"ลาก่อนครับพี่ซาเอะ"
สองขาพลันอ่อนแรงลงยามเมื่อแผ่นหลังแกร่งนั้นหายไปจากสายตาเพราะถูกมหาสมุทรบดบัง ยกของดูต่างหน้าจรดแนบหน้าผากพลางสะอึกสะอื้นร้องไห้แทบขาดใจอยู่ตรงนั้นอย่างมิอาจฝืนกลั้น
"ผมรักพี่นะ ขอให้พี่เดินทางปลอดภัย แล้วสักวันขอให้เราได้เจอกันอีก...."
end.
"ลาก่อนครับพี่ซาเอะ"
สองขาพลันอ่อนแรงลงยามเมื่อแผ่นหลังแกร่งนั้นหายไปจากสายตาเพราะถูกมหาสมุทรบดบัง ยกของดูต่างหน้าจรดแนบหน้าผากพลางสะอึกสะอื้นร้องไห้แทบขาดใจอยู่ตรงนั้นอย่างมิอาจฝืนกลั้น
"ผมรักพี่นะ ขอให้พี่เดินทางปลอดภัย แล้วสักวันขอให้เราได้เจอกันอีก...."
end.
"พี่ให้คำถามสุดท้าย"
"...."
"...."
"ผมขอยืนส่งพี่จนลับสายตาได้ไหม"
ครานี้คนพี่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป ทว่ากลับถอดเสื้อตัวนอกของตนออกเพื่อนำไปคลุมบนไหล่บาง มือซ้ายเสยกลุ่มผมที่บดบังแผ่นหน้าผากพลางกดจุมพิตลงไปแผ่วเบา
"พี่ให้คำถามสุดท้าย"
"...."
"...."
"ผมขอยืนส่งพี่จนลับสายตาได้ไหม"
ครานี้คนพี่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป ทว่ากลับถอดเสื้อตัวนอกของตนออกเพื่อนำไปคลุมบนไหล่บาง มือซ้ายเสยกลุ่มผมที่บดบังแผ่นหน้าผากพลางกดจุมพิตลงไปแผ่วเบา
"ยื้อพี่ไปก็ไม่ช่วยให้พี่เปลี่ยนใจหรอกนะ"
"ผมรู้ พี่ว่าถ้าผมใส่มัน ผมจะดูดีแบบพี่หรือเปล่า"
"สำหรับพี่ ไม่ว่าจะแบบไหนก็เป็นโยอยู่ดี"
สำหรับซาเอะ โยอิจิงดงามอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใด
"ยื้อพี่ไปก็ไม่ช่วยให้พี่เปลี่ยนใจหรอกนะ"
"ผมรู้ พี่ว่าถ้าผมใส่มัน ผมจะดูดีแบบพี่หรือเปล่า"
"สำหรับพี่ ไม่ว่าจะแบบไหนก็เป็นโยอยู่ดี"
สำหรับซาเอะ โยอิจิงดงามอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใด
"พี่ซาเอะ"
"หืม?"
"ผมขอกำไลข้อมือกับสร้อยของพี่ได้ไหม"
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ"
กล่าวจบจึงเอื้อมมือไปปลดเครื่องประดับที่ถูกร้องขอของตนออกพลางยื่นให้คนตรงหน้า สองมือเล็กรับมาและกอบกุมมันไว้อย่างหวงแหน
"พี่ซาเอะ"
"หืม?"
"ผมขอกำไลข้อมือกับสร้อยของพี่ได้ไหม"
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ"
กล่าวจบจึงเอื้อมมือไปปลดเครื่องประดับที่ถูกร้องขอของตนออกพลางยื่นให้คนตรงหน้า สองมือเล็กรับมาและกอบกุมมันไว้อย่างหวงแหน
มือหนาทาบทับลงผมกลุ่มสีเข้มพลางขยับลูบแผ่วเบา ซาเอะรู้ดีว่าการกระทำนี้ไม่ได้ช่วยให้เจ้าตัวดื้อของตนหายเศร้า แต่เขาก็อยากทำมัน
ระหว่าง 'ความรัก' และ 'ความตาย' สิ่งใดหนอสำคัญกว่า
บัดนี้ได้ประจักษ์แจ้งแล้วว่า 'ความตาย' ได้ถูกเลือก และ 'ความรัก' ถูกทอดทิ้ง
มือหนาทาบทับลงผมกลุ่มสีเข้มพลางขยับลูบแผ่วเบา ซาเอะรู้ดีว่าการกระทำนี้ไม่ได้ช่วยให้เจ้าตัวดื้อของตนหายเศร้า แต่เขาก็อยากทำมัน
ระหว่าง 'ความรัก' และ 'ความตาย' สิ่งใดหนอสำคัญกว่า
บัดนี้ได้ประจักษ์แจ้งแล้วว่า 'ความตาย' ได้ถูกเลือก และ 'ความรัก' ถูกทอดทิ้ง
"พี่ซาเอะ"
"ว่าไง"
"ไม่ไปไม่ได้เหรอ"
แม้อิซางิ โยอิจิจะเป็น 'ผู้ชนะ' ในเกมวิ่งไล่จับ ทว่าตอนนี้ภายในใจกลับรู้สึกว่าตนคือ 'ผู้แพ้'
ผู้ที่พ่ายแพ้และล้มเหลวในการฉุดรั้งใครสักคนให้มีชีวิตอยู่ต่อ
"พี่ซาเอะ"
"ว่าไง"
"ไม่ไปไม่ได้เหรอ"
แม้อิซางิ โยอิจิจะเป็น 'ผู้ชนะ' ในเกมวิ่งไล่จับ ทว่าตอนนี้ภายในใจกลับรู้สึกว่าตนคือ 'ผู้แพ้'
ผู้ที่พ่ายแพ้และล้มเหลวในการฉุดรั้งใครสักคนให้มีชีวิตอยู่ต่อ
"ส่วนรหัส พี่เขียนใส่กระดาษใบเล็ก ๆ ไว้ให้ในกระเป๋าแล้ว หาเอาเองนะ ส่วนอยากเอาเงินไปใช้ทำอะไรก็ตามใจเราเลย โย"
"...."
"บ้านของพี่ จะขายทิ้ง ปรับแต่ง หรือดูแลต่อก็ได้ จะรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ ใช้ได้ตามสบาย กุญแจแขวนอยู่ตรงไหนเราคงรู้"
"...."
"ทั้งหมดนี้ พี่ยกให้เรานะ"
"ส่วนรหัส พี่เขียนใส่กระดาษใบเล็ก ๆ ไว้ให้ในกระเป๋าแล้ว หาเอาเองนะ ส่วนอยากเอาเงินไปใช้ทำอะไรก็ตามใจเราเลย โย"
"...."
"บ้านของพี่ จะขายทิ้ง ปรับแต่ง หรือดูแลต่อก็ได้ จะรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ ใช้ได้ตามสบาย กุญแจแขวนอยู่ตรงไหนเราคงรู้"
"...."
"ทั้งหมดนี้ พี่ยกให้เรานะ"
"ผมขอเงินพี่ได้ไหม"
"พี่วางกระเป๋าเงินไว้บนโต๊ะหัวเตียง ไม่มีเงินสด มีแต่บัตรเครดิต บัตรล่างสุดเป็นบัญชีเงินเก็บห้ามใช้ ส่วนบัตรอันถัดมาเป็นบัญชีที่ถอนมาใช้เรื่อย ๆ ตามความจำเป็น"
"ผมขอเงินพี่ได้ไหม"
"พี่วางกระเป๋าเงินไว้บนโต๊ะหัวเตียง ไม่มีเงินสด มีแต่บัตรเครดิต บัตรล่างสุดเป็นบัญชีเงินเก็บห้ามใช้ ส่วนบัตรอันถัดมาเป็นบัญชีที่ถอนมาใช้เรื่อย ๆ ตามความจำเป็น"
แต่ช่างน่าเสียดาย ที่เกมนี้อิโตชิ ซาเอะคือ 'ผู้แพ้'
"อยากได้อะไรล่ะเรา"
แต่ช่างน่าเสียดาย ที่เกมนี้อิโตชิ ซาเอะคือ 'ผู้แพ้'
"อยากได้อะไรล่ะเรา"
หนึ่งในสองเอ่ยถามพร้อมทั้งหันมาหาคู่สนทนา ใบหน้าเรียวปรากฏรอยยิ้มแสนซน และช่างโชคดีที่นภาวันนี้ไร้เมฆ แสงจันทร์นวลผ่องนั้นจึงสาดกระทบให้มองเห็นใบหน้านี้ได้อย่างชัดเจน
"คนชนะจะได้อะไรล่ะ"
"ขออะไรจากคนแพ้ก็ได้ 1 อย่าง เป็นไง"
"ถ้าจับไม่ได้สักทีล่ะ"
"กำหนดเวลา 3 นาที หวังว่าพี่คงไม่เหนื่อยไปซะก่อนนะ"
หนึ่งในสองเอ่ยถามพร้อมทั้งหันมาหาคู่สนทนา ใบหน้าเรียวปรากฏรอยยิ้มแสนซน และช่างโชคดีที่นภาวันนี้ไร้เมฆ แสงจันทร์นวลผ่องนั้นจึงสาดกระทบให้มองเห็นใบหน้านี้ได้อย่างชัดเจน
"คนชนะจะได้อะไรล่ะ"
"ขออะไรจากคนแพ้ก็ได้ 1 อย่าง เป็นไง"
"ถ้าจับไม่ได้สักทีล่ะ"
"กำหนดเวลา 3 นาที หวังว่าพี่คงไม่เหนื่อยไปซะก่อนนะ"
เส้นผมสีแดงระเรื่อและสีนิลพริ้วไหวไปตามทิศทางลม สองเท้าหยุดยืนพลางทอดมองออกไปยังมหาสมุทรตรงหน้าไร้ซึ่งเสียงเอ่ยกล่าวเพื่อจดจำความรู้สึกในช่วงเวลานี้ให้ได้นานที่สุด
เส้นผมสีแดงระเรื่อและสีนิลพริ้วไหวไปตามทิศทางลม สองเท้าหยุดยืนพลางทอดมองออกไปยังมหาสมุทรตรงหน้าไร้ซึ่งเสียงเอ่ยกล่าวเพื่อจดจำความรู้สึกในช่วงเวลานี้ให้ได้นานที่สุด
แด่เธอผู้เป็นเจ้าของความรัก
รักแรก รักเดียว รักสุดท้ายตลอดไป
ตราบชั่วกัลปาวสาน
end.
แด่เธอผู้เป็นเจ้าของความรัก
รักแรก รักเดียว รักสุดท้ายตลอดไป
ตราบชั่วกัลปาวสาน
end.
"ข้า อิซางิ โยอิจิ ขอให้คำมั่นว่าจะรักและเคารพ อิโตชิ ริน ตลอดชีวิต จะสนับสนุนกันและกัน และจะคอยอยู่เคียงข้างจนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่"
"ข้า อิโตชิ ริน ขอให้คำมั่นว่าจะรักและเคารพ อิซางิ โยอิจิ ตลอดชีวิต จะสนับสนุนกันและกัน และจะคอยอยู่เคียงข้างจนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่"
"ข้า อิซางิ โยอิจิ ขอให้คำมั่นว่าจะรักและเคารพ อิโตชิ ริน ตลอดชีวิต จะสนับสนุนกันและกัน และจะคอยอยู่เคียงข้างจนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่"
"ข้า อิโตชิ ริน ขอให้คำมั่นว่าจะรักและเคารพ อิซางิ โยอิจิ ตลอดชีวิต จะสนับสนุนกันและกัน และจะคอยอยู่เคียงข้างจนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่"
.
.
.
"อิซางิ โยอิจิ ยินดีที่จะรับ อิโตชิ ริน เป็นสามีครับ"
"อิโตชิ ริน นายยินดีที่จะรับ อิซางิ โยอิจิ คนนี้เป็นสามีของนายหรือเปล่า"
.
.
.
"อิโตชิ ริน ยินดีที่จะรับ อิซางิ โยอิจิ เป็นสามี"
.
.
.
"อิซางิ โยอิจิ ยินดีที่จะรับ อิโตชิ ริน เป็นสามีครับ"
"อิโตชิ ริน นายยินดีที่จะรับ อิซางิ โยอิจิ คนนี้เป็นสามีของนายหรือเปล่า"
.
.
.
"อิโตชิ ริน ยินดีที่จะรับ อิซางิ โยอิจิ เป็นสามี"
"ทำไมถึง...."
"ก็แค่อยากทำ แต่สถานการณ์มันเปลี่ยนไปหมดแล้วเลยทำได้แค่นี้ พิธีที่มีแค่พวกเรา ไม่มีสักขีพยาน ไม่มีครอบครัวมาร่วมอวยพร ไม่มีแขกมาแสดงความยินดี"
สองมือหนาประคองถ้วยชาไว้ในมือพลางก้มมองเงาสะท้อนของตนที่ปรากฏบนนั้น
"ทำไมถึง...."
"ก็แค่อยากทำ แต่สถานการณ์มันเปลี่ยนไปหมดแล้วเลยทำได้แค่นี้ พิธีที่มีแค่พวกเรา ไม่มีสักขีพยาน ไม่มีครอบครัวมาร่วมอวยพร ไม่มีแขกมาแสดงความยินดี"
สองมือหนาประคองถ้วยชาไว้ในมือพลางก้มมองเงาสะท้อนของตนที่ปรากฏบนนั้น
"อิซางิ โยอิจิ" การเรียกด้วยชื่อและนามสกุลเต็มยศเช่นนี้ทำเอาเจ้าของชื่อรู้สึกไม่ดี กลืนน้ำลายเหนียวลงคออึกใหญ่ก่อนจะขานรับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"แต่งงานกับฉันนะ"
"เอ๊ะ"
"อิซางิ โยอิจิ" การเรียกด้วยชื่อและนามสกุลเต็มยศเช่นนี้ทำเอาเจ้าของชื่อรู้สึกไม่ดี กลืนน้ำลายเหนียวลงคออึกใหญ่ก่อนจะขานรับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"แต่งงานกับฉันนะ"
"เอ๊ะ"
ท่ามกลางโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงพร้อมกับความสิ้นหวัง ขอแค่มีเธออยู่ข้างกายก็เกินพอ
ด้วยเหตุนี้เอง ในวันถัดมาจึงได้ตัดสินใจทำเช่นนั้น
ท่ามกลางโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงพร้อมกับความสิ้นหวัง ขอแค่มีเธออยู่ข้างกายก็เกินพอ
ด้วยเหตุนี้เอง ในวันถัดมาจึงได้ตัดสินใจทำเช่นนั้น
นัยน์ตาคมจ้องมองใบหน้ายามหลับของคนรักอย่างไม่รู้จักเบื่อ ปลายนิ้วเรียวเกี่ยวเส้นผมที่หล่นลงมาปรกหน้าไปทัดหู เคลื่อนมาเกลี่ยแก้มใสอิ่มฟูอย่างรักใคร่ และรวบตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดแนบอกพร้อมซุกหน้าลงบนต้นอ่อนกลางกระหม่อม
นัยน์ตาคมจ้องมองใบหน้ายามหลับของคนรักอย่างไม่รู้จักเบื่อ ปลายนิ้วเรียวเกี่ยวเส้นผมที่หล่นลงมาปรกหน้าไปทัดหู เคลื่อนมาเกลี่ยแก้มใสอิ่มฟูอย่างรักใคร่ และรวบตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดแนบอกพร้อมซุกหน้าลงบนต้นอ่อนกลางกระหม่อม
ดวงตากลมโตคู่นั้นเอาแต่จ้องมองไม่วางตา สังเกต จดจำ ลอกเลียนแบบ ปรับใช้ และนำมาปฏิบัติ กลายเป็นรูปแบบการต่อสู้ ณ แนวหน้า โดยเน้นการสนับสนุนรินเพื่อเปิดช่องว่างให้อีกฝ่ายโจมตีได้ง่ายขึ้นและคอยไกด์เป็นระยะ
ดวงตากลมโตคู่นั้นเอาแต่จ้องมองไม่วางตา สังเกต จดจำ ลอกเลียนแบบ ปรับใช้ และนำมาปฏิบัติ กลายเป็นรูปแบบการต่อสู้ ณ แนวหน้า โดยเน้นการสนับสนุนรินเพื่อเปิดช่องว่างให้อีกฝ่ายโจมตีได้ง่ายขึ้นและคอยไกด์เป็นระยะ