( . .)
c( ゔ 🍵 ┏
こうなったら楽しいかも…
┛
✄┈┈┈
┌
doc: https://shorturl.asia/O6x0Q
1:35 ────ㅇ─── 3:47 ┘
เธอก้าวเข้ามาใกล้เพียงครึ่งก้าว—ไม่ล้ำเส้น แต่ใกล้พอให้เขารู้สึกได้ว่าตอนนี้ระยะห่างน้อยลงกว่าเดิมมาก
เธอก้าวเข้ามาใกล้เพียงครึ่งก้าว—ไม่ล้ำเส้น แต่ใกล้พอให้เขารู้สึกได้ว่าตอนนี้ระยะห่างน้อยลงกว่าเดิมมาก
มิโซระหยุดนิ่งไปเพียงเสี้ยวลมหายใจ—เสี้ยวเดียวเท่านั้นที่ไม่อาจอ่านได้
ท้องฟ้ายามเย็นทอประกายสีส้มอ่อนพาดผ่านกระจก ทำให้แสงบนแก้มของยาชิมะดูอบอุ่นขึ้นกว่าเดิม
และอาจเป็นเพราะแบบนั้น…หรือเพราะคำพูดตรงไปตรงมาของเขา
แต่ดวงตาสีฟ้าของเธอกลับสั่นวูบเล็กน้อย
มิโซระเบือนใบหน้าออกเล็กน้อย รอยยิ้มขำในลำคอผุดขึ้นมาเบาๆ
เธอเงยสายตากลับไปมองเขาตรงๆอีกครั้ง
มิโซระหยุดนิ่งไปเพียงเสี้ยวลมหายใจ—เสี้ยวเดียวเท่านั้นที่ไม่อาจอ่านได้
ท้องฟ้ายามเย็นทอประกายสีส้มอ่อนพาดผ่านกระจก ทำให้แสงบนแก้มของยาชิมะดูอบอุ่นขึ้นกว่าเดิม
และอาจเป็นเพราะแบบนั้น…หรือเพราะคำพูดตรงไปตรงมาของเขา
แต่ดวงตาสีฟ้าของเธอกลับสั่นวูบเล็กน้อย
มิโซระเบือนใบหน้าออกเล็กน้อย รอยยิ้มขำในลำคอผุดขึ้นมาเบาๆ
เธอเงยสายตากลับไปมองเขาตรงๆอีกครั้ง
❝ แต่ให้เบอร์ใครง่าย ๆ แบบนี้…ปกติทำบ่อยหรือเปล่าคะ? ❞
ประโยคติดจะหยอก เสียงนิ่มแต่ถามตรงๆ
ริมฝีปากของมิโซระโค้งขึ้นเล็กน้อสก่อนเอ่ยถามไป
❝ แต่ให้เบอร์ใครง่าย ๆ แบบนี้…ปกติทำบ่อยหรือเปล่าคะ? ❞
ประโยคติดจะหยอก เสียงนิ่มแต่ถามตรงๆ
ริมฝีปากของมิโซระโค้งขึ้นเล็กน้อสก่อนเอ่ยถามไป
เธอเหลือบลงมองโทรศัพท์ในมือของยาชิมะก่อนจะยกสายตากลับขึ้นด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
สัมผัสสายตานั้นเพียงวินาทีเดียว ก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กคนนี้…กำลังพยายามอย่างที่สุด
และมันดัน น่ารักเกินความจำเป็น
เธอยื่นมือไปรับ—ไม่รีบ ไม่ช้า
ฝ่ามือเย็น ๆ ของเธอแตะหลังมืออุ่นของเขาเบาๆ
❝ ไม่รังเกียจหรอกค่ะ… ❞
เธอเหลือบลงมองโทรศัพท์ในมือของยาชิมะก่อนจะยกสายตากลับขึ้นด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
สัมผัสสายตานั้นเพียงวินาทีเดียว ก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กคนนี้…กำลังพยายามอย่างที่สุด
และมันดัน น่ารักเกินความจำเป็น
เธอยื่นมือไปรับ—ไม่รีบ ไม่ช้า
ฝ่ามือเย็น ๆ ของเธอแตะหลังมืออุ่นของเขาเบาๆ
❝ ไม่รังเกียจหรอกค่ะ… ❞
แววตาของเธอฉายชัด
เธอยกมือขึ้นเกลี่ยปอยผมที่พลิ้วตามลม พลางหันกลับมาสบตาเขาอีกครั้ง
"ถ้าเป็นคนอื่น...ฉันคงปฏิเสธไปแล้วล่ะะ"
ปลายน้ำเสียงเน้นชัด
ก่อนจะก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย พร้อมทิ้งรอยยิ้มละมุนไว้แทนคำตอบที่แท้จริง
" แต่..ก็คงพอจะหาช่วงเวลาให้ได้อยู่ หรอกนะ ยาชิมะคุง "
แววตาของเธอฉายชัด
เธอยกมือขึ้นเกลี่ยปอยผมที่พลิ้วตามลม พลางหันกลับมาสบตาเขาอีกครั้ง
"ถ้าเป็นคนอื่น...ฉันคงปฏิเสธไปแล้วล่ะะ"
ปลายน้ำเสียงเน้นชัด
ก่อนจะก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย พร้อมทิ้งรอยยิ้มละมุนไว้แทนคำตอบที่แท้จริง
" แต่..ก็คงพอจะหาช่วงเวลาให้ได้อยู่ หรอกนะ ยาชิมะคุง "
สายลมอุ่นพัดเอาปอยผมสีน้ำเงินเข้มให้พลิ้วไหว เธอยกมือเกลี่ยมันอย่างใจเย็น ก่อนเอียงศีรษะเล็กน้อย
" แค่..มองหน้าใกล้ๆแล้วรู้สึกเหมือนเคยเจอ หน่ะค่ะ "
น้ำเสียงนุ่มละมุนคล้ายท้องฟ้าหลังฝนจาง
ดวงตาสีฟ้าลึกสบเขาแน่วแน่เพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่เธอจะเบือนสายตาออกไปมองท้องฟ้าแทน
สายลมอุ่นพัดเอาปอยผมสีน้ำเงินเข้มให้พลิ้วไหว เธอยกมือเกลี่ยมันอย่างใจเย็น ก่อนเอียงศีรษะเล็กน้อย
" แค่..มองหน้าใกล้ๆแล้วรู้สึกเหมือนเคยเจอ หน่ะค่ะ "
น้ำเสียงนุ่มละมุนคล้ายท้องฟ้าหลังฝนจาง
ดวงตาสีฟ้าลึกสบเขาแน่วแน่เพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่เธอจะเบือนสายตาออกไปมองท้องฟ้าแทน
"โคโทริ มิโซระ”
เธอเห็นสีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย ราวกับกำลังเชื่อมโยงบางอย่างในความคิด—อาจเป็นเสียงซุบซิบที่เคยได้ยิน หรือภาพจากความทรงจำที่เคยผ่านมาแวบหนึ่ง
มิโซระเอียงคอเล็กน้อย ดวงตาที่จับจ้องไม่ละไปไหนพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย
“เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่าคะ”
"โคโทริ มิโซระ”
เธอเห็นสีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย ราวกับกำลังเชื่อมโยงบางอย่างในความคิด—อาจเป็นเสียงซุบซิบที่เคยได้ยิน หรือภาพจากความทรงจำที่เคยผ่านมาแวบหนึ่ง
มิโซระเอียงคอเล็กน้อย ดวงตาที่จับจ้องไม่ละไปไหนพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย
“เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่าคะ”
"ยาชิมะ… ทัตสึกิ"
เธอลองขานชื่อช้า ๆ เสียงสะกดแต่ละพยางค์เหมือนมีน้ำหนักกว่าชื่อของคนแปลกหน้าทั่วไป
ริมฝีปากคลี่ยิ้มบาง—เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ตอบสนองเพียงคำถาม แต่ตอบรับทั้งน้ำเสียงที่ยังติดประหม่า และแววตาไม่คุ้นเคยนั้น
“มิโซระค่ะ”
เอ่ยออกไปเพียงสั้น ๆ แต่เจือสำเนียงที่นุ่มราวเสียงลมในฤดูร้อน
"ยาชิมะ… ทัตสึกิ"
เธอลองขานชื่อช้า ๆ เสียงสะกดแต่ละพยางค์เหมือนมีน้ำหนักกว่าชื่อของคนแปลกหน้าทั่วไป
ริมฝีปากคลี่ยิ้มบาง—เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ตอบสนองเพียงคำถาม แต่ตอบรับทั้งน้ำเสียงที่ยังติดประหม่า และแววตาไม่คุ้นเคยนั้น
“มิโซระค่ะ”
เอ่ยออกไปเพียงสั้น ๆ แต่เจือสำเนียงที่นุ่มราวเสียงลมในฤดูร้อน
ถามอย่างสุภาพ แต่สายตากลับยังมีแววของคนที่ ‘จำหน้าได้แล้ว’ เพียงแต่อยากแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะตอบด้วยชื่อจริงหรือเปล่า
ถามอย่างสุภาพ แต่สายตากลับยังมีแววของคนที่ ‘จำหน้าได้แล้ว’ เพียงแต่อยากแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะตอบด้วยชื่อจริงหรือเปล่า
ปลายเสียงเจือหัวเราะบางเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มมีประกายของความขบขัน
พอได้ฟังคำเตือนในประโยคถัดมา เธอชะงักน้อย ๆ ดวงตากะพริบแผ่ว
“…งั้นก็ดีจังค่ะ ที่คนที่โดนวันนี้ ‘เป็นคุณ’”
ก่อนที่บทสนทนาจะจบลงตรงนั้น เธอจ้องเขาเงียบ ๆ อีกครู่หนึ่ง
ปลายเสียงเจือหัวเราะบางเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มมีประกายของความขบขัน
พอได้ฟังคำเตือนในประโยคถัดมา เธอชะงักน้อย ๆ ดวงตากะพริบแผ่ว
“…งั้นก็ดีจังค่ะ ที่คนที่โดนวันนี้ ‘เป็นคุณ’”
ก่อนที่บทสนทนาจะจบลงตรงนั้น เธอจ้องเขาเงียบ ๆ อีกครู่หนึ่ง
“ถ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วค่ะ”
น้ำเสียงนุ่มนวลของเธอไม่ได้เอ่ยขอโทษซ้ำ แค่โน้มตัวลงเล็กน้อยราวกับเป็นการขอบคุณที่อีกฝ่ายไม่ถือโทษ สีหน้าเรียบนิ่งของเธอมีรอยยิ้มจาง ๆ ประดับไว้ตรงมุมปาก
“ถ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วค่ะ”
น้ำเสียงนุ่มนวลของเธอไม่ได้เอ่ยขอโทษซ้ำ แค่โน้มตัวลงเล็กน้อยราวกับเป็นการขอบคุณที่อีกฝ่ายไม่ถือโทษ สีหน้าเรียบนิ่งของเธอมีรอยยิ้มจาง ๆ ประดับไว้ตรงมุมปาก
ปัดฝุ่นเบา ๆ ก่อนเงยหน้าขึ้น ส่งรอยยิ้มสุภาพแต่นัยน์ตาเจือขำ
> "ของฉันเองค่ะ ขอโทษนะคะที่… ใช้หัวคุณเป็นที่รับฝุ่น"
น้ำเสียงและคำพูดสุภาพเกินกว่าจะโกรธ
กลิ่นสบู่และกลิ่นดอกไม้จาง ๆ จากตัวมิโซระลอยเข้ามาพร้อมสายลม
ทิ้งไว้เพียงภาพของรอยยิ้มที่…ทำให้บ่ายร้อน ๆ กลายเป็นอะไรบางอย่างที่ยากจะลืม
ปัดฝุ่นเบา ๆ ก่อนเงยหน้าขึ้น ส่งรอยยิ้มสุภาพแต่นัยน์ตาเจือขำ
> "ของฉันเองค่ะ ขอโทษนะคะที่… ใช้หัวคุณเป็นที่รับฝุ่น"
น้ำเสียงและคำพูดสุภาพเกินกว่าจะโกรธ
กลิ่นสบู่และกลิ่นดอกไม้จาง ๆ จากตัวมิโซระลอยเข้ามาพร้อมสายลม
ทิ้งไว้เพียงภาพของรอยยิ้มที่…ทำให้บ่ายร้อน ๆ กลายเป็นอะไรบางอย่างที่ยากจะลืม
มิโซระกระพริบตาเพียงครั้ง ก่อนจะหันกลับไปบอกเพื่อนที่อยู่ใกล้ ๆ ว่า
> "ฝากตรงนี้แป๊บหนึ่งนะคะ "
แล้วก็หมุนตัวลงจากแท่นไม้หน้าแผงกระดาน วิ่งออกจากห้องเรียน
เสียงรองเท้าผ้าใบวิ่งเต๊าะแต๊ะกับพื้นทางเดินดังถี่ ๆ ขณะเจ้าตัวมุ่งตรงลงบันได ลมอุ่นของฤดูร้อนตีหน้าเมื่อก้าวออกมาสู่ลานข้างอาคาร
ชายผมฟ้าคนนั้นยังยืนอยู่ตรงเดิม มือกุมขมับไว้ แต่สายตากลับจับจ้อง
มิโซระกระพริบตาเพียงครั้ง ก่อนจะหันกลับไปบอกเพื่อนที่อยู่ใกล้ ๆ ว่า
> "ฝากตรงนี้แป๊บหนึ่งนะคะ "
แล้วก็หมุนตัวลงจากแท่นไม้หน้าแผงกระดาน วิ่งออกจากห้องเรียน
เสียงรองเท้าผ้าใบวิ่งเต๊าะแต๊ะกับพื้นทางเดินดังถี่ ๆ ขณะเจ้าตัวมุ่งตรงลงบันได ลมอุ่นของฤดูร้อนตีหน้าเมื่อก้าวออกมาสู่ลานข้างอาคาร
ชายผมฟ้าคนนั้นยังยืนอยู่ตรงเดิม มือกุมขมับไว้ แต่สายตากลับจับจ้อง
น้ำเสียงตะกุกตะกักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนหลุดออกมา
ปลายนิ้วที่ยังเผลอสัมผัสจุดเดิมบนหัวซ้ำ ๆ เหมือนพยายามเรียกสติ
แต่ทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาก็ยังคงพบกับดวงตาสีฟ้าของคนบนหน้าต่าง…
จนไม่แน่ใจว่าฝุ่นที่ตกใส่หัวหรือสายตาของมิโซระกันแน่ ที่ทำให้หัวใจเขาร้อนกว่าฤดูร้อนในวันนี้
น้ำเสียงตะกุกตะกักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนหลุดออกมา
ปลายนิ้วที่ยังเผลอสัมผัสจุดเดิมบนหัวซ้ำ ๆ เหมือนพยายามเรียกสติ
แต่ทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาก็ยังคงพบกับดวงตาสีฟ้าของคนบนหน้าต่าง…
จนไม่แน่ใจว่าฝุ่นที่ตกใส่หัวหรือสายตาของมิโซระกันแน่ ที่ทำให้หัวใจเขาร้อนกว่าฤดูร้อนในวันนี้
> " ถ้าเจ็บ… ต้องขอโทษจริง ๆ นะคะ "
น้ำเสียงสุภาพ ทว่ามีความขี้เล่นซ่อนอยู่ลึก ๆ
เหมือนกำลังทดสอบว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาอย่างไร
ชายคนนั้นกะพริบตาสองครั้ง ราวกับสมองเพิ่งประมวลสิ่งที่เกิดขึ้นได้
เขายกมือปัดเส้นผมที่ยังมีผงชอล์กติดอยู่ พลางพยายามกลั้นรอยยิ้มบาง ๆ ไว้ในมุมปาก
> " ถ้าเจ็บ… ต้องขอโทษจริง ๆ นะคะ "
น้ำเสียงสุภาพ ทว่ามีความขี้เล่นซ่อนอยู่ลึก ๆ
เหมือนกำลังทดสอบว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาอย่างไร
ชายคนนั้นกะพริบตาสองครั้ง ราวกับสมองเพิ่งประมวลสิ่งที่เกิดขึ้นได้
เขายกมือปัดเส้นผมที่ยังมีผงชอล์กติดอยู่ พลางพยายามกลั้นรอยยิ้มบาง ๆ ไว้ในมุมปาก
จากมุมมองของมิโซระ… เส้นผมสีฟ้าอ่อนนั้นตัดกับแสงแดดยามบ่ายอย่างพอดี
เงาของชายคาอาคารทอดผ่านไหล่เขา ครึ่งหนึ่งอยู่ในแสง อีกครึ่งถูกซ่อนในร่มเงา
ทำให้ใบหน้าที่ช้อนขึ้นมองนั้นยากจะอ่านออกว่าโกรธ ขำ หรือเพียงแค่ตกใจ
มิโซระยกมือแตะขอบหน้าต่างแน่นกว่าเดิม
ริมฝีปากเผยอยิ้มบาง ๆ อย่างรู้สึกผิดแต่ไม่ลนลาน
จากมุมมองของมิโซระ… เส้นผมสีฟ้าอ่อนนั้นตัดกับแสงแดดยามบ่ายอย่างพอดี
เงาของชายคาอาคารทอดผ่านไหล่เขา ครึ่งหนึ่งอยู่ในแสง อีกครึ่งถูกซ่อนในร่มเงา
ทำให้ใบหน้าที่ช้อนขึ้นมองนั้นยากจะอ่านออกว่าโกรธ ขำ หรือเพียงแค่ตกใจ
มิโซระยกมือแตะขอบหน้าต่างแน่นกว่าเดิม
ริมฝีปากเผยอยิ้มบาง ๆ อย่างรู้สึกผิดแต่ไม่ลนลาน
เสียงกระทบที่ดังพอจะทำให้เพื่อน ๆ ในห้องเงียบลงแวบหนึ่ง
เขาโงกหน้าออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วดวงตาก็เบิกกว้าง
ข้างล่างตรงสด้านข้างอาคารมีนักเรียนคนหนึ่งยืนเอามือกุมหัว
ฝุ่นชอล์กสีขาวยังลอยรอบผมของเขาเหมือนหิมะเพิ่งตก
มิโซระเม้มปากนิด ๆ ก่อนจะพูดลงไปด้วยน้ำเสียงสุภาพปนเก้อเขิน
> “เอ่อ ขอโทษนะคะ! คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เสียงกระทบที่ดังพอจะทำให้เพื่อน ๆ ในห้องเงียบลงแวบหนึ่ง
เขาโงกหน้าออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วดวงตาก็เบิกกว้าง
ข้างล่างตรงสด้านข้างอาคารมีนักเรียนคนหนึ่งยืนเอามือกุมหัว
ฝุ่นชอล์กสีขาวยังลอยรอบผมของเขาเหมือนหิมะเพิ่งตก
มิโซระเม้มปากนิด ๆ ก่อนจะพูดลงไปด้วยน้ำเสียงสุภาพปนเก้อเขิน
> “เอ่อ ขอโทษนะคะ! คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
> “ฝุ่นเยอะจริง… ออกไปสะบัดข้างนอกคงดีกว่า”
เขาก้าวไปที่หน้าต่าง ใช้มือซ้ายยันขอบไม้เก่า มือขวายกแปลงขึ้นแล้วตบเบา ๆฝุ่นขาวฟุ้งกระจายออกสู่แสงแดดเป็นละออง
แต่ตอนที่เขากำลังจะหยิบอีกอันมาสะบัด—แปลงลบกระดานในมือซ้ายที่วางพิงไว้ตรงขอบหน้าต่าง กลับลื่นหลุดจากมือ
มิโซระมองมันร่วงลงไปอย่างช้า ๆ
> “ฝุ่นเยอะจริง… ออกไปสะบัดข้างนอกคงดีกว่า”
เขาก้าวไปที่หน้าต่าง ใช้มือซ้ายยันขอบไม้เก่า มือขวายกแปลงขึ้นแล้วตบเบา ๆฝุ่นขาวฟุ้งกระจายออกสู่แสงแดดเป็นละออง
แต่ตอนที่เขากำลังจะหยิบอีกอันมาสะบัด—แปลงลบกระดานในมือซ้ายที่วางพิงไว้ตรงขอบหน้าต่าง กลับลื่นหลุดจากมือ
มิโซระมองมันร่วงลงไปอย่างช้า ๆ