Doc - bit.ly/3T4djRz
มองสองคนที่นั่งประกบตัวเองด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ
แล้วทำไมไม่นั่งด้วยกันสองคน??
"はい???"
แล้วยังไม่ได้ไอติมอีก
ซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรกับโลกใบนี้ ไม่เข้าใจอะไรเลย
ขมวดคิ้วมองไอติมแตงโมกับรามุเนะ
มองสองคนที่นั่งประกบตัวเองด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ
แล้วทำไมไม่นั่งด้วยกันสองคน??
"はい???"
แล้วยังไม่ได้ไอติมอีก
ซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรกับโลกใบนี้ ไม่เข้าใจอะไรเลย
ขมวดคิ้วมองไอติมแตงโมกับรามุเนะ
"ก็แน่สิ จะให้เด็กไปตลอดได้ไง"
ตอบไปโดยที่ไม่มองหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะปล่อยมือแล้วเดินต่อไป
"เรื่องเก่า ๆ ไม่ต้องไปคิดถึงมันหรอก"
"ก็แน่สิ จะให้เด็กไปตลอดได้ไง"
ตอบไปโดยที่ไม่มองหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะปล่อยมือแล้วเดินต่อไป
"เรื่องเก่า ๆ ไม่ต้องไปคิดถึงมันหรอก"
"เป็นเด็กหรือไง"
ตั้งท่าเหมือนจะสะบัดมือทิ้งแต่ก็ไม่ได้ทำแบบนั้น
สุดท้ายเหมือนจะตัดรำคาญด้วยการจับมืออีกฝ่ายกลับแล้วกึ่งจูงกึ่งลากไปด้วยกัน จะได้ไม่ต้องมาทำท่าลีลาเสียเวลาแบบนี้
"เป็นเด็กหรือไง"
ตั้งท่าเหมือนจะสะบัดมือทิ้งแต่ก็ไม่ได้ทำแบบนั้น
สุดท้ายเหมือนจะตัดรำคาญด้วยการจับมืออีกฝ่ายกลับแล้วกึ่งจูงกึ่งลากไปด้วยกัน จะได้ไม่ต้องมาทำท่าลีลาเสียเวลาแบบนี้
"ยินดีที่รู้จัก"
ผงกหัวรับตามมารยาทพลางเดินเลี่ยงบรรยากาศสดใสของพวกเอ็กซ์โทรเวิร์ตมานั่งฟังเงียบ ๆ
ก่อนจะบ่นกระปอดกระแปด
"วันนี้ร้อนชะมัด"
"ยินดีที่รู้จัก"
ผงกหัวรับตามมารยาทพลางเดินเลี่ยงบรรยากาศสดใสของพวกเอ็กซ์โทรเวิร์ตมานั่งฟังเงียบ ๆ
ก่อนจะบ่นกระปอดกระแปด
"วันนี้ร้อนชะมัด"
แต่จริง ๆ แค่เล่นตัวเฉย ๆ
"คาซามะ ปี2โรงเรียนเดียวกัน"
ผงกหัวรับคำทักทางของรุ่นพี่ต่างโรงเรียนที่แนะนำตัว แล้วปล่อยให้ทั้งสองคนคุยกันไป
แต่จริง ๆ แค่เล่นตัวเฉย ๆ
"คาซามะ ปี2โรงเรียนเดียวกัน"
ผงกหัวรับคำทักทางของรุ่นพี่ต่างโรงเรียนที่แนะนำตัว แล้วปล่อยให้ทั้งสองคนคุยกันไป
ในตอนแรกที่ยังไม่โดนเรียกชื่อก็ยังทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินเลี่ยงออกไปต่อได้ แต่พอโดนคนที่รู้จักเรียกชื่อแบบเจาะจงก็เลี่ยงที่จะทำเป็นไขสือตื่อไปได้
หันกลับไปด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย(หรอ) สุดท้ายก็ต้องยอมจำใจเดินเข้าไปร่วมวง(ที่ไม่อยากร่วมด้วยสุด ๆ)โดยที่ไม่พูดกับใครทั้งนั้น
ในตอนแรกที่ยังไม่โดนเรียกชื่อก็ยังทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินเลี่ยงออกไปต่อได้ แต่พอโดนคนที่รู้จักเรียกชื่อแบบเจาะจงก็เลี่ยงที่จะทำเป็นไขสือตื่อไปได้
หันกลับไปด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย(หรอ) สุดท้ายก็ต้องยอมจำใจเดินเข้าไปร่วมวง(ที่ไม่อยากร่วมด้วยสุด ๆ)โดยที่ไม่พูดกับใครทั้งนั้น
สองขาก้าวมาถึงเป็นคนสุดท้ายมองทุกคนที่มาก่อนด้วยสีหน้าที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
ตอนแรกก็ว่าไม่สบอารมณ์อยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นคนที่ดูรับมือด้วยยาก(เซย์จูโร่) กับคนที่ไม่ค่อยอยากเจอเท่าไหร่(ยูมะ) เจ้าตัวก็หันหลังกลับไปทันที
สองขาก้าวมาถึงเป็นคนสุดท้ายมองทุกคนที่มาก่อนด้วยสีหน้าที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
ตอนแรกก็ว่าไม่สบอารมณ์อยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นคนที่ดูรับมือด้วยยาก(เซย์จูโร่) กับคนที่ไม่ค่อยอยากเจอเท่าไหร่(ยูมะ) เจ้าตัวก็หันหลังกลับไปทันที
สองขาก้าวออกไปจากตรงนั้นทันทีโดยที่ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวก็เดินนำไปทางที่ตัวเองจะไปก่อนแล้ว
สองขาก้าวออกไปจากตรงนั้นทันทีโดยที่ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวก็เดินนำไปทางที่ตัวเองจะไปก่อนแล้ว
เขายกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายแมงกะพรุนภาพสองภาพ ทั้งที่ดูจะไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำเลย บรรยากาศที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยชวนให้อึดอัด จนสุดท้ายก็เป็นเจ้าตัวเองที่ทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้
"ฉันจะไปตรงนั้นต่อ"
เขายกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายแมงกะพรุนภาพสองภาพ ทั้งที่ดูจะไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำเลย บรรยากาศที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยชวนให้อึดอัด จนสุดท้ายก็เป็นเจ้าตัวเองที่ทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้
"ฉันจะไปตรงนั้นต่อ"
ทั้ง ๆ เลี่ยงอีกฝ่ายมาตลอดแต่ตอนนี้กลับไม่ได้ปฏิเสธไปอย่างเคย แต่ก็ไม่ได้ตอบตกลงเช่นกัน
เพราะมีธุระกับเจ้าแมงกะพรุนที่ว่าจึงจำเป็นต้องไปทางเดียวกัน แม้จะไม่ค่อยอยากเดินไปด้วยกันเท่าไหร่
สุดท้ายก็เดินนำไปโดยที่ไม่พูดอะไร
ทั้ง ๆ เลี่ยงอีกฝ่ายมาตลอดแต่ตอนนี้กลับไม่ได้ปฏิเสธไปอย่างเคย แต่ก็ไม่ได้ตอบตกลงเช่นกัน
เพราะมีธุระกับเจ้าแมงกะพรุนที่ว่าจึงจำเป็นต้องไปทางเดียวกัน แม้จะไม่ค่อยอยากเดินไปด้วยกันเท่าไหร่
สุดท้ายก็เดินนำไปโดยที่ไม่พูดอะไร
"กินข้าวซะ"
"ยังไงนายก็ต้องกินคนเดียวอยู่ดี"
เขาพูดขึ้นมาเหมือนกับคำสั่งนิด ๆ
เพราะยังไงซะตัวเขาเองก็ไม่มีทางยอมถ่อไปซื้อข้าวเพื่อมานั่งกินร่วมโต๊ะกับเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าตรงหน้าแน่ ๆ
"กินข้าวซะ"
"ยังไงนายก็ต้องกินคนเดียวอยู่ดี"
เขาพูดขึ้นมาเหมือนกับคำสั่งนิด ๆ
เพราะยังไงซะตัวเขาเองก็ไม่มีทางยอมถ่อไปซื้อข้าวเพื่อมานั่งกินร่วมโต๊ะกับเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าตรงหน้าแน่ ๆ
เขายังคงตอบกลับไปอย่างเย็นชา พร้อมกับเอนตัวลงพิงกับพนักเก้าอี้เหมือนกันไม่ใส่ใจคนตรงหน้าเท่าไหร่นัก
เมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนประเด็นเริ่มพูดเรื่องอื่น เจ้าตัวก็ทำเป็นหูทวนลมและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
จริง ๆ ต้องเรียกว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องตอบมากกว่า...
เขายังคงตอบกลับไปอย่างเย็นชา พร้อมกับเอนตัวลงพิงกับพนักเก้าอี้เหมือนกันไม่ใส่ใจคนตรงหน้าเท่าไหร่นัก
เมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนประเด็นเริ่มพูดเรื่องอื่น เจ้าตัวก็ทำเป็นหูทวนลมและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
จริง ๆ ต้องเรียกว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องตอบมากกว่า...
เขาตอบกลับไปด้วยท่าทีที่ดูจะไม่สนใจเรื่องที่พูดขึ้นมาพอ ๆ กับคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
"จะกินข้าวไม่ใช่หรือไง"
เขาตอบกลับไปด้วยท่าทีที่ดูจะไม่สนใจเรื่องที่พูดขึ้นมาพอ ๆ กับคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
"จะกินข้าวไม่ใช่หรือไง"
อ่านไลน์แล้วแต่ไม่มีท่าทีว่าจะตอบกลับไป
อ่านไลน์แล้วแต่ไม่มีท่าทีว่าจะตอบกลับไป
พออีกคนมัดมือชกด้วยการลากเก้าอีกมานั่งดื้อ ๆ แบบนี้ทำให้ทัตสึยะไม่มีโอกาสได้เดินหนีออกไปก่อน จึงถามถึงสิ่งที่คนตรงหน้าต้องการด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
"บอกแล้วไงว่าฉันไม่กิน"
พออีกคนมัดมือชกด้วยการลากเก้าอีกมานั่งดื้อ ๆ แบบนี้ทำให้ทัตสึยะไม่มีโอกาสได้เดินหนีออกไปก่อน จึงถามถึงสิ่งที่คนตรงหน้าต้องการด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
"บอกแล้วไงว่าฉันไม่กิน"