Doc : https://bit.ly/KMI_Sora_Profiles
ยกมือขึ้นปิดปากส่งเสียงวิงวอนอีกฝ่าย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีอีกคนที่พูดทำนองเข้าข่ายนินทาไปด้วย
"อย่าบอกลูน่าจังว่าผมบอกว่าลูน่าจังน่ากลัวด้วยนะครับ ลูน่าจังบอกว่าลูน่าจังเป็นเด็กน่ารักมากๆ ผมต้องบอกคนอื่นอย่างนี้ด้วย"
ยกมือขึ้นปิดปากส่งเสียงวิงวอนอีกฝ่าย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีอีกคนที่พูดทำนองเข้าข่ายนินทาไปด้วย
"อย่าบอกลูน่าจังว่าผมบอกว่าลูน่าจังน่ากลัวด้วยนะครับ ลูน่าจังบอกว่าลูน่าจังเป็นเด็กน่ารักมากๆ ผมต้องบอกคนอื่นอย่างนี้ด้วย"
"ใช่ไหมครับ ก่อนหน้านี้ผมเห็นเมฆที่เหมือนปลาวาฬตัวใหญ่ๆ แล้วก็เกาะลอยฟ้าด้วย ถ้าขึ้นไปบนนั้นได้ คงจะสนุกน่าดู"
พูดเจื้อแจ้วไป ก่อนจะวกกลับไปคำถามที่ได้ยิน
"เมื่อกี้เท็นโซซังถามว่าผมสนิทกับโซซามะกับมินะจังไหม.."
"มินะจังกับผมเป็นเพื่อนสนิทกันมากๆตั้งแต่เด็กแล้ว นอกจากมินะจังก็มีลูน่าจังอีกคน แต่ลูน่าจังบางทีก็น่ากลัวเกินไป"
+
"ใช่ไหมครับ ก่อนหน้านี้ผมเห็นเมฆที่เหมือนปลาวาฬตัวใหญ่ๆ แล้วก็เกาะลอยฟ้าด้วย ถ้าขึ้นไปบนนั้นได้ คงจะสนุกน่าดู"
พูดเจื้อแจ้วไป ก่อนจะวกกลับไปคำถามที่ได้ยิน
"เมื่อกี้เท็นโซซังถามว่าผมสนิทกับโซซามะกับมินะจังไหม.."
"มินะจังกับผมเป็นเพื่อนสนิทกันมากๆตั้งแต่เด็กแล้ว นอกจากมินะจังก็มีลูน่าจังอีกคน แต่ลูน่าจังบางทีก็น่ากลัวเกินไป"
+
อาจจะเพราะกำลังคุยคค้างเอาไว้ ทำให้เจ้าตัวชี้มือขึ้นไป เพื่อชี้ให้ดูก่อน แทนที่จะหยุดเดิน แล้วเปลี่ยนทิศไปตามที่เมฆลอยผ่าน(?)เอาดื้อๆ
“เท็นโซซัง เมฆก้อนนั้นเหมือนโดนัทเลยครับ”
อาจจะเพราะกำลังคุยคค้างเอาไว้ ทำให้เจ้าตัวชี้มือขึ้นไป เพื่อชี้ให้ดูก่อน แทนที่จะหยุดเดิน แล้วเปลี่ยนทิศไปตามที่เมฆลอยผ่าน(?)เอาดื้อๆ
“เท็นโซซัง เมฆก้อนนั้นเหมือนโดนัทเลยครับ”
โซระตบมือเบาๆอย่างชอบใจ
ก่อนจะครุ่นคิดเมื่ออีกฝ่ายชวนคุย
“ของที่ผมชอบ?---“
“ผมชอบอาหารที่โชซามะทำ แต่โชซามะไม่ค่อยทำอาหารที่เด็กกินได้สักเท่าไร แล้วก็ชอบเล่นเกมกับมินะจัง มินะจังเล่นเกมเก่งมาก นอกจากนั้น.....”
+
โซระตบมือเบาๆอย่างชอบใจ
ก่อนจะครุ่นคิดเมื่ออีกฝ่ายชวนคุย
“ของที่ผมชอบ?---“
“ผมชอบอาหารที่โชซามะทำ แต่โชซามะไม่ค่อยทำอาหารที่เด็กกินได้สักเท่าไร แล้วก็ชอบเล่นเกมกับมินะจัง มินะจังเล่นเกมเก่งมาก นอกจากนั้น.....”
+
.
หากเลื่อนสายตาขึ้นไปจากหน้าจอ จะเห็นว่าเจ้าของมือถือนั้นยังแสดงสีหน้าไม่รู้เรื่อง เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังหลงทางเลยสักนิด
.
หากเลื่อนสายตาขึ้นไปจากหน้าจอ จะเห็นว่าเจ้าของมือถือนั้นยังแสดงสีหน้าไม่รู้เรื่อง เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังหลงทางเลยสักนิด
.
ต่อจากนั้นก็เป็นลายมือที่เห็นได้ชัดว่ามาจากคนเขียนอีกคน
.
[ปล.โซระอาจจะหยุดเดินและออกนอกเส้นทาง แม้ว่าจะมีคนนำทางให้ กรุณาพูดคุยกับเขา และตรวจเช็คว่าเขายังอยู่เป็นระยะ
+
.
ต่อจากนั้นก็เป็นลายมือที่เห็นได้ชัดว่ามาจากคนเขียนอีกคน
.
[ปล.โซระอาจจะหยุดเดินและออกนอกเส้นทาง แม้ว่าจะมีคนนำทางให้ กรุณาพูดคุยกับเขา และตรวจเช็คว่าเขายังอยู่เป็นระยะ
+
.
[ถึงใครก็ตามที่ได้อ่านข้อความนี้
หากคุณได้พบเด็กชายที่มีชื่อว่าโซระ และเขาไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน หรือต้องการจะไปที่ไหน... สรุปง่ายๆว่าถ้าพบเด็กคนนี้ที่ไหน ขอความกรุณาพากลับมาส่งที่ร้านยูเมะโนะทซึคิ
+
.
[ถึงใครก็ตามที่ได้อ่านข้อความนี้
หากคุณได้พบเด็กชายที่มีชื่อว่าโซระ และเขาไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน หรือต้องการจะไปที่ไหน... สรุปง่ายๆว่าถ้าพบเด็กคนนี้ที่ไหน ขอความกรุณาพากลับมาส่งที่ร้านยูเมะโนะทซึคิ
+
"ผมบอกไม่ถูก แต่อันจุซามะเคยบอกว่า ถ้ามีคนใจดีถามว่าร้านอยู่ที่ไหน ให้เอาสิ่งนี้ให้ดู"
หยิบมือถือขึ้นมา เลื่อนนิ้วผ่านเหมือนค้นหาอะไรสักอย่าง
"เท็นโซซังดูเป็นคนใจดี ดังนั้นผมคิดว่าน่าจะให้ดูได้"
+
"ผมบอกไม่ถูก แต่อันจุซามะเคยบอกว่า ถ้ามีคนใจดีถามว่าร้านอยู่ที่ไหน ให้เอาสิ่งนี้ให้ดู"
หยิบมือถือขึ้นมา เลื่อนนิ้วผ่านเหมือนค้นหาอะไรสักอย่าง
"เท็นโซซังดูเป็นคนใจดี ดังนั้นผมคิดว่าน่าจะให้ดูได้"
+
เรียกตามคำแนะนำตัวอย่างว่าง่าย โดยไม่ถามว่าเป็นชื่อตัวหรือนามสกุลด้วยซ้ำ
"ร้านยูเมะโนะทซึคิ เป็นร้านคาเฟ่ครับ เราขายเครื่องดื่ม ขนม แล้วก็มีอาหารด้วย มีเมนูพิเศษเป็นข้าวแกงกระหรี่ของมินะจัง ข้าวห่อไข่ของผม แล้วก็คาราอาเกะของลูน่า~~"
ยกนิ้วนับแล้วรู้สึกเหมือนเมนูพิเศษจะหายไปบางอย่าง
"มีแพนเค้กของยูเมะจังด้วย แล้วก็น้ำเปล่าแสนสดชื่นของท่านองเมียวจิ"
เรียกตามคำแนะนำตัวอย่างว่าง่าย โดยไม่ถามว่าเป็นชื่อตัวหรือนามสกุลด้วยซ้ำ
"ร้านยูเมะโนะทซึคิ เป็นร้านคาเฟ่ครับ เราขายเครื่องดื่ม ขนม แล้วก็มีอาหารด้วย มีเมนูพิเศษเป็นข้าวแกงกระหรี่ของมินะจัง ข้าวห่อไข่ของผม แล้วก็คาราอาเกะของลูน่า~~"
ยกนิ้วนับแล้วรู้สึกเหมือนเมนูพิเศษจะหายไปบางอย่าง
"มีแพนเค้กของยูเมะจังด้วย แล้วก็น้ำเปล่าแสนสดชื่นของท่านองเมียวจิ"
"ดีจังเลย ขอบคุณมากๆเลยครับ"
ราวกับมีดอกไม้บานอยู่ด้านหลังเสียงสูงต่ำเหล่านั้น
"อ๊ะ! เหมือนจะลืมเรื่องสำคัญไป ผมชื่อโซระครับ สึกิโนะ โซระ เป็นเด็กช่วยงานที่ร้านยูเมะโนะทซึคิ"
"โชซามะบอกว่าถ้าเจอใครให้ชวนไปที่ร้านเยอะๆ"
"นอกจากผมจะอาสาออกมาซื้อของแล้ว ยังชวนลูกค้าเข้าร้านได้อีก ผมต้องได้รับคำชมแน่ๆ"
"ดีจังเลย ขอบคุณมากๆเลยครับ"
ราวกับมีดอกไม้บานอยู่ด้านหลังเสียงสูงต่ำเหล่านั้น
"อ๊ะ! เหมือนจะลืมเรื่องสำคัญไป ผมชื่อโซระครับ สึกิโนะ โซระ เป็นเด็กช่วยงานที่ร้านยูเมะโนะทซึคิ"
"โชซามะบอกว่าถ้าเจอใครให้ชวนไปที่ร้านเยอะๆ"
"นอกจากผมจะอาสาออกมาซื้อของแล้ว ยังชวนลูกค้าเข้าร้านได้อีก ผมต้องได้รับคำชมแน่ๆ"
"แต่ว่านะครับ พี่ชายพูดผิดไปอย่างหนึ่งแน่ๆ คือก่อนหน้านี้จนถึงตอนนี้ ผมก็ไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไร"
สีหน้านั้นค่อยๆเหมือนมีเมฆฝนลอยมาอยู่เหนือหัว
"น้ำตาลของที่ร้านใกล้จะหมด แล้วไม่มีใครว่าง ผมก็เลยอาสาออกมาซื้อ"
โชระเล่าไปเรื่อยๆ
"แล้วผมเดินหาร้านขายน้ำตาลไม่เจอสักที"
"ผมก็เลยกังวลใจมากๆเลยครับ"
"แต่ว่านะครับ พี่ชายพูดผิดไปอย่างหนึ่งแน่ๆ คือก่อนหน้านี้จนถึงตอนนี้ ผมก็ไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไร"
สีหน้านั้นค่อยๆเหมือนมีเมฆฝนลอยมาอยู่เหนือหัว
"น้ำตาลของที่ร้านใกล้จะหมด แล้วไม่มีใครว่าง ผมก็เลยอาสาออกมาซื้อ"
โชระเล่าไปเรื่อยๆ
"แล้วผมเดินหาร้านขายน้ำตาลไม่เจอสักที"
"ผมก็เลยกังวลใจมากๆเลยครับ"
“ผมไม่ได้หลงทางนะ”
น้ำเสียงนั้นดูเด็กกว่าอายุภายนอก ซ้ำยังพูดด้วยคำพูดที่เหมือนเด็กประถมมากกว่าเด็กมัธยม
“ผมแค่ไม่รู้ว่าผมกำลังอยู่ที่ไหนต่างหาก”
“ผมไม่ได้หลงทางนะ”
น้ำเสียงนั้นดูเด็กกว่าอายุภายนอก ซ้ำยังพูดด้วยคำพูดที่เหมือนเด็กประถมมากกว่าเด็กมัธยม
“ผมแค่ไม่รู้ว่าผมกำลังอยู่ที่ไหนต่างหาก”
ถ้าเป็นเวลาปกติ เด็กชายคงจะร้องประท้วง แล้วก็ร้องไห้โฮไปฟ้องใครสักคนแล้ว---
แต่เพราะตอนนั้นอยู่ข้างนอกไม่ใช่ในร้าน ซ้ำยังไม่มีใครให้เด็กชายไปร้องไห้ร้องขอความเห็นใจ เจ้าตัวเลยได้แค่ทำหน้ามุ่ยลงเท่านั้น
กระทั่งได้ยินเสียงจากคนที่สูงกว่า
+
ถ้าเป็นเวลาปกติ เด็กชายคงจะร้องประท้วง แล้วก็ร้องไห้โฮไปฟ้องใครสักคนแล้ว---
แต่เพราะตอนนั้นอยู่ข้างนอกไม่ใช่ในร้าน ซ้ำยังไม่มีใครให้เด็กชายไปร้องไห้ร้องขอความเห็นใจ เจ้าตัวเลยได้แค่ทำหน้ามุ่ยลงเท่านั้น
กระทั่งได้ยินเสียงจากคนที่สูงกว่า
+
“นี่ๆๆ พาผมกลับไปที่เดิมหน่อยสิ ถ้าเป็นที่เดิมตรงนั้นล่ะก็ ผมต้องรู้ทางไปต่อแน่ๆ”
ประโยคท้ายนั้นเจ้าตัวก้มเหมือนตั้งใจคุยกับเจ้าเหมียวจริงๆ
“นี่ๆๆ พาผมกลับไปที่เดิมหน่อยสิ ถ้าเป็นที่เดิมตรงนั้นล่ะก็ ผมต้องรู้ทางไปต่อแน่ๆ”
ประโยคท้ายนั้นเจ้าตัวก้มเหมือนตั้งใจคุยกับเจ้าเหมียวจริงๆ
เด็กชายเอียงคอ คิดท่ามกลางเสียงร้องเรียกของเจ้าเหมียวทั้งหลาย
ก่อนจะถอนหายใจ ขมวดคิ้ว แล้วก็ถอยหายใจอีกครั้ง
ราวกับเรื่องที่จะทำต่อไปนั้น เป็นเรื่องที่เจ้าตัวทั้งลังเลและไม่อยากทำเป็นอย่างมาก
“ถ้าอย่างนั้น....”
คำพูดสะดุดเพราะเจ้าเหมียวสีชาที่เด็กชายเคยเดินตามมาทิ้งตัวอยู่ตรงหน้า
+
เด็กชายเอียงคอ คิดท่ามกลางเสียงร้องเรียกของเจ้าเหมียวทั้งหลาย
ก่อนจะถอนหายใจ ขมวดคิ้ว แล้วก็ถอยหายใจอีกครั้ง
ราวกับเรื่องที่จะทำต่อไปนั้น เป็นเรื่องที่เจ้าตัวทั้งลังเลและไม่อยากทำเป็นอย่างมาก
“ถ้าอย่างนั้น....”
คำพูดสะดุดเพราะเจ้าเหมียวสีชาที่เด็กชายเคยเดินตามมาทิ้งตัวอยู่ตรงหน้า
+
“และก็ อ้า~~~ ผมจำไม่ได้แล้ว”
“เอาเป็นว่ารู้สึกตัวอีกที ก็ก่อนที่คุณจะทักผมแหละครับ”
สรุปเรียบร้อยก็รอฟังคำตอบตาแป๋ว ราวกับกำลังรอคำแนะนำจากรุ่นพี่ผู้ชำนาญ
“และก็ อ้า~~~ ผมจำไม่ได้แล้ว”
“เอาเป็นว่ารู้สึกตัวอีกที ก็ก่อนที่คุณจะทักผมแหละครับ”
สรุปเรียบร้อยก็รอฟังคำตอบตาแป๋ว ราวกับกำลังรอคำแนะนำจากรุ่นพี่ผู้ชำนาญ
“ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนะครับ....” หยิบมือถือขึ้นมาเพราะเป็นสมาท์โฟนไม่ใช่รุ่นฝาพับ ทำให้ต้องใช้นิ้วมือเลื่อนเป็นหลัก
“เอ๋... เหมือนตอนแรกผมจะเดินตามกลีบดอกไม้มา แล้วหลังจากนั้นน อ่ะ~~~ น่าจะเป็นใบไม้ที่มีรูปร่างเหมือนหัวใจ”
นิ้วมือนั้นขยับไปตามคำพูด
“ต่อจากนั้นก็เมฆ แล้วก็... ผมไม่ได้ถ่ายไว้แฮะ แต่เหมือนจะเป็นสายลม เป็นลมที่ดูสวยดี”
+
“ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนะครับ....” หยิบมือถือขึ้นมาเพราะเป็นสมาท์โฟนไม่ใช่รุ่นฝาพับ ทำให้ต้องใช้นิ้วมือเลื่อนเป็นหลัก
“เอ๋... เหมือนตอนแรกผมจะเดินตามกลีบดอกไม้มา แล้วหลังจากนั้นน อ่ะ~~~ น่าจะเป็นใบไม้ที่มีรูปร่างเหมือนหัวใจ”
นิ้วมือนั้นขยับไปตามคำพูด
“ต่อจากนั้นก็เมฆ แล้วก็... ผมไม่ได้ถ่ายไว้แฮะ แต่เหมือนจะเป็นสายลม เป็นลมที่ดูสวยดี”
+
เด็กชายหันมองทางซ้าย หันมองทางขวา ราวกับเพิ่งรู้สึกตัว เขาหันมาที่คุณอีกครั้ง พร้อมทั้งเดินตรงเข้ามาหา
“ขอโทษครับ” เด็กชายเอ่ยขึ้นทันทีที่เดินเข้ามาใกล้
“คือว่า~~ พอจะรู้จักร้านยูเมะโนะทซึคิไหมครับ”
เด็กชายหันมองทางซ้าย หันมองทางขวา ราวกับเพิ่งรู้สึกตัว เขาหันมาที่คุณอีกครั้ง พร้อมทั้งเดินตรงเข้ามาหา
“ขอโทษครับ” เด็กชายเอ่ยขึ้นทันทีที่เดินเข้ามาใกล้
“คือว่า~~ พอจะรู้จักร้านยูเมะโนะทซึคิไหมครับ”
เด็กชายคนนั้นเดินไปสักพัก ก็ละสายตาจากแมวตัวนั้น มองไปยังความว่างเปล่าตรงหน้า--
จากนั้นก็เดินเร่งฝีเท้า ผ่านเจ้าแมวเหมียวตัวนั้น มาจนถึงคนที่พวกแมวกำลังเรียกร้องความสนใจอยู่
+
เด็กชายคนนั้นเดินไปสักพัก ก็ละสายตาจากแมวตัวนั้น มองไปยังความว่างเปล่าตรงหน้า--
จากนั้นก็เดินเร่งฝีเท้า ผ่านเจ้าแมวเหมียวตัวนั้น มาจนถึงคนที่พวกแมวกำลังเรียกร้องความสนใจอยู่
+
“แต่ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งลี้ลับ แล้วถ้าอย่างนั้น ทำไมผมเดินกลับมาที่เดิมได้ล่ะ???”
“แต่ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งลี้ลับ แล้วถ้าอย่างนั้น ทำไมผมเดินกลับมาที่เดิมได้ล่ะ???”
เหมือนถูกสับสวิตซ์ จากท่าทางคล้ายจะบิดเบี้ยว กลับมาเป็นเด็กชายตาแป๋ว
“ถ้าที่โรงเรียนม.ปลาย เกิดเรื่องแบบนี้บ่อยๆ ปีหน้าผมก็ต้องระวังตัวสินะ”
ไม่รู้ว่าคินซามะจะอยู่ที่เมืองนี้อีกนานไหม แต่ถ้าไม่ย้ายไปไหน โซระที่จะเลื่อนระดับชั้นในปีถัดไป ก็ต้องเตรียมตัวไว้ก่อน---
“อ่ะ!” คิดไปไกลข้ามปีไปครู่เดียว โซระก็ทำทางชะงักไป
+
เหมือนถูกสับสวิตซ์ จากท่าทางคล้ายจะบิดเบี้ยว กลับมาเป็นเด็กชายตาแป๋ว
“ถ้าที่โรงเรียนม.ปลาย เกิดเรื่องแบบนี้บ่อยๆ ปีหน้าผมก็ต้องระวังตัวสินะ”
ไม่รู้ว่าคินซามะจะอยู่ที่เมืองนี้อีกนานไหม แต่ถ้าไม่ย้ายไปไหน โซระที่จะเลื่อนระดับชั้นในปีถัดไป ก็ต้องเตรียมตัวไว้ก่อน---
“อ่ะ!” คิดไปไกลข้ามปีไปครู่เดียว โซระก็ทำทางชะงักไป
+
“หรือว่า--- ผมกำลังถูกสิ่งลี้ลับล่อลวงให้เข้าไปซื้ออะไรสักอย่างในนั้น ผมถึงจะกลับออกไปทางปกติได้”
ไม่เพียงน้ำเสียงที่ดูแตกตื่นขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่สีหน้าและท่าทาง ก็คล้ายกับภาพวาดของศิลปินที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นรูปร่างของคนที่บิดเบี้ยวไปทุกขณะ
“หรือว่า--- ผมกำลังถูกสิ่งลี้ลับล่อลวงให้เข้าไปซื้ออะไรสักอย่างในนั้น ผมถึงจะกลับออกไปทางปกติได้”
ไม่เพียงน้ำเสียงที่ดูแตกตื่นขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่สีหน้าและท่าทาง ก็คล้ายกับภาพวาดของศิลปินที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นรูปร่างของคนที่บิดเบี้ยวไปทุกขณะ
“ใช่ไหมครับ ผมก็คิดอยู่ว่าทำไมผมถึงเดินกลับมาที่เดิมได้”
แถมยังพูดโต้ตอบด้วยท่าทางงงงวยอีกต่างหาก
“ผมจำได้ว่าผมตั้งใจจะเดินกลับร้าน แต่... นั่นสิ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมผมถึงมาอยู่ตรงนี้ แล้วก็มาตรงหน้าร้านนี้ด้วย”
+
“ใช่ไหมครับ ผมก็คิดอยู่ว่าทำไมผมถึงเดินกลับมาที่เดิมได้”
แถมยังพูดโต้ตอบด้วยท่าทางงงงวยอีกต่างหาก
“ผมจำได้ว่าผมตั้งใจจะเดินกลับร้าน แต่... นั่นสิ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมผมถึงมาอยู่ตรงนี้ แล้วก็มาตรงหน้าร้านนี้ด้วย”
+
แซะ--
โซระยกโทรศัพท์ถ่ายภาพท้องฟ้า ก่อนที่จะก้าวเท้าเดินเลี้ยวผ่านหน้าร้านแห่งหนึ่ง แล้วก็เดินกลับมาอีกครั้งในเวลาไม่นาน
ครั้งนี้เจ้าตัวยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายอะไรสักอย่างตรงหน้าอีกครั้ง
แล้วก็เอียงคอ ก้าวเท้าขยับเดินเลี้ยวไปในทางที่ตรงข้ามกับตอนแรก
~~แต่ผ่านไปสักพัก... เจ้าตัวก็วนกลับมาที่เดิมอีกครั้ง
"อื้ม..."
ครั้งนี้โซระทำท่าทางคิดอะไรบางอย่าง
แซะ--
โซระยกโทรศัพท์ถ่ายภาพท้องฟ้า ก่อนที่จะก้าวเท้าเดินเลี้ยวผ่านหน้าร้านแห่งหนึ่ง แล้วก็เดินกลับมาอีกครั้งในเวลาไม่นาน
ครั้งนี้เจ้าตัวยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายอะไรสักอย่างตรงหน้าอีกครั้ง
แล้วก็เอียงคอ ก้าวเท้าขยับเดินเลี้ยวไปในทางที่ตรงข้ามกับตอนแรก
~~แต่ผ่านไปสักพัก... เจ้าตัวก็วนกลับมาที่เดิมอีกครั้ง
"อื้ม..."
ครั้งนี้โซระทำท่าทางคิดอะไรบางอย่าง