ทัก โรล โค เวิ่น - 24/7
Doc : https://shorturl.asia/xXpvb
ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังรอการมาถึงของเพื่อนๆ คนอื่นของก่อนจะเข้ามาในร้านทันที
ก็เขาน่ะอยากดื่มกับคนที่รู้จักเสียก่อนจะดื่มทำความรู้จักกับคนอื่นๆ นี้น่า—
ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังรอการมาถึงของเพื่อนๆ คนอื่นของก่อนจะเข้ามาในร้านทันที
ก็เขาน่ะอยากดื่มกับคนที่รู้จักเสียก่อนจะดื่มทำความรู้จักกับคนอื่นๆ นี้น่า—
ลอบกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ที่แสนเจ็บปวดนั้น
เขาสบัดหัวเล็กน้อยไล่ความคิดอันไม่พึงประสงค์ทิ้งไป เขาต้องใจเย็นและโฟกัสสถานการณ์ตอนนี้เสีนก่อน
"เรื่องนี้เอาไว้ทีหลังตอนนี้ต้องรีบพาเอจิไปรักษาแผลก่อนเถอะครับ"
ท่าทางของบาเทนเดอร์หนุ่มใจเย็นแต่ภายในลึกๆ กลับมีความสั่นไหวเล็กๆ เกิดขึ้นเพราะความคิดชั่ววูบของตน
ลอบกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ที่แสนเจ็บปวดนั้น
เขาสบัดหัวเล็กน้อยไล่ความคิดอันไม่พึงประสงค์ทิ้งไป เขาต้องใจเย็นและโฟกัสสถานการณ์ตอนนี้เสีนก่อน
"เรื่องนี้เอาไว้ทีหลังตอนนี้ต้องรีบพาเอจิไปรักษาแผลก่อนเถอะครับ"
ท่าทางของบาเทนเดอร์หนุ่มใจเย็นแต่ภายในลึกๆ กลับมีความสั่นไหวเล็กๆ เกิดขึ้นเพราะความคิดชั่ววูบของตน
"ฮารุใจเย็นๆ ก่อนเถอะ"
พูดปรามฮารุเพื่อให้สงบใจ มือจับแขนอีกฝ่ายไว้เผื่อให้ผ่อนแรงลง
...เป็นอะไรรึเปล่า? ในทีแรกจะกล่าวเช่นนั้นแต่เมื่อเห็นสภาพที่ดูไม่จืดนักของเออิจิทำเอาคำพูกพวกนั้นถูกกลืนลงคอไป
"ฮารุใจเย็นๆ ก่อนเถอะ"
พูดปรามฮารุเพื่อให้สงบใจ มือจับแขนอีกฝ่ายไว้เผื่อให้ผ่อนแรงลง
...เป็นอะไรรึเปล่า? ในทีแรกจะกล่าวเช่นนั้นแต่เมื่อเห็นสภาพที่ดูไม่จืดนักของเออิจิทำเอาคำพูกพวกนั้นถูกกลืนลงคอไป
"...ฟุรุยะ เออิจิ..."
เสียงนั้นแผวเบาลงก่อนที่ร่างกายนั้นจะค่อยๆ กลายเป็นริ้วสีขาวและดอกไม้พวกมันต่างถูกพัดปลิ้วหายไปในคืนฤดูร้อนทิ้งแอ่งสีดำเจิงนองบนพื้นเป็นหลักฐานของการพบพานให้ย้ำเตือนใจ
...ตราบใดที่ยังมีแสงริบหรี่เหลืออยู่แมลงร้ายนี้ก็พร้อมบินเข้าไปใช้อุบายหลอกล่อและกลืนกินเข้าไปอย่างตะกละตะกลามไม่ให้เหลือแม้แต่เศษซาก...
"...ฟุรุยะ เออิจิ..."
เสียงนั้นแผวเบาลงก่อนที่ร่างกายนั้นจะค่อยๆ กลายเป็นริ้วสีขาวและดอกไม้พวกมันต่างถูกพัดปลิ้วหายไปในคืนฤดูร้อนทิ้งแอ่งสีดำเจิงนองบนพื้นเป็นหลักฐานของการพบพานให้ย้ำเตือนใจ
...ตราบใดที่ยังมีแสงริบหรี่เหลืออยู่แมลงร้ายนี้ก็พร้อมบินเข้าไปใช้อุบายหลอกล่อและกลืนกินเข้าไปอย่างตะกละตะกลามไม่ให้เหลือแม้แต่เศษซาก...
นั้นช่างเป็นภาพที่สยดสยองหากนั้นคือหนุ่มบาเทนเดอร์จริงๆ....
+
นั้นช่างเป็นภาพที่สยดสยองหากนั้นคือหนุ่มบาเทนเดอร์จริงๆ....
+
เสียงคำรามต่ำในลำคอเปร่งออกมา
...แต่คงเป็นเพราะอย่างงั้นเลยทำให้แมลงอย่างเขาบินเข้าหา...
...
"ก็คิดอยู่หรอกว่าอยากเก็บไว้...แต่ตอนนี้เริ่มไม่แล้วสิ..."
ยิ่งจิตแข็งกร้าวเท่าไหรนั้นยิ่งยากต่อการเล่นงานตามสไตล์ที่เขาถนัด...
ร่างสูงพุ่งตัวหาอีกฝ่ายขณะง้างกรงเล็บขึ้นเตรียมเฉือดเต็มข้อแต่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะหลบได้ทัน
เสียงคำรามต่ำในลำคอเปร่งออกมา
...แต่คงเป็นเพราะอย่างงั้นเลยทำให้แมลงอย่างเขาบินเข้าหา...
...
"ก็คิดอยู่หรอกว่าอยากเก็บไว้...แต่ตอนนี้เริ่มไม่แล้วสิ..."
ยิ่งจิตแข็งกร้าวเท่าไหรนั้นยิ่งยากต่อการเล่นงานตามสไตล์ที่เขาถนัด...
ร่างสูงพุ่งตัวหาอีกฝ่ายขณะง้างกรงเล็บขึ้นเตรียมเฉือดเต็มข้อแต่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะหลบได้ทัน
กล่าวออกมาด้วยเสียงแหบแห้งหน่อยๆ จากความเสียหายที่เกิดขึ้นบนลำคอ มือจับมีดพกแน่นก่อนจะดึงมันออกและโยนทิ้งไปของเหลวน่าขยะแขยงทะลักออกมาจนเสื้อถูกย้อมเกือบหมด
เสียงกัดฟันกรอดเล็ดรอดมาจากใบหน้าที่บิดเบี้ยว ริ้วประหลาดรั่วไหลออกมาจากบาดแผลพร้อมดอกไม้ที่ผลิบานไม่ต่างจากสิ่งที่อยู่บนใบหน้าบางส่วนก็ร่วงลงสู่พื้น
+
กล่าวออกมาด้วยเสียงแหบแห้งหน่อยๆ จากความเสียหายที่เกิดขึ้นบนลำคอ มือจับมีดพกแน่นก่อนจะดึงมันออกและโยนทิ้งไปของเหลวน่าขยะแขยงทะลักออกมาจนเสื้อถูกย้อมเกือบหมด
เสียงกัดฟันกรอดเล็ดรอดมาจากใบหน้าที่บิดเบี้ยว ริ้วประหลาดรั่วไหลออกมาจากบาดแผลพร้อมดอกไม้ที่ผลิบานไม่ต่างจากสิ่งที่อยู่บนใบหน้าบางส่วนก็ร่วงลงสู่พื้น
+
ความเจ็บบนคอแล่นขึ้นจนชาหน่อยๆ....น่าโมโหและน่าตื่นเต้นในคราวเดียวกัน...
แสงจันทร์ฉายทอดเงาของอมนุษย์ทับร่างตรงหน้าใบหน้าของเขาเกือบจะกลืนไปกับเงาพวกนั้น คอเอนเอียงจนเกือบห้อยแต่งอยู่รอมร่อ
+
ความเจ็บบนคอแล่นขึ้นจนชาหน่อยๆ....น่าโมโหและน่าตื่นเต้นในคราวเดียวกัน...
แสงจันทร์ฉายทอดเงาของอมนุษย์ทับร่างตรงหน้าใบหน้าของเขาเกือบจะกลืนไปกับเงาพวกนั้น คอเอนเอียงจนเกือบห้อยแต่งอยู่รอมร่อ
+
"「ตัวตนของนายมีอยู่ไปทำไมเพื่ออะไรท่ามกลางห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่...」"
"เธอถามทั้งที่ความรู้สึกในใจลึกๆ ของเธอได้ตอบคำถามนั้นอยู่เสมอเลยไม่ใช่หรอครับ"
ว่าพลายยกหลังนิ้วชี้ขึ้นมาหน้าริมฝีปากของตน ดวงตายังคงมองเป้าหมายหน้าตนราวกับกำลังย้อนอ่านหนังสือสักเล่ม
"เธอน่ะ...อยากตายมาตลอดไม่ใช่หรอครับเอจิ"
"「ตัวตนของนายมีอยู่ไปทำไมเพื่ออะไรท่ามกลางห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่...」"
"เธอถามทั้งที่ความรู้สึกในใจลึกๆ ของเธอได้ตอบคำถามนั้นอยู่เสมอเลยไม่ใช่หรอครับ"
ว่าพลายยกหลังนิ้วชี้ขึ้นมาหน้าริมฝีปากของตน ดวงตายังคงมองเป้าหมายหน้าตนราวกับกำลังย้อนอ่านหนังสือสักเล่ม
"เธอน่ะ...อยากตายมาตลอดไม่ใช่หรอครับเอจิ"
"ใช้แค่ความรู้สึกไม่มีทางเล็งโดนหรอกนะ เห็นไหม"
ถอยคำยังคงอยู่ระหว่างการยั่วยุและอุบายหลอกล่อ ความทุกข์ของมนุษย์คือความหฤหรรษ์อย่างแท้จริงของสิ่งลึกลับปริศนาผู้นี้
+
"ใช้แค่ความรู้สึกไม่มีทางเล็งโดนหรอกนะ เห็นไหม"
ถอยคำยังคงอยู่ระหว่างการยั่วยุและอุบายหลอกล่อ ความทุกข์ของมนุษย์คือความหฤหรรษ์อย่างแท้จริงของสิ่งลึกลับปริศนาผู้นี้
+
อมนุษย์หนุ่มผละอีกฝ่ายออกกระทันหันก่อนจะสบัดมือสีดำใส่สร้างรอยบาดแผลถากกึ่งลึกใต้ตาคลาดดวงตาไป
เสียงหัวเราะเปร่งออกมาจากลำคอระหงหน่อยๆ
"อ่า— แต่ก็น่าตื่นเต้นจังเลยนะครับ"
อมนุษย์หนุ่มผละอีกฝ่ายออกกระทันหันก่อนจะสบัดมือสีดำใส่สร้างรอยบาดแผลถากกึ่งลึกใต้ตาคลาดดวงตาไป
เสียงหัวเราะเปร่งออกมาจากลำคอระหงหน่อยๆ
"อ่า— แต่ก็น่าตื่นเต้นจังเลยนะครับ"
ตาคมเหล่มองอีกฝ่ายเขม็งที่จู่ๆก็ใช้ศอกกับตน กลุ่มก้อนแห่งความบิดเบี้ยวยิ่งแพร่ขยายออกตามแรงอารมณ์ขมุกขมัว
"ผมอยากรู้จังเลย ถ้าผมฉีกเธอด้วยมือนี้จะมีใครที่เสียใจเพื่อเธอบ้างกันนะ"
ปลายนิ้วกรงเล็บแหลมลากขึ้นจากท้องขึ้นสู่กลางอกของเออิจิก่อนจะเลื่อนสูงถึงคอทั้งมือแทบจะกุมลำคอนี้ได้ เพียงแค่ออกแรงอีกสักหน่อยก็คงจะ...
+
ตาคมเหล่มองอีกฝ่ายเขม็งที่จู่ๆก็ใช้ศอกกับตน กลุ่มก้อนแห่งความบิดเบี้ยวยิ่งแพร่ขยายออกตามแรงอารมณ์ขมุกขมัว
"ผมอยากรู้จังเลย ถ้าผมฉีกเธอด้วยมือนี้จะมีใครที่เสียใจเพื่อเธอบ้างกันนะ"
ปลายนิ้วกรงเล็บแหลมลากขึ้นจากท้องขึ้นสู่กลางอกของเออิจิก่อนจะเลื่อนสูงถึงคอทั้งมือแทบจะกุมลำคอนี้ได้ เพียงแค่ออกแรงอีกสักหน่อยก็คงจะ...
+
"จะว่าไปดึกขนาดนี้ดอกไม้ไฟน่าจะสวยน่าดูนะครับสำหรับฤดูร้อน"
"...มอดไหม้และสูญสลายไปในเงามืดของค่ำคืนที่เงียบสงบ"
"โรแมนซ์สุดๆ ไปเลยเนอะ"
ว่าออกมาด้วยรอยยิ้มกริ่มท่าทางสบายๆ ด้วยระยะนี้ทำให้รูปร่างปริศนานั้นเกือบจะเหมือนครอบคลุ่มและกลืนกินอีกฝ่ายได้ทุกวินาที
"จะว่าไปดึกขนาดนี้ดอกไม้ไฟน่าจะสวยน่าดูนะครับสำหรับฤดูร้อน"
"...มอดไหม้และสูญสลายไปในเงามืดของค่ำคืนที่เงียบสงบ"
"โรแมนซ์สุดๆ ไปเลยเนอะ"
ว่าออกมาด้วยรอยยิ้มกริ่มท่าทางสบายๆ ด้วยระยะนี้ทำให้รูปร่างปริศนานั้นเกือบจะเหมือนครอบคลุ่มและกลืนกินอีกฝ่ายได้ทุกวินาที
มือมนุษย์จับล็อกข้อมือนั้นอย่างแน่นหนา
"โอะ– อันตรายนะ อย่าเที่ยวหยิบออกมาแท่งซี้ซั้วสิ"
มือออกแรงบีบมากขึ้นเล็กน้อยและดึกอีกฝ่ายเข้ามาประชิดตัวมากขึ้น
+
มือมนุษย์จับล็อกข้อมือนั้นอย่างแน่นหนา
"โอะ– อันตรายนะ อย่าเที่ยวหยิบออกมาแท่งซี้ซั้วสิ"
มือออกแรงบีบมากขึ้นเล็กน้อยและดึกอีกฝ่ายเข้ามาประชิดตัวมากขึ้น
+
ยังคงพูดต่อด้วยเสียงเดียวกับเพื่อนของอีกฝ่ายมือข้างกรงเล็บถูกยกขึ้นขณะเปลือกตาค่อยๆ หรี่ลงอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม
"ถ้าไม่รีบล่ะก็ จะแย่เอานะ..."
พูดพลางเดินเข้าไปใกล้เออิจิอีกครั้งด้วยแต่ครั้งนี้ความอันตรายและความบ้าคลั่งที่ถูกซ่อนไว้ได้เผยออกมาอย่างไม่คิดปิดบังอีกต่อไป
ยังคงพูดต่อด้วยเสียงเดียวกับเพื่อนของอีกฝ่ายมือข้างกรงเล็บถูกยกขึ้นขณะเปลือกตาค่อยๆ หรี่ลงอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม
"ถ้าไม่รีบล่ะก็ จะแย่เอานะ..."
พูดพลางเดินเข้าไปใกล้เออิจิอีกครั้งด้วยแต่ครั้งนี้ความอันตรายและความบ้าคลั่งที่ถูกซ่อนไว้ได้เผยออกมาอย่างไม่คิดปิดบังอีกต่อไป
ริมฝีปากบรรจบลงบนคราบโลหิตจากปลายนิ้วอมนุษย์ ความกลัวของคนตรงหน้าช่างแสนหอมหวานราวกับกาแฟหอมกรุ่นกำลังได้ที่
"ขอโทษที่ผมใจร้ายกับเธอด้วยนะ แต่ในเมื่อเธอรู้แล้วก็ช่วยไม่ได้"
+
ริมฝีปากบรรจบลงบนคราบโลหิตจากปลายนิ้วอมนุษย์ ความกลัวของคนตรงหน้าช่างแสนหอมหวานราวกับกาแฟหอมกรุ่นกำลังได้ที่
"ขอโทษที่ผมใจร้ายกับเธอด้วยนะ แต่ในเมื่อเธอรู้แล้วก็ช่วยไม่ได้"
+
กึก—
เพียงแค่ออกแรงบีบสักหน่อยรอยราวก็ปรากฎขึ้นบนหน้าจอก่อนก่อนที่มันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆร่วงลงสู่พื้น
"ผมคงจะให้เธอทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ ถึงใจจริงการเจอเขาก็ฟังดูน่าสนุกก็เถอะ"
+
กึก—
เพียงแค่ออกแรงบีบสักหน่อยรอยราวก็ปรากฎขึ้นบนหน้าจอก่อนก่อนที่มันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆร่วงลงสู่พื้น
"ผมคงจะให้เธอทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ ถึงใจจริงการเจอเขาก็ฟังดูน่าสนุกก็เถอะ"
+
ใบหน้าตั้งแต่หัวมุมตาขวาค่อยๆ แหวกออกมาอย่างผิดแปลกแทนที่จะเป็นมัดกล้ามเนื้อและโลหิตกลับเป็นสิ่งที่บิดเบี้ยวจนไม่สามารถอธิบายได้พลั่งพูลขึ้นมาปกคลุมใบหน้าเดิม ดวงตาเดิมถูกกลืนกินหายเข้าไปถูกทดแทนด้วยดวงตาอันน่าสะพรึงขวัญ แสงนวลจันทร์ที่ฉายลงมาคลอเคลียบนใบหน้า'เพื่อนของอีกฝ่าย'
มือเรียวยกขึ้นวางบนโทรศัพท์ที่ยังคาสายเอาไว้และค่อยๆ ดันลงเรียกความสนใจคืน
ใบหน้าตั้งแต่หัวมุมตาขวาค่อยๆ แหวกออกมาอย่างผิดแปลกแทนที่จะเป็นมัดกล้ามเนื้อและโลหิตกลับเป็นสิ่งที่บิดเบี้ยวจนไม่สามารถอธิบายได้พลั่งพูลขึ้นมาปกคลุมใบหน้าเดิม ดวงตาเดิมถูกกลืนกินหายเข้าไปถูกทดแทนด้วยดวงตาอันน่าสะพรึงขวัญ แสงนวลจันทร์ที่ฉายลงมาคลอเคลียบนใบหน้า'เพื่อนของอีกฝ่าย'
มือเรียวยกขึ้นวางบนโทรศัพท์ที่ยังคาสายเอาไว้และค่อยๆ ดันลงเรียกความสนใจคืน
ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งสองอย่างกระทันหันมีเพียงเสียงพริ้วของใบไม้ใบหญ้าและเสียงเรไรดังระงมกึกก้องจากแทบป่าไม้รอบข้างชวนให้รู้สึกวังเวงพิกล
ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งสองอย่างกระทันหันมีเพียงเสียงพริ้วของใบไม้ใบหญ้าและเสียงเรไรดังระงมกึกก้องจากแทบป่าไม้รอบข้างชวนให้รู้สึกวังเวงพิกล
ว่าไปพลางก่อนจะชี้ที่เออิจิ
"อย่างเธออาจจะมีตัวตนอยู่เพื่อใครสักคนหรือเป็นอะไรสักอย่างที่แสนสำคัญก็ได้นะ"
ไหวไหล่นิดหน่อย
"—สักวันเธอคงมีคำตอบนั้นเป็นของตัวเองนั้นแหละครับ"
ว่าไปพลางก่อนจะชี้ที่เออิจิ
"อย่างเธออาจจะมีตัวตนอยู่เพื่อใครสักคนหรือเป็นอะไรสักอย่างที่แสนสำคัญก็ได้นะ"
ไหวไหล่นิดหน่อย
"—สักวันเธอคงมีคำตอบนั้นเป็นของตัวเองนั้นแหละครับ"
คำตอบมากมายพุดขึ้นมาในหัวเมื่อได้ยินคำถามแต่เมื่อริมฝีปากปริขึ้นความคิดพวกนั้นก็คล้ายหายไปในความว่างเปล่าของค่ำคืนฤดูร้อน
"ผมน่ะไม่รู้หรอกนะทั้งคำตอบของคำถามนั้นหรือสิ่งที่เธอคาดหวังในคำตอบนั้น"
+
คำตอบมากมายพุดขึ้นมาในหัวเมื่อได้ยินคำถามแต่เมื่อริมฝีปากปริขึ้นความคิดพวกนั้นก็คล้ายหายไปในความว่างเปล่าของค่ำคืนฤดูร้อน
"ผมน่ะไม่รู้หรอกนะทั้งคำตอบของคำถามนั้นหรือสิ่งที่เธอคาดหวังในคำตอบนั้น"
+