ดูเหมือน...เขาจะได้มาสวมร่างตัวเองในจักรวาลที่ไม่ได้เป็นสานุศิษย์นักฆ่าสินะ
ติดตามต่อได้ที่
www.readawrite.com/c/8ec568f6e4...
ดูเหมือน...เขาจะได้มาสวมร่างตัวเองในจักรวาลที่ไม่ได้เป็นสานุศิษย์นักฆ่าสินะ
ติดตามต่อได้ที่
www.readawrite.com/c/8ec568f6e4...
พูดง่ายๆ คือข้อมูลลับทุกอย่างที่เขาทำไว้ในตลอดช่วงที่ต้องการให้ตัวเองแข็งแกร่งถึงตอนที่ได้ขึ้นเป็นสานุศิษย์นาธานาเอล มันหายไปหมดเลย
พูดง่ายๆ คือข้อมูลลับทุกอย่างที่เขาทำไว้ในตลอดช่วงที่ต้องการให้ตัวเองแข็งแกร่งถึงตอนที่ได้ขึ้นเป็นสานุศิษย์นาธานาเอล มันหายไปหมดเลย
เขาเพิ่งจะรู้ว่านั่นไม่ใช่ความฝันก็ตอนที่ลงไปชั้นใต้ดินแล้วไม่มีห้องทดลองลับที่เต็มไปด้วยตู้น้ำบรรจุร่างของเหล่าผู้แข็งแกร่งที่เขาเฟ้นหาจากทั่วทุกมุมโลกมาใส่ไว้
เขาเพิ่งจะรู้ว่านั่นไม่ใช่ความฝันก็ตอนที่ลงไปชั้นใต้ดินแล้วไม่มีห้องทดลองลับที่เต็มไปด้วยตู้น้ำบรรจุร่างของเหล่าผู้แข็งแกร่งที่เขาเฟ้นหาจากทั่วทุกมุมโลกมาใส่ไว้
แล้วภาพทุกอย่างก็ตัดไปทั้งอย่างนั้น ด้วยความที่นาธานาเอลเป็นนักฆ่าที่รักษาคนได้นิดหน่อย เขาจึงแน่ใจว่าตนไม่มีทางตื่นขึ้นมาได้อีกครั้งแน่นอน นอกเสียจากว่าจะมีปาฏิหาริย์จากพระเจ้า
แต่ใครจะไปรู้ว่าพระเจ้ากลับให้โอกาสคนบาปอย่างเขาอีกครั้ง นาธานาเอลไม่บังอาจล่วงรู้ความคิดของพระเจ้าได้ เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ปุถุชนทั่วไป ดังนั้นตอนที่ตนเองลืมตาตื่นมา
แล้วภาพทุกอย่างก็ตัดไปทั้งอย่างนั้น ด้วยความที่นาธานาเอลเป็นนักฆ่าที่รักษาคนได้นิดหน่อย เขาจึงแน่ใจว่าตนไม่มีทางตื่นขึ้นมาได้อีกครั้งแน่นอน นอกเสียจากว่าจะมีปาฏิหาริย์จากพระเจ้า
แต่ใครจะไปรู้ว่าพระเจ้ากลับให้โอกาสคนบาปอย่างเขาอีกครั้ง นาธานาเอลไม่บังอาจล่วงรู้ความคิดของพระเจ้าได้ เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ปุถุชนทั่วไป ดังนั้นตอนที่ตนเองลืมตาตื่นมา
สภาพก่อนตายของนาธานาเอลคือเขากึ่งนั่งกึ่งนอนและพิงตู้ทดลองแก้วที่แตกเป็นเสี่ยงไปแล้ว ขณะที่ดวงเขียวมรกตมองแผ่นหลังแข็งแกร่งที่ค่อยๆ เดินห่างออกไป พร้อมกับทิ้งคำอธิบายสุดท้ายที่แม้ว่าหลายๆ อย่างจะดูผิดแผกจากเรื่องปกติที่เขาเคยได้ยินมาทั้งชีวิต แต่เขาก็เข้าใจได้ในทันที ว่าสุดท้ายก็ได้เจอกันจนได้
สภาพก่อนตายของนาธานาเอลคือเขากึ่งนั่งกึ่งนอนและพิงตู้ทดลองแก้วที่แตกเป็นเสี่ยงไปแล้ว ขณะที่ดวงเขียวมรกตมองแผ่นหลังแข็งแกร่งที่ค่อยๆ เดินห่างออกไป พร้อมกับทิ้งคำอธิบายสุดท้ายที่แม้ว่าหลายๆ อย่างจะดูผิดแผกจากเรื่องปกติที่เขาเคยได้ยินมาทั้งชีวิต แต่เขาก็เข้าใจได้ในทันที ว่าสุดท้ายก็ได้เจอกันจนได้
"พวกเราเมา พอตื่นเช้ามาก็เกิดเรื่องแบบนั้นไปแล้วน่ะครับ..."
ไม่ใช่หรอก ความจริงแล้วพวกเรามีสติครบถ้วนกันด้วยซ้ำ แต่เพราะกฏข้อห้ามของทางราชการฮันมารุจึงไม่สามารถบอกทั้งคู่ไปตรงๆ ได้ว่า พวกเขาถูกปีศาจราคะเล่นงานจนเราต้องมีอะไรกันอย่างช่วยไม่ได้ และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขากับซอนอูมองหน้ากันไม่ติดจนถึงตอนนี้ไงล่ะ!
"พวกเราเมา พอตื่นเช้ามาก็เกิดเรื่องแบบนั้นไปแล้วน่ะครับ..."
ไม่ใช่หรอก ความจริงแล้วพวกเรามีสติครบถ้วนกันด้วยซ้ำ แต่เพราะกฏข้อห้ามของทางราชการฮันมารุจึงไม่สามารถบอกทั้งคู่ไปตรงๆ ได้ว่า พวกเขาถูกปีศาจราคะเล่นงานจนเราต้องมีอะไรกันอย่างช่วยไม่ได้ และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขากับซอนอูมองหน้ากันไม่ติดจนถึงตอนนี้ไงล่ะ!
"ถ้าคุณไม่ได้ทะเลาะกัน...แล้วเป็นปัญหาเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน งั้นพวกคุณมีปัญหาเรื่องส่วนตัวกันสินะครับ?"
ฮันมารุพยักหน้าอีกหน ตอนนี้ชายหนุ่มดูเหมือนจะตัวหดเหลือนิดเดียวอย่างไรอย่างนั้น
"และ...ถ้าให้ผมเดาปัญหาที่ทำให้คุณมองหน้าเขาไม่ติด คงเป็นเพราะพวกคุณมีอะไรกันไปแล้วสินะ?"
"...มันเป็นอุบัติเหตุ ผม..."
"ถ้าคุณไม่ได้ทะเลาะกัน...แล้วเป็นปัญหาเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน งั้นพวกคุณมีปัญหาเรื่องส่วนตัวกันสินะครับ?"
ฮันมารุพยักหน้าอีกหน ตอนนี้ชายหนุ่มดูเหมือนจะตัวหดเหลือนิดเดียวอย่างไรอย่างนั้น
"และ...ถ้าให้ผมเดาปัญหาที่ทำให้คุณมองหน้าเขาไม่ติด คงเป็นเพราะพวกคุณมีอะไรกันไปแล้วสินะ?"
"...มันเป็นอุบัติเหตุ ผม..."
"ทะเลาะกันหนักเลยเหรอครับ?"
"จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกครับ ถ้าจะให้พูดก็คือเราไม่ได้...ทะเลาะกันครับ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องงานด้วย" เห็นท่าทางอึกอักแบบนั้นยิ่งทำให้ซุนกูและอีซูที่มีประสบการณ์โชกโชน
"ทะเลาะกันหนักเลยเหรอครับ?"
"จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกครับ ถ้าจะให้พูดก็คือเราไม่ได้...ทะเลาะกันครับ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องงานด้วย" เห็นท่าทางอึกอักแบบนั้นยิ่งทำให้ซุนกูและอีซูที่มีประสบการณ์โชกโชน
มารุกระแอมเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเล่า "คือว่า เพื่อนร่วมงานที่ผมมีปัญหาด้วยเขาชื่อซอนอู อีเดน จริงๆ พวกเราตีกันบ่อยตั้งแต่เจอกันแรกๆ แล้ว แต่ผมไม่ผิดนะ! ก็หมอนั่นทำตัวน่าหมั่นไส้ก่อน ผมจะสวนกลับก็ไม่แปลกนี่จริงไหม"
"อืมๆ แล้วยังไงต่อ" อีซูกับซุนกูพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
"เราก็ทำงานด้วยกันแหละ
มารุกระแอมเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเล่า "คือว่า เพื่อนร่วมงานที่ผมมีปัญหาด้วยเขาชื่อซอนอู อีเดน จริงๆ พวกเราตีกันบ่อยตั้งแต่เจอกันแรกๆ แล้ว แต่ผมไม่ผิดนะ! ก็หมอนั่นทำตัวน่าหมั่นไส้ก่อน ผมจะสวนกลับก็ไม่แปลกนี่จริงไหม"
"อืมๆ แล้วยังไงต่อ" อีซูกับซุนกูพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
"เราก็ทำงานด้วยกันแหละ
"แล้วหลังจากนั้นคุณก็มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานคนนั้นสินะครับ"
ข้าราชการพิเศษพยักหน้าหงึกหงักอย่างน่ารักพลางบีบนวดฝ่ามือด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
"เล่าให้ฟังได้รึเปล่าครับ เรื่องคุณกับเพื่อนร่วมงานคนนั้น?"
"มะ...มันก็ได้ ได้แหละ มั้ง?"
"แล้วหลังจากนั้นคุณก็มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานคนนั้นสินะครับ"
ข้าราชการพิเศษพยักหน้าหงึกหงักอย่างน่ารักพลางบีบนวดฝ่ามือด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
"เล่าให้ฟังได้รึเปล่าครับ เรื่องคุณกับเพื่อนร่วมงานคนนั้น?"
"มะ...มันก็ได้ ได้แหละ มั้ง?"
ว่าแล้วก็กระดกค็อกเทลที่คิมซุนกูเพิ่งชงมาให้รวดเดียวหมดแก้ว
"ดื่มช้าๆ สิครับคุณมารุ ดื่มไวไปคุณจะเมาเร็วนะ" ว่าจบก็ส่งทิชชูให้เช็ดคราบค็อกเทลที่ไหลทะลักตามมุมปาก ก่อนจะเสนออีกทางออกหนึ่ง "แล้วทำไมคุณไม่ทำเรื่องย้ายที่ทำงานล่ะครับ"
ว่าแล้วก็กระดกค็อกเทลที่คิมซุนกูเพิ่งชงมาให้รวดเดียวหมดแก้ว
"ดื่มช้าๆ สิครับคุณมารุ ดื่มไวไปคุณจะเมาเร็วนะ" ว่าจบก็ส่งทิชชูให้เช็ดคราบค็อกเทลที่ไหลทะลักตามมุมปาก ก่อนจะเสนออีกทางออกหนึ่ง "แล้วทำไมคุณไม่ทำเรื่องย้ายที่ทำงานล่ะครับ"
"เฮ้อ...แต่ผมทำแบบนั้นไม่ได้น่ะสิ" มารุโอดครวญพลางทิ้งตัวนอนกางแขนอยู่บนเคานเตอร์บาร์ ดูๆ ไปก็เหมือนแมวนอนเหลวอยู่ไม่น้อย
"เฮ้อ...แต่ผมทำแบบนั้นไม่ได้น่ะสิ" มารุโอดครวญพลางทิ้งตัวนอนกางแขนอยู่บนเคานเตอร์บาร์ ดูๆ ไปก็เหมือนแมวนอนเหลวอยู่ไม่น้อย
"แล้ว..." มารุแสดงท่าที่อึกอัก น้องชายท่านประธานพยักหน้าเป็นเชิงว่าให้ถามได้เลย "คุณเคยมีเรื่องขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานบ้างไหมครับ"
"เคยถึงขั้นขัดแย้งกับหัวหน้างานด้วยเลยล่ะครับ"
"แล้วตอนนั้นคุณทำยังไงเหรอครับ?"
"ก็..." อีซูนึกย้อนกลับไปตอนที่เขาถูกผู้กองจางสั่งเก็บ
"แล้ว..." มารุแสดงท่าที่อึกอัก น้องชายท่านประธานพยักหน้าเป็นเชิงว่าให้ถามได้เลย "คุณเคยมีเรื่องขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานบ้างไหมครับ"
"เคยถึงขั้นขัดแย้งกับหัวหน้างานด้วยเลยล่ะครับ"
"แล้วตอนนั้นคุณทำยังไงเหรอครับ?"
"ก็..." อีซูนึกย้อนกลับไปตอนที่เขาถูกผู้กองจางสั่งเก็บ
คนตัวเล็กสุดในกลุ่มสูดจมูกเล็กน้อย "เพราะผมเป็นข้าราชการพิเศษน่ะครับเลยทำได้ คุณอีซูต้องไม่เชื่อแน่ว่าที่ทำงานผมน่ะมีคนสวมเสื้อยืดรองเท้าแตะมาทำงานด้วย"
"..." มันก็ฟังดูไม่น่าเชื่อจริงแหละ ทำเอาอยากรู้เลยแฮะว่าฮันมารุทำงานอยู่ในที่แบบไหน
"คุณอีซูดูรู้เรื่องข้าราชการมากเลยนะครับ เคยเป็นเหรอ" บาร์เทนเดอร์หนุ่มถาม
คนตัวเล็กสุดในกลุ่มสูดจมูกเล็กน้อย "เพราะผมเป็นข้าราชการพิเศษน่ะครับเลยทำได้ คุณอีซูต้องไม่เชื่อแน่ว่าที่ทำงานผมน่ะมีคนสวมเสื้อยืดรองเท้าแตะมาทำงานด้วย"
"..." มันก็ฟังดูไม่น่าเชื่อจริงแหละ ทำเอาอยากรู้เลยแฮะว่าฮันมารุทำงานอยู่ในที่แบบไหน
"คุณอีซูดูรู้เรื่องข้าราชการมากเลยนะครับ เคยเป็นเหรอ" บาร์เทนเดอร์หนุ่มถาม
"ว่าแต่ คุณมารุ วันนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเหรอครับ ปกติวันทำการแบบนี้พวกข้าราชการเขาจะไม่ดื่มหนักกันขนาดนี้นะครับ"
"นั่นสินะ ปกติพวกข้าราชการต้องรักษาหน้าตัวเองหน่อย
"ว่าแต่ คุณมารุ วันนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเหรอครับ ปกติวันทำการแบบนี้พวกข้าราชการเขาจะไม่ดื่มหนักกันขนาดนี้นะครับ"
"นั่นสินะ ปกติพวกข้าราชการต้องรักษาหน้าตัวเองหน่อย
"ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณฮันมารุ" อีซูเป็นฝ่ายยื่นมือออกไปก่อน
"ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณฮันมารุ" อีซูเป็นฝ่ายยื่นมือออกไปก่อน
"อ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ท่านประธานแบค"
เห็นอีกฝ่ายทำตัวลนลานเพราะบาร์เทนเดอร์หนุ่มแนะนำว่าเขาเป็นคนใหญ่คนโต อีซูก็อดไม่ได้ที่จะมองค้อนคนขี้แกล้งนั่น "ทำตัวสบายๆ เถอะครับ เรียกผมว่าอีซูก็ได้ คุณซุนกูเขาก็ล้อเล่นไปงั้นแหละ ตอนนี้ผมไม่ใช่ประธานแล้ว"
"แต่ก็ยังพ่วงตำแหน่งน้องชายท่านประธานอยู่ดีนี่ครับ"
"อ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ท่านประธานแบค"
เห็นอีกฝ่ายทำตัวลนลานเพราะบาร์เทนเดอร์หนุ่มแนะนำว่าเขาเป็นคนใหญ่คนโต อีซูก็อดไม่ได้ที่จะมองค้อนคนขี้แกล้งนั่น "ทำตัวสบายๆ เถอะครับ เรียกผมว่าอีซูก็ได้ คุณซุนกูเขาก็ล้อเล่นไปงั้นแหละ ตอนนี้ผมไม่ใช่ประธานแล้ว"
"แต่ก็ยังพ่วงตำแหน่งน้องชายท่านประธานอยู่ดีนี่ครับ"