านผิวอุ่น และเครื่องประดับตรงใบหู ทิ้งสัมผัสชวนจั๊กจี้ยามที่ไล้ผ่าน
เรียวลิ้นแตะบนริมฝีปากอวบอิ่มแผ่วเบา ราวกับสัตว์ป่าที่ช่วยกันเลียขนเพื่อปลอบโยน
( tw : kiss , lick , tongue )
เว้นเพียงเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงจนเจ็บอก
สัมผัสนุ่มบนริมฝีปาก แม้เพียงแผ่วเบาชั่วพริบตา…
แต่กลับเร้าเร่งความรู้สึกให้ลุกโชนยิ่งกว่ากองไฟตรงหน้า
และสิ่งที่ได้ยินถัดมา ยิ่งทำให้ดวงใจของจิ้งจอกหนุ่มผู้นี้เต้นระรัว ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงก่ำเต็มไปด้วยแรงอารมณ์
“ ไซรอส…”
เว้นเพียงเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงจนเจ็บอก
สัมผัสนุ่มบนริมฝีปาก แม้เพียงแผ่วเบาชั่วพริบตา…
แต่กลับเร้าเร่งความรู้สึกให้ลุกโชนยิ่งกว่ากองไฟตรงหน้า
และสิ่งที่ได้ยินถัดมา ยิ่งทำให้ดวงใจของจิ้งจอกหนุ่มผู้นี้เต้นระรัว ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงก่ำเต็มไปด้วยแรงอารมณ์
“ ไซรอส…”
แต่เขาจะไม่คิดจะรอจนร่างนี้ใกล้โรยราก่อนที่จะได้เอ่ย
“ ข้ารักเจ้า…ไซรอส ”
แต่เขาจะไม่คิดจะรอจนร่างนี้ใกล้โรยราก่อนที่จะได้เอ่ย
“ ข้ารักเจ้า…ไซรอส ”
เรื่องราวในนิทานเกี่ยวกับกุหลาบพิศวงนี้ที่ต่อให้ทั้งคู่จะรู้ตัวว่าต้องการกันและกันมากเพียงใด ทว่าไม่อาจสื่อไปถึงอีกคน ก็ต้องพรากจากตลอดกาล
“ หากเรื่องราวของข้าจะจบลง “
” ก็อยากมีเจ้าเคียงข้าง…จวบจนหน้าสุดท้ายของชีวิต ”
เรื่องราวในนิทานเกี่ยวกับกุหลาบพิศวงนี้ที่ต่อให้ทั้งคู่จะรู้ตัวว่าต้องการกันและกันมากเพียงใด ทว่าไม่อาจสื่อไปถึงอีกคน ก็ต้องพรากจากตลอดกาล
“ หากเรื่องราวของข้าจะจบลง “
” ก็อยากมีเจ้าเคียงข้าง…จวบจนหน้าสุดท้ายของชีวิต ”
เพราะอย่างนั้น…จึงได้สะกดดวงตาของเขาเอาไว้ได้อยู่เสมอ
“ ข้าเคยคิดว่าเจ้าเป็นสหายคนสำคัญ …แต่ไม่ใช่เลย นับวัน…ความรู้สึกต่อเจ้าก็ยิ่งชัดเจน ”
“ เจ้าล้ำค่าเกินกว่าที่ข้าจะแบ่งปันให้กับผู้ใด ”
เจ้าสุนัขจิ้งจอกตนนี้ ช่างโลภมากนัก
…ฟีอัสรู้ตัวเองดี
เพราะอย่างนั้น…จึงได้สะกดดวงตาของเขาเอาไว้ได้อยู่เสมอ
“ ข้าเคยคิดว่าเจ้าเป็นสหายคนสำคัญ …แต่ไม่ใช่เลย นับวัน…ความรู้สึกต่อเจ้าก็ยิ่งชัดเจน ”
“ เจ้าล้ำค่าเกินกว่าที่ข้าจะแบ่งปันให้กับผู้ใด ”
เจ้าสุนัขจิ้งจอกตนนี้ ช่างโลภมากนัก
…ฟีอัสรู้ตัวเองดี
“ ตลอดมา…ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด”
“คนที่ข้าเผลอมองหา และเฝ้ามองอยู่เนิ่นนาน… ”
ดวงตาสีอำพันทอดมองลึกเข้าไปในนัยส์ตาสีม่วงสะท้อนแสงไฟพร่างพราย
แน่วแน่…มั่นคงยิ่งเสียกว่าครั้งไหนๆ
นัยส์ตาสีอ่อนสะท้อนภาพผู้ที่อยู่เบื้องหน้า แววอ่อนโยนแอบซ่อนไว้เช่นเคย
“ ก็คือเจ้า ”
ริมฝีปากคลี่ยิ้มเล็กน้อย
“ ตลอดมา…ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด”
“คนที่ข้าเผลอมองหา และเฝ้ามองอยู่เนิ่นนาน… ”
ดวงตาสีอำพันทอดมองลึกเข้าไปในนัยส์ตาสีม่วงสะท้อนแสงไฟพร่างพราย
แน่วแน่…มั่นคงยิ่งเสียกว่าครั้งไหนๆ
นัยส์ตาสีอ่อนสะท้อนภาพผู้ที่อยู่เบื้องหน้า แววอ่อนโยนแอบซ่อนไว้เช่นเคย
“ ก็คือเจ้า ”
ริมฝีปากคลี่ยิ้มเล็กน้อย
“เจ้าต้องการจะรักข้าจริงๆหรือ?”
ไซรอสถามย้ำอีกครั้ง
เขาทั้งหัวรั้น ไม่ฟังใคร หยาบกระด้าง และมีข้อเสียตั้งมากมาย เขาเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด
และอีกฝ่าย ต้องการที่จะรักเขาจริงๆใช่ไหม?
“เจ้าต้องการจะรักข้าจริงๆหรือ?”
ไซรอสถามย้ำอีกครั้ง
เขาทั้งหัวรั้น ไม่ฟังใคร หยาบกระด้าง และมีข้อเสียตั้งมากมาย เขาเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด
และอีกฝ่าย ต้องการที่จะรักเขาจริงๆใช่ไหม?