"หืม แสดงว่าหากเป็นผู้ชาย---?" ถังโบจงใจลากเสียงยาว
ช็องมยองที่รู้ตัวว่าโดนยั่วยุก่อกวนก็ยกเท้าถีบคนข้างตัวไปที ก่อนจะเดินฉุนเฉียวนำไปไกล
ถังโบที่ล้มแหมะอยู่บนพื้นมองตามแผ่นหลังที่ค่อยห่างออกไป ด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนยากอธิบาย
"หืม แสดงว่าหากเป็นผู้ชาย---?" ถังโบจงใจลากเสียงยาว
ช็องมยองที่รู้ตัวว่าโดนยั่วยุก่อกวนก็ยกเท้าถีบคนข้างตัวไปที ก่อนจะเดินฉุนเฉียวนำไปไกล
ถังโบที่ล้มแหมะอยู่บนพื้นมองตามแผ่นหลังที่ค่อยห่างออกไป ด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนยากอธิบาย
ถังโบตั้งหลักได้ก็จัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย "ทำไมรีบออกมาล่ะ? ไม่มีแม่นางคนไหนที่ถูกใจท่านบ้างหรือ?"
"ไม่มี ข้าเป็นนักพรตจะข้องเกี่ยวกับสตรีได้อย่างไร"
"ฮวาซานไม่ได้มีกฎห้ามแต่งงานนินา"
ถังโบตั้งหลักได้ก็จัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย "ทำไมรีบออกมาล่ะ? ไม่มีแม่นางคนไหนที่ถูกใจท่านบ้างหรือ?"
"ไม่มี ข้าเป็นนักพรตจะข้องเกี่ยวกับสตรีได้อย่างไร"
"ฮวาซานไม่ได้มีกฎห้ามแต่งงานนินา"
นางพูดจาเอาใจเสียงหวานจนช็องมยองรู้สึกเข็ดฟัน ทนอยู่ได้อีกครึ่งก้านธูปก็เริ่มเบื่อจึงคว้าเอาคอเสื้อของถังโบลากตัวออกมาจากงาน
"โอ๊ย ๆ เบาหน่อยพี่ชายเซียน! ข้าจะหายใจไม่ออกตายอยู่แล้ว!"
นางพูดจาเอาใจเสียงหวานจนช็องมยองรู้สึกเข็ดฟัน ทนอยู่ได้อีกครึ่งก้านธูปก็เริ่มเบื่อจึงคว้าเอาคอเสื้อของถังโบลากตัวออกมาจากงาน
"โอ๊ย ๆ เบาหน่อยพี่ชายเซียน! ข้าจะหายใจไม่ออกตายอยู่แล้ว!"
พูดคุย ร้องเพลง ต่อบทกลอน หัวข้อสนทนาส่วนใหญ่ก็วนเวียนแต่เรื่องงานศิลป์ ช็องมยองแค่ตอบรับแบบถามคำตอบคำ
แต่คนที่เนื้อหอมดูจะเป็นถังโบ ช็องมยองค่อนข้างประหลาดใจที่เพิ่งได้รู้ว่าอีกฝ่ายต่อบทกลอนเก่งมาก
พูดคุย ร้องเพลง ต่อบทกลอน หัวข้อสนทนาส่วนใหญ่ก็วนเวียนแต่เรื่องงานศิลป์ ช็องมยองแค่ตอบรับแบบถามคำตอบคำ
แต่คนที่เนื้อหอมดูจะเป็นถังโบ ช็องมยองค่อนข้างประหลาดใจที่เพิ่งได้รู้ว่าอีกฝ่ายต่อบทกลอนเก่งมาก
"คิดซะว่าไปหาสุราดื่มฟรีกันเถอะพี่ชายเซียน"
"ความคิดไม่เลว ใครมันกล้าส่งเทียบเชิญแบบนี้มาให้นักพรตกัน?"
คนข้างตัวไม่ตอบ แต่มุมปากกลับยกขึ้นเล็กน้อยจนรอยปุ๋มที่ข้างแก้มปรากฏ
"คิดซะว่าไปหาสุราดื่มฟรีกันเถอะพี่ชายเซียน"
"ความคิดไม่เลว ใครมันกล้าส่งเทียบเชิญแบบนี้มาให้นักพรตกัน?"
คนข้างตัวไม่ตอบ แต่มุมปากกลับยกขึ้นเล็กน้อยจนรอยปุ๋มที่ข้างแก้มปรากฏ
มสด : อย่าได้พลาดพลั้งเชียว...หากเจ้าไม่อยู่ ข้าคงเหงาแย่ องค์ดำ
มสด : อย่าได้พลาดพลั้งเชียว...หากเจ้าไม่อยู่ ข้าคงเหงาแย่ องค์ดำ
มสด : องค์ดำเคยช่วยชีวิตข้า ข้าแค่ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร
สายข่าว : แต่หากทำเช่นนั้น เกิดองค์ดำรู้แล้วคิดแข็งเมืองขึ้นมา...?
มสด : ...นั่นก็ถือว่าสมควรแล้ว ข้ารู้...ว่าสักวันจะต้องเป็นเช่นนั้น
สายข่าว : ...
มสด : ข้ากับเขาแข่งขันกันมาตลอด หากได้รบกันเองจริงก็ถือเป็นโอกาสดี ที่จะได้วัดฝีมือที่แท้จริง เจ้าจงรีบไปแจ้งข่าวเสีย
สายข่าว : พะย่ะค่ะ!
มสด : องค์ดำเคยช่วยชีวิตข้า ข้าแค่ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร
สายข่าว : แต่หากทำเช่นนั้น เกิดองค์ดำรู้แล้วคิดแข็งเมืองขึ้นมา...?
มสด : ...นั่นก็ถือว่าสมควรแล้ว ข้ารู้...ว่าสักวันจะต้องเป็นเช่นนั้น
สายข่าว : ...
มสด : ข้ากับเขาแข่งขันกันมาตลอด หากได้รบกันเองจริงก็ถือเป็นโอกาสดี ที่จะได้วัดฝีมือที่แท้จริง เจ้าจงรีบไปแจ้งข่าวเสีย
สายข่าว : พะย่ะค่ะ!