ʕ•ﻌ•ʔ(。・ω・。)( • ̀ω•́ )(๑•́ ₃ •̀๑)(。-_-。)(๑و•̀ω•́)
----
หากท่านใดที่สนใจเล่นด้วยกันหรืออื่นๆสามารถติดต่อได้ทุกช่องทาง
เพิ่งเคยเล่นมูBSKYฝากตัวด้วยครับ
#MKG_Commu
Doc : https://url.in.th/KfILa
เขาหัวเราะอีกครั้งด้วยน้ำเสียงขี้เล่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความสดใสของคนที่เพิ่งได้พักใจจริงๆ หลังวันเหนื่อยๆ หนึ่งวัน.
เขาหัวเราะอีกครั้งด้วยน้ำเสียงขี้เล่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความสดใสของคนที่เพิ่งได้พักใจจริงๆ หลังวันเหนื่อยๆ หนึ่งวัน.
“งั้นจะจำไว้แล้วกัน โรงอาหารตอนเที่ยง ถ้าได้กลิ่นกาแฟหอมๆ เมื่อไหร่ จะถือว่ามีตู้กดกาแฟพกความใจดีนั่งรออยู่แน่ๆ”
เขาพูดพลางหัวเราะในลำคอ
“แต่ต่างจากตู้กดจริงตรงที่ คุยได้สนุกกว่าหลายเท่าเลย”
(+)
“งั้นจะจำไว้แล้วกัน โรงอาหารตอนเที่ยง ถ้าได้กลิ่นกาแฟหอมๆ เมื่อไหร่ จะถือว่ามีตู้กดกาแฟพกความใจดีนั่งรออยู่แน่ๆ”
เขาพูดพลางหัวเราะในลำคอ
“แต่ต่างจากตู้กดจริงตรงที่ คุยได้สนุกกว่าหลายเท่าเลย”
(+)
“โอ้ ระวังนะ ถ้าพูดแบบนั้น พรุ่งนี้เช้าอาจจะวิ่งโชว์เลยก็ได้”
เขาพูดติดตลก พลางทำท่าเหมือนกำลังยืดกล้ามเนื้อแข่งในอากาศ
“แต่ต้องมีเงื่อนไขนะ หลังวิ่งเสร็จผมขอกาแฟสักแก้วเป็นรางวัลก็แล้วกัน”
ยูสุเกะพูดจบก็หัวเราะอีกครั้ง ก่อนจะมองเหยือกกาแฟที่ตอนนี้ว่างเปล่าด้วยสีหน้าปนเสียดายเล็กน้อย “อา หมดซะแล้วสินะ รู้ตัวอีกทีผมก็ซัดไปเกือบครึ่งเหยือกเลย”
(+)
“โอ้ ระวังนะ ถ้าพูดแบบนั้น พรุ่งนี้เช้าอาจจะวิ่งโชว์เลยก็ได้”
เขาพูดติดตลก พลางทำท่าเหมือนกำลังยืดกล้ามเนื้อแข่งในอากาศ
“แต่ต้องมีเงื่อนไขนะ หลังวิ่งเสร็จผมขอกาแฟสักแก้วเป็นรางวัลก็แล้วกัน”
ยูสุเกะพูดจบก็หัวเราะอีกครั้ง ก่อนจะมองเหยือกกาแฟที่ตอนนี้ว่างเปล่าด้วยสีหน้าปนเสียดายเล็กน้อย “อา หมดซะแล้วสินะ รู้ตัวอีกทีผมก็ซัดไปเกือบครึ่งเหยือกเลย”
(+)
เขาพูดจบก็มองเธอด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“งั้นขอบคุณกลับเหมือนกัน ที่ให้คนทำงานพิเศษโทรมๆ ได้พักจิบกาแฟดีๆ แบบนี้ แถมได้คุยกับบาริสต้าผู้เชี่ยวชาญจากด้วยอีกต่างหาก บอกตรงๆ เริ่มคิดแล้วว่าความเหนื่อยเมื่อเช้ามันคุ้มสุดๆ เลยล่ะ”
เขาพูดจบก็มองเธอด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“งั้นขอบคุณกลับเหมือนกัน ที่ให้คนทำงานพิเศษโทรมๆ ได้พักจิบกาแฟดีๆ แบบนี้ แถมได้คุยกับบาริสต้าผู้เชี่ยวชาญจากด้วยอีกต่างหาก บอกตรงๆ เริ่มคิดแล้วว่าความเหนื่อยเมื่อเช้ามันคุ้มสุดๆ เลยล่ะ”
เขายกแก้วกาแฟในมือขึ้นหมุนเบา ๆ ก่อนจะยกขึ้นจิบอีกคำ
“ว่าแต่เนโรนี่เก่งจริงนะ ดื่มเยอะขนาดนี้แต่ยังนั่งนิ่งได้อยู่ ทางนี้ถ้าดื่มตามคงได้วิ่งรอบโรงเรียนแทนสาวม้าแล้วแน่ๆ”
ยูสุเกะพูดพลางหัวเราะในลำคออีกทีก่อนจะวางแก้วลงช้าๆ
(+)
เขายกแก้วกาแฟในมือขึ้นหมุนเบา ๆ ก่อนจะยกขึ้นจิบอีกคำ
“ว่าแต่เนโรนี่เก่งจริงนะ ดื่มเยอะขนาดนี้แต่ยังนั่งนิ่งได้อยู่ ทางนี้ถ้าดื่มตามคงได้วิ่งรอบโรงเรียนแทนสาวม้าแล้วแน่ๆ”
ยูสุเกะพูดพลางหัวเราะในลำคออีกทีก่อนจะวางแก้วลงช้าๆ
(+)
เขาหัวเราะเบาๆ พลางยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มอีกครั้ง
เขาหัวเราะเบาๆ พลางยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มอีกครั้ง
“งั้นก็เรียกว่าโชคดีทั้งคู่แล้วล่ะ—ทางนี้ได้ดื่มกาแฟดีๆ ส่วนเธอก็ไม่ต้องลงแข่งดื่มกาแฟคนเดียวทั้งเหยือกให้หัวใจเต้นแรงจนถึงวันพรุ่งนี้”
เขาพูดติดตลกเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปเคาะแก้วของตัวเองเบาๆ
(+)
“งั้นก็เรียกว่าโชคดีทั้งคู่แล้วล่ะ—ทางนี้ได้ดื่มกาแฟดีๆ ส่วนเธอก็ไม่ต้องลงแข่งดื่มกาแฟคนเดียวทั้งเหยือกให้หัวใจเต้นแรงจนถึงวันพรุ่งนี้”
เขาพูดติดตลกเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปเคาะแก้วของตัวเองเบาๆ
(+)
พูดจบ เขาก็เอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย เสียงถอนหายใจดังเบา ๆ พร้อมกลิ่นกาแฟที่ยังอบอวล
พูดจบ เขาก็เอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย เสียงถอนหายใจดังเบา ๆ พร้อมกลิ่นกาแฟที่ยังอบอวล
“อ๋ออ ถึงว่า กลิ่นกับรสนี่มันไม่ใช่ฝีมือสมัครเล่นแน่ๆ”
เขายิ้มกว้างพลางพยักหน้าช้า ๆ อย่างคนเพิ่งเข้าใจอะไรบางอย่าง
เขาพูดพลางหัวเราะในลำคอ ขยับเก้าอี้เข้าใกล้โต๊ะอีกนิดด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะยกแก้วขึ้นจิบอีกคำ แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงกึ่งจริงกึ่งแซว
(+)
“อ๋ออ ถึงว่า กลิ่นกับรสนี่มันไม่ใช่ฝีมือสมัครเล่นแน่ๆ”
เขายิ้มกว้างพลางพยักหน้าช้า ๆ อย่างคนเพิ่งเข้าใจอะไรบางอย่าง
เขาพูดพลางหัวเราะในลำคอ ขยับเก้าอี้เข้าใกล้โต๊ะอีกนิดด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะยกแก้วขึ้นจิบอีกคำ แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงกึ่งจริงกึ่งแซว
(+)
เขาหยิบถาดอาหารที่กินหมดแล้วขึ้นมา พลางยิ้มให้เธอ “งั้นฉันขอตัวไปทำภารกิจยิ่งใหญ่ก่อนนะ — ภารกิจล้างถาด แล้วก็หนีหัวหน้าแผนกบรรณารักษ์ที่ชอบลากประชุมตอนบ่าย”
เขาพูดจบก็ลุกขึ้นพลางโบกมือให้ “ไว้เจอกันมื้อหน้าล่ะกัน รอยัลตี้”
เขาหัวเราะออกมาเต็มเสียง
เขาหยิบถาดอาหารที่กินหมดแล้วขึ้นมา พลางยิ้มให้เธอ “งั้นฉันขอตัวไปทำภารกิจยิ่งใหญ่ก่อนนะ — ภารกิจล้างถาด แล้วก็หนีหัวหน้าแผนกบรรณารักษ์ที่ชอบลากประชุมตอนบ่าย”
เขาพูดจบก็ลุกขึ้นพลางโบกมือให้ “ไว้เจอกันมื้อหน้าล่ะกัน รอยัลตี้”
เขาหัวเราะออกมาเต็มเสียง
“เหนื่อยนิดหน่อยแค่พอให้รู้สึกว่ากระดูกยังอยู่ดีครบสามร้อยชิ้นเท่านั้นเอง”
เขายักคิ้วให้อย่างขี้เล่น ก่อนจะชี้ไปที่เหยือกกาแฟขนาดใหญ่
“ว่าแต่… นั่นกาแฟหรือเสบียงไว้ชงแจกนักเรียนทั้งชั้น?”
ยูสุเกะหัวเราะอีกครั้งก่อนจะเอื้อมไปเติมกาแฟใส่แก้วของตัวเอง
“ว่าแต่ดูชงกาแฟเก่งนะ ถ้าไม่บอก นึกว่ามีร้านกาแฟลับที่เธอเป็นเจ้าของอยู่หลังโรงเรียนซะอีก”
“เหนื่อยนิดหน่อยแค่พอให้รู้สึกว่ากระดูกยังอยู่ดีครบสามร้อยชิ้นเท่านั้นเอง”
เขายักคิ้วให้อย่างขี้เล่น ก่อนจะชี้ไปที่เหยือกกาแฟขนาดใหญ่
“ว่าแต่… นั่นกาแฟหรือเสบียงไว้ชงแจกนักเรียนทั้งชั้น?”
ยูสุเกะหัวเราะอีกครั้งก่อนจะเอื้อมไปเติมกาแฟใส่แก้วของตัวเอง
“ว่าแต่ดูชงกาแฟเก่งนะ ถ้าไม่บอก นึกว่ามีร้านกาแฟลับที่เธอเป็นเจ้าของอยู่หลังโรงเรียนซะอีก”
“โอ้ นี่แหละ! กลิ่นของความรอดในวันเหนื่อยๆ!”
ยูสุเกะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง มือยังถือแก้วกาแฟไว้เหมือนของศักดิ์สิทธิ์
“ทำงานพิเศษมาทั้งเช้า แบกกล่องจนคิดว่าตัวเองควรได้เบี้ยเลี้ยงพิเศษเป็น ‘คาเฟอีนฟรีตลอดปี’ แล้วล่ะ”
“โอ้ นี่แหละ! กลิ่นของความรอดในวันเหนื่อยๆ!”
ยูสุเกะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง มือยังถือแก้วกาแฟไว้เหมือนของศักดิ์สิทธิ์
“ทำงานพิเศษมาทั้งเช้า แบกกล่องจนคิดว่าตัวเองควรได้เบี้ยเลี้ยงพิเศษเป็น ‘คาเฟอีนฟรีตลอดปี’ แล้วล่ะ”
“เฮ้อ~” เสียงถอนหายใจเบาๆ หลุดออกแต่ทันทีที่เดินผ่าน กลิ่นกาแฟหอมก็ลอยแตะจมูกจนทำให้ยูสุเกะชะงักเท้า
ยูสุเกะเดินเข้าไปอย่างเก้ๆกังๆ
“ขอโทษนะ พอดีได้กลิ่นกาแฟหอมจนอดไม่ไหวเลยน่ะ ขอแบ่งดื่มสักแก้วได้ไหม?”
“เฮ้อ~” เสียงถอนหายใจเบาๆ หลุดออกแต่ทันทีที่เดินผ่าน กลิ่นกาแฟหอมก็ลอยแตะจมูกจนทำให้ยูสุเกะชะงักเท้า
ยูสุเกะเดินเข้าไปอย่างเก้ๆกังๆ
“ขอโทษนะ พอดีได้กลิ่นกาแฟหอมจนอดไม่ไหวเลยน่ะ ขอแบ่งดื่มสักแก้วได้ไหม?”
“อืม… เห็นแบบนี้แล้วดีใจนะ อย่างน้อยมื้อนี้ก็ดูไม่เงียบเหงาเหมือนตอนแรกแล้วใช่มั้ย?”
เขาหัวเราะเบาในลำคอ เสียงของเขากลืนไปกับเสียงพูดคุยของผู้คน
“ถ้ามีวันไหนที่รู้สึกเหงาอีกล่ะก็ มาเจอฉันที่โรงอาหารได้เสมอนะ หรือจะเป็นที่ห้องสมุดก็ได้ ปกติจะอยู่ที่นั่นประจำ"
ประโยคหลังเขาพูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น
“อืม… เห็นแบบนี้แล้วดีใจนะ อย่างน้อยมื้อนี้ก็ดูไม่เงียบเหงาเหมือนตอนแรกแล้วใช่มั้ย?”
เขาหัวเราะเบาในลำคอ เสียงของเขากลืนไปกับเสียงพูดคุยของผู้คน
“ถ้ามีวันไหนที่รู้สึกเหงาอีกล่ะก็ มาเจอฉันที่โรงอาหารได้เสมอนะ หรือจะเป็นที่ห้องสมุดก็ได้ ปกติจะอยู่ที่นั่นประจำ"
ประโยคหลังเขาพูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น
“โอ้—โรลเค้กเหรอ ฟังดูน่ารักดีนะ”
“แบบครีมสดนุ่ม ๆ กลิ่นวนิลาหอม ๆ ใช่มั้ย หรือชอบแบบใส่ผลไม้ข้างในด้วย?”
“ถ้าได้กินของหวานหลังมื้อเที่ยงแบบนี้ คงช่วยให้วันธรรมดาดูสดใสขึ้นเยอะเลยล่ะ”
“โอ้—โรลเค้กเหรอ ฟังดูน่ารักดีนะ”
“แบบครีมสดนุ่ม ๆ กลิ่นวนิลาหอม ๆ ใช่มั้ย หรือชอบแบบใส่ผลไม้ข้างในด้วย?”
“ถ้าได้กินของหวานหลังมื้อเที่ยงแบบนี้ คงช่วยให้วันธรรมดาดูสดใสขึ้นเยอะเลยล่ะ”
เขาพูดพลางพยักหน้า
“ฉันก็ชอบเหมือนกันนะ โดยเฉพาะแบบที่เผ็ดนิด ๆ แล้วก็ใส่เนื้อชิ้นโต ๆ”
เขาว่าพร้อมทำท่าคิด
“แต่ที่ทำกินเองส่วนใหญ่จะออกไปทางบ้าน ๆ หน่อยน่ะ ใส่มันฝรั่งเยอะจนเหมือนซุปมากกว่าแกง”
เขาพูดพลางพยักหน้า
“ฉันก็ชอบเหมือนกันนะ โดยเฉพาะแบบที่เผ็ดนิด ๆ แล้วก็ใส่เนื้อชิ้นโต ๆ”
เขาว่าพร้อมทำท่าคิด
“แต่ที่ทำกินเองส่วนใหญ่จะออกไปทางบ้าน ๆ หน่อยน่ะ ใส่มันฝรั่งเยอะจนเหมือนซุปมากกว่าแกง”
เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธออีกครั้ง สีหน้าสงบแต่จริงจัง
“แต่บางทีนะ สิ่งที่สำคัญกว่าผลลัพธ์ตอนเข้าเส้น อาจเป็น ‘เหตุผล’ ที่เธอเลือกวิ่งตั้งแต่แรกก็ได้”
ยูสุเกะพูดเสียงเรียบ ด้วยรอยยิ้มอบอุ่นผสมกับความจริงใจ
“เพราะครึ่งช่วงตัวน่ะ... สำหรับคนที่ยังอยากก้าวต่อ มันไม่ใช่ระยะที่แพ้หรอก มันคือระยะที่ ‘เกือบถึง’ ต่างหาก”
เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธออีกครั้ง สีหน้าสงบแต่จริงจัง
“แต่บางทีนะ สิ่งที่สำคัญกว่าผลลัพธ์ตอนเข้าเส้น อาจเป็น ‘เหตุผล’ ที่เธอเลือกวิ่งตั้งแต่แรกก็ได้”
ยูสุเกะพูดเสียงเรียบ ด้วยรอยยิ้มอบอุ่นผสมกับความจริงใจ
“เพราะครึ่งช่วงตัวน่ะ... สำหรับคนที่ยังอยากก้าวต่อ มันไม่ใช่ระยะที่แพ้หรอก มันคือระยะที่ ‘เกือบถึง’ ต่างหาก”
“…ครึ่งช่วงตัวสินะ” เขาทวนคำโดยไม่ได้มีเจตนาล้อเลียน
“สำหรับคนที่วิ่งอยู่ข้างหน้าเกือบตลอด เส้นชัยมันเลยดูเหมือนอยู่ในมืออยู่แล้ว…” เขาว่า ก่อนจะละสายตามองซันเดย์ที่ละลายจนเหลือครึ่งถ้วย คล้ายกับใช้มันเป็นภาพสะท้อนของสิ่งที่เธอพูด
(+)
“…ครึ่งช่วงตัวสินะ” เขาทวนคำโดยไม่ได้มีเจตนาล้อเลียน
“สำหรับคนที่วิ่งอยู่ข้างหน้าเกือบตลอด เส้นชัยมันเลยดูเหมือนอยู่ในมืออยู่แล้ว…” เขาว่า ก่อนจะละสายตามองซันเดย์ที่ละลายจนเหลือครึ่งถ้วย คล้ายกับใช้มันเป็นภาพสะท้อนของสิ่งที่เธอพูด
(+)
มือของยูสุเกะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอีกครั้ง ก่อนจะเอียงหัวมองเธอด้วยสายตาผ่อนคลาย “ว่าแต่... เธอชอบกินข้าวกับเมนูแบบไหนล่ะ? ฉันจะได้จำไว้ เผื่อวันไหนได้กินด้วยกันอีก”
มือของยูสุเกะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอีกครั้ง ก่อนจะเอียงหัวมองเธอด้วยสายตาผ่อนคลาย “ว่าแต่... เธอชอบกินข้าวกับเมนูแบบไหนล่ะ? ฉันจะได้จำไว้ เผื่อวันไหนได้กินด้วยกันอีก”
เขาหัวเราะเบา ๆ พลางใช้ตะเกียบเขี่ยข้าวในถาดไปมา “แต่ถ้าได้เจอสักคน ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แค่ตอนกินข้าวกลางวัน ก็อาจทำให้ใจมันไม่เหงาเท่าเดิมก็ได้”
ยูสุเกะเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกครั้ง รอยยิ้มมุมปากกลับมาแต่งแต้มบนใบหน้า “อย่างตอนนี้ไงฉันคุยกับเธออยู่ ก็รู้สึกสบายดีนะ”
เขาหัวเราะเบา ๆ พลางใช้ตะเกียบเขี่ยข้าวในถาดไปมา “แต่ถ้าได้เจอสักคน ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แค่ตอนกินข้าวกลางวัน ก็อาจทำให้ใจมันไม่เหงาเท่าเดิมก็ได้”
ยูสุเกะเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกครั้ง รอยยิ้มมุมปากกลับมาแต่งแต้มบนใบหน้า “อย่างตอนนี้ไงฉันคุยกับเธออยู่ ก็รู้สึกสบายดีนะ”
“พูดแบบนั้น แปลว่าคงยังติดใจอะไรบางอย่างอยู่สินะ”
ยูสุเกะเอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย วางศอกพาดบนโต๊ะแล้วเท้าคางด้วยท่าทีที่ดูไม่เร่งรัด
“ตอนแข่งมันมีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?” เขาพูดแต่ทิ้งจังหวะให้เธอได้หายใจเหมือนคนที่รู้ดีว่าคำบางคำต้องใช้ความกล้าถึงจะพูดออกมาได้
“หรือว่า…เธอรู้สึกว่ายัง ‘วิ่งไม่สุด’ เหมือนที่ใจอยากให้เป็น?”
“พูดแบบนั้น แปลว่าคงยังติดใจอะไรบางอย่างอยู่สินะ”
ยูสุเกะเอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย วางศอกพาดบนโต๊ะแล้วเท้าคางด้วยท่าทีที่ดูไม่เร่งรัด
“ตอนแข่งมันมีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?” เขาพูดแต่ทิ้งจังหวะให้เธอได้หายใจเหมือนคนที่รู้ดีว่าคำบางคำต้องใช้ความกล้าถึงจะพูดออกมาได้
“หรือว่า…เธอรู้สึกว่ายัง ‘วิ่งไม่สุด’ เหมือนที่ใจอยากให้เป็น?”
“ขอบใจนะ"
เขาพูดพร้อมใช้ช้อนตักไอศกรีมขึ้นมาชิม
“อืม ยังพอมีรสอยู่แฮะ ไม่เลวเลย”
เขาเงยหน้าขึ้น มองสาวม้าที่กำลังจิบชานม
“ว่าแต่ หน้าตาเธอดูไม่เหมือนคนที่อยากมากินของหวานสักเท่าไหร่นะ”
ยูสุเกะพูดพลางเอนหลังพิงเก้าอี้ แขนข้างหนึ่งวางพาดบนพนักเก้าอี้
“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า? หรือว่า... ซันเดย์นี่ไม่อร่อยอย่างที่คิด?”
“ขอบใจนะ"
เขาพูดพร้อมใช้ช้อนตักไอศกรีมขึ้นมาชิม
“อืม ยังพอมีรสอยู่แฮะ ไม่เลวเลย”
เขาเงยหน้าขึ้น มองสาวม้าที่กำลังจิบชานม
“ว่าแต่ หน้าตาเธอดูไม่เหมือนคนที่อยากมากินของหวานสักเท่าไหร่นะ”
ยูสุเกะพูดพลางเอนหลังพิงเก้าอี้ แขนข้างหนึ่งวางพาดบนพนักเก้าอี้
“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า? หรือว่า... ซันเดย์นี่ไม่อร่อยอย่างที่คิด?”
“เข้าใจนะ…” เขาพูดเสียงทุ้มแผ่วแต่จริงใจ
“บางทีที่แบบนั้น มันก็ไม่ได้แปลว่าเธอไม่มีคนน่าสนิทหรอก — แค่ยังไม่เจอคนที่คุยแล้วรู้สึก ‘สบายใจ’ มากพอต่างหาก”
เขายิ้มบาง ๆ พลางยกแก้วน้ำขึ้นจิบ
“เข้าใจนะ…” เขาพูดเสียงทุ้มแผ่วแต่จริงใจ
“บางทีที่แบบนั้น มันก็ไม่ได้แปลว่าเธอไม่มีคนน่าสนิทหรอก — แค่ยังไม่เจอคนที่คุยแล้วรู้สึก ‘สบายใจ’ มากพอต่างหาก”
เขายิ้มบาง ๆ พลางยกแก้วน้ำขึ้นจิบ
เขาว่าก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นราวกับกล่าวคำทักทาย
“ใช่แล้ว ฉันเป็นเทรนเนอร์”
เขาเอียงหน้ามองอีกฝ่ายเล็กน้อย แววตานุ่มลงเหมือนอ่านอะไรบางอย่างจากท่าทางของเธอ
“แต่ไม่ต้องเรียกฉันว่า ‘คุณ’ ก็ได้ เรียกแค่ยูสุเกะก็พอ มันฟังดูเป็นกันเองกว่าน่ะ”
ก่อนที่เขาจะก้มลงตักข้าวคำต่อไปอย่างไม่เร่งรีบ
“แล้วเธอ มานั่งเหงาอยู่คนเดียวแบบนี้ทำไมกัน?”
เขาว่าก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นราวกับกล่าวคำทักทาย
“ใช่แล้ว ฉันเป็นเทรนเนอร์”
เขาเอียงหน้ามองอีกฝ่ายเล็กน้อย แววตานุ่มลงเหมือนอ่านอะไรบางอย่างจากท่าทางของเธอ
“แต่ไม่ต้องเรียกฉันว่า ‘คุณ’ ก็ได้ เรียกแค่ยูสุเกะก็พอ มันฟังดูเป็นกันเองกว่าน่ะ”
ก่อนที่เขาจะก้มลงตักข้าวคำต่อไปอย่างไม่เร่งรีบ
“แล้วเธอ มานั่งเหงาอยู่คนเดียวแบบนี้ทำไมกัน?”