#HWWW_COMMU
เจคก่นด่า ส่งเสียงคำรามในลำคอ
มองคุณด้วยสายตาคาดโทษ
ปล่อยให้ทราวิสเดินผ่านชนไหล่ตนไป แล้วก้มลงเก็บหนังสือของตน ปัดฝุ่นออกจากมัน
แล้วหันกลับไปมองอีกคนอย่างไม่พึงพอใจ จวบจนลับสายตาไปจากตรงนั้น
(เค้ามาเอาคืนแล้วอร๊ายยยยยยยยยยยยยย)
เจคก่นด่า ส่งเสียงคำรามในลำคอ
มองคุณด้วยสายตาคาดโทษ
ปล่อยให้ทราวิสเดินผ่านชนไหล่ตนไป แล้วก้มลงเก็บหนังสือของตน ปัดฝุ่นออกจากมัน
แล้วหันกลับไปมองอีกคนอย่างไม่พึงพอใจ จวบจนลับสายตาไปจากตรงนั้น
(เค้ามาเอาคืนแล้วอร๊ายยยยยยยยยยยยยย)
การจับผิดของทราวิสก็ดูจะเป็นเรื่องเล่น ๆ ไป
รับมือเก่ง
หรือเรียกเอาตัวรอดเก่งดี
“เสร็จแล้ว“
”นายเข้ากับวงนั้นดี”
“ใส่ซะสิ“
ทราวิสเปลี่ยนเรื่องหนีปากหวาน
ขยับถอยหนีคนที่โน้มเข้ามาใกล้
พอเลือกวงที่ตัวเองคิดว่าสวยที่สุด เขาก็ยัดกล่องให้กับคาลที่ควรจะใส่มัน คล้ายบงการรสนิยมทางอ้อม
”จะทำอะไรต่อหลังจากปี 7“
การจับผิดของทราวิสก็ดูจะเป็นเรื่องเล่น ๆ ไป
รับมือเก่ง
หรือเรียกเอาตัวรอดเก่งดี
“เสร็จแล้ว“
”นายเข้ากับวงนั้นดี”
“ใส่ซะสิ“
ทราวิสเปลี่ยนเรื่องหนีปากหวาน
ขยับถอยหนีคนที่โน้มเข้ามาใกล้
พอเลือกวงที่ตัวเองคิดว่าสวยที่สุด เขาก็ยัดกล่องให้กับคาลที่ควรจะใส่มัน คล้ายบงการรสนิยมทางอ้อม
”จะทำอะไรต่อหลังจากปี 7“
ตรงที่คุณดันแว่นกับเรื่องเจ้าผ้าขี้ริ้วให้เห็น
ท่าทางจะสนิทกันดีไม่น้อย
”แต่มันแสดงกับอะไรที่เป็นของกินไม่ก็ศัตรูทั้งนั้นนี่“
เขาละสายตาออกจากแหวน
ยักคิ้วทีหนึ่ง
เหมือนพาวนกลับมาคำถามเดิม
คุณทำอะไรให้มันโกรธรึเปล่า
.
.
ตรงที่คุณดันแว่นกับเรื่องเจ้าผ้าขี้ริ้วให้เห็น
ท่าทางจะสนิทกันดีไม่น้อย
”แต่มันแสดงกับอะไรที่เป็นของกินไม่ก็ศัตรูทั้งนั้นนี่“
เขาละสายตาออกจากแหวน
ยักคิ้วทีหนึ่ง
เหมือนพาวนกลับมาคำถามเดิม
คุณทำอะไรให้มันโกรธรึเปล่า
.
.
ฟังเหมือนน้องหมาไม่มีผิด
เขาก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมา
“ก็ฉันเลือก”
เขาจับมือคุณ
คลำเบา ๆ คล้ายกำล้งหาว่าจะใส่ที่นิ้วไหนดี
ก่อนจะหยิบกล่องแหวนอีกมากมายออกมา
เริ่มสวมแหวนวงนั้นวงนี้
กับคุณนิ้วนั้นนิ้วนี้
อย่างกับเล่นแต่งตัวไม่มีผิด
ก่อนจะขำเบา ๆ กับคำที่คุณพูดว่าตัวเองเป็ยของของใคร
“ปากหวานจังนะ”
.
.
“ทำอะไรผิดมารึไง”
ฟังเหมือนน้องหมาไม่มีผิด
เขาก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมา
“ก็ฉันเลือก”
เขาจับมือคุณ
คลำเบา ๆ คล้ายกำล้งหาว่าจะใส่ที่นิ้วไหนดี
ก่อนจะหยิบกล่องแหวนอีกมากมายออกมา
เริ่มสวมแหวนวงนั้นวงนี้
กับคุณนิ้วนั้นนิ้วนี้
อย่างกับเล่นแต่งตัวไม่มีผิด
ก่อนจะขำเบา ๆ กับคำที่คุณพูดว่าตัวเองเป็ยของของใคร
“ปากหวานจังนะ”
.
.
“ทำอะไรผิดมารึไง”
ฟังคุณแฉเฟอเรท
“หืม”
“นายไปทำอะไรให้มันโกรธล่ะ”
ต่อให้ถูกชมว่านิ้วสวย
แต่ทราวิสก็ดูจะเข้าข้างเฟอเรทอยู่
คงเพราะตอนมันอยู่กับเขามันน่ารักตลอด นึกภาพมันกัดใครไม่ออก
แถมแฟนตัวเองก็ไม่ใช่พวกซื่อสัตย์ ขนาดกริฟฟินดอร์จะอยู่ในตัวเลือกหมวกคัดสรรค์เสียด้วย(..)
.
ฟังคุณแฉเฟอเรท
“หืม”
“นายไปทำอะไรให้มันโกรธล่ะ”
ต่อให้ถูกชมว่านิ้วสวย
แต่ทราวิสก็ดูจะเข้าข้างเฟอเรทอยู่
คงเพราะตอนมันอยู่กับเขามันน่ารักตลอด นึกภาพมันกัดใครไม่ออก
แถมแฟนตัวเองก็ไม่ใช่พวกซื่อสัตย์ ขนาดกริฟฟินดอร์จะอยู่ในตัวเลือกหมวกคัดสรรค์เสียด้วย(..)
.
เขามองคนเสนอให้เล่น
ทราวิสยกยิ้ม
วางหนังสือลง
“ฉันเพิ่งซื้อแหวนใหม่มา“
แบมือ
”ยื่นมือมาสิ”
ได้เวลาทำเรื่องที่ชอบซักที
อย่างการเอาของของเขาไปติดอยู่บนตัวอีกฝ่ายทีละชิ้น ทีละชิ้น
เขามองคนเสนอให้เล่น
ทราวิสยกยิ้ม
วางหนังสือลง
“ฉันเพิ่งซื้อแหวนใหม่มา“
แบมือ
”ยื่นมือมาสิ”
ได้เวลาทำเรื่องที่ชอบซักที
อย่างการเอาของของเขาไปติดอยู่บนตัวอีกฝ่ายทีละชิ้น ทีละชิ้น
พี่เหมือนสอนน้อง
น้องเกือบลอยเพราะพี่
พี่ทำน้องหน้าบูด
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดโบกี้ก็จบเรื่องสัมภาระเมื่อมันเข้าที่สักที
ทราวิสขำทีหนึ่ง
“ถ้าพี่เลี้ยงเฟอเรทก็อยากอยู่หรอก”
เขารู้สึกพิศวาสมันดี ยิ่งซะกว่าแมวคุณนายของเขาซะอีก
เหมือนตัวขาว ๆ ยาว ๆ มันคือคุณเวอร์ชั่นลูกไก่ในกำมือ แถมพูดไม่ได้ เลยคิดว่าเลี้ยงไม่ยาก
.
พี่เหมือนสอนน้อง
น้องเกือบลอยเพราะพี่
พี่ทำน้องหน้าบูด
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดโบกี้ก็จบเรื่องสัมภาระเมื่อมันเข้าที่สักที
ทราวิสขำทีหนึ่ง
“ถ้าพี่เลี้ยงเฟอเรทก็อยากอยู่หรอก”
เขารู้สึกพิศวาสมันดี ยิ่งซะกว่าแมวคุณนายของเขาซะอีก
เหมือนตัวขาว ๆ ยาว ๆ มันคือคุณเวอร์ชั่นลูกไก่ในกำมือ แถมพูดไม่ได้ เลยคิดว่าเลี้ยงไม่ยาก
.
ก่อนคนหน้าระรื่นจะโผล่หัวมา
ทราวิสเหลือบไปมองคาลลูน่า แน่นอนว่ามีสายตาคาดโทษเอาไว้
"ส่วนนายก็กล้าดี ที่ใช้ฉันเป็นพี่เลี้ยงเด็ก"
เขาสะบัดไม้กายสิทธิ์ให้กระเป๋าตกลงมา
โดยไม่สนใจนักว่าคาลจิ๋วคนละขั้วนั่นจะตกลงมาด้วยไหม
"รีบ ๆ เก็บของ"
มองไปยังกองสัมภาระหน้าโบกี้
ส่วนเขา
แน่นอนว่าก็ต้อง..
นั่งกระดิกเท้ารออยู่แล้ว
ก่อนคนหน้าระรื่นจะโผล่หัวมา
ทราวิสเหลือบไปมองคาลลูน่า แน่นอนว่ามีสายตาคาดโทษเอาไว้
"ส่วนนายก็กล้าดี ที่ใช้ฉันเป็นพี่เลี้ยงเด็ก"
เขาสะบัดไม้กายสิทธิ์ให้กระเป๋าตกลงมา
โดยไม่สนใจนักว่าคาลจิ๋วคนละขั้วนั่นจะตกลงมาด้วยไหม
"รีบ ๆ เก็บของ"
มองไปยังกองสัมภาระหน้าโบกี้
ส่วนเขา
แน่นอนว่าก็ต้อง..
นั่งกระดิกเท้ารออยู่แล้ว
เลิกสนใจหนังสือแล้วมามองแชนเดอเลียมนุษย์แทน
"นายนี่ไม่เห็นจะเหมือนพี่เลย"
เขาอดไม่ได้ที่จะพูดมันออกมา
พอเห็นสภาพโวยวายที่เหมือนนกฮูกร้องไห้หน้าโบกี้มากกว่าพี่ชายแท้ ๆ
บางครั้งสัตว์เลี้ยงนี่ก็เหมือนเจ้าของเกินไปจริง ๆ
.
เลิกสนใจหนังสือแล้วมามองแชนเดอเลียมนุษย์แทน
"นายนี่ไม่เห็นจะเหมือนพี่เลย"
เขาอดไม่ได้ที่จะพูดมันออกมา
พอเห็นสภาพโวยวายที่เหมือนนกฮูกร้องไห้หน้าโบกี้มากกว่าพี่ชายแท้ ๆ
บางครั้งสัตว์เลี้ยงนี่ก็เหมือนเจ้าของเกินไปจริง ๆ
.
เขาจิปากเล็กน้อยในความคิด ที่กล้าเอาเขาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก
“ชักช้า”
บ่นอากาศ
ฝากไปถึงคาล
มองเด็กที่ออกไปลาก
เขามองเงียบ ๆ
ก่อนจะหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา
ชี้ไปทางกระเป๋าที่กำลังจะถูกขนเข้าโบกี้ เขาเสกให้ลอยขึ้นด้วยคาถาง่าย ๆ อย่างวิงการ์เดียม ให้มันลอยติดเพดาน
โดยไม่แคร์ว่ามันจะพาฮานส์ที่ถือกระเป๋าอยู่ห้อยต่องแต่งตามรึเปล่า
“ฉันไม่ชอบคนไม่ฟัง”
เขาจิปากเล็กน้อยในความคิด ที่กล้าเอาเขาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก
“ชักช้า”
บ่นอากาศ
ฝากไปถึงคาล
มองเด็กที่ออกไปลาก
เขามองเงียบ ๆ
ก่อนจะหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา
ชี้ไปทางกระเป๋าที่กำลังจะถูกขนเข้าโบกี้ เขาเสกให้ลอยขึ้นด้วยคาถาง่าย ๆ อย่างวิงการ์เดียม ให้มันลอยติดเพดาน
โดยไม่แคร์ว่ามันจะพาฮานส์ที่ถือกระเป๋าอยู่ห้อยต่องแต่งตามรึเปล่า
“ฉันไม่ชอบคนไม่ฟัง”
หยิบหนังสือขึ้นมาเหมือนเดิม
"ว้าว เก่งจังเลย"
น้ำเสียงเหมือนชมเด็กเพิ่งเดินได้
ไม่มีความจริงใจสักนิดเดียว
ส่วนเรื่องสัมภาระ
เขาไม่ได้ตอบทันที เหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญนัก ถ้ามันจะไปทำให้ใครกำลังโดนพวกมันขวางทางอยู
"คาลไปไหน"
หยิบหนังสือขึ้นมาเหมือนเดิม
"ว้าว เก่งจังเลย"
น้ำเสียงเหมือนชมเด็กเพิ่งเดินได้
ไม่มีความจริงใจสักนิดเดียว
ส่วนเรื่องสัมภาระ
เขาไม่ได้ตอบทันที เหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญนัก ถ้ามันจะไปทำให้ใครกำลังโดนพวกมันขวางทางอยู
"คาลไปไหน"
ลดมือมามองเล็บแทน
ฟังเสียงเด็กงอแงแข่งกับนกด้วยหน้าตาเฉย
เหมือนคำที่เข้าหูมันมีแค่คำว่า ‘ของพี่‘
อะไรที่เกี่ยวกับคนคนนั้น
ก็ดูจะได้ยินชัดหมดเลย
”อ้อ เหรอ“
”งั้นก็..”
“ให้คาลขนไป“
เขาหิ้วคอฮานส์ขึ้นมา
หย่อนให้นั่งตรงข้ามตัวเอง
ก่อนนั่งลงบ้าง
ปล่อยสัมภาระกองไว้อย่างนั้น
อย่างคนใช้แฟนจนเป็นนิสัย
ลดมือมามองเล็บแทน
ฟังเสียงเด็กงอแงแข่งกับนกด้วยหน้าตาเฉย
เหมือนคำที่เข้าหูมันมีแค่คำว่า ‘ของพี่‘
อะไรที่เกี่ยวกับคนคนนั้น
ก็ดูจะได้ยินชัดหมดเลย
”อ้อ เหรอ“
”งั้นก็..”
“ให้คาลขนไป“
เขาหิ้วคอฮานส์ขึ้นมา
หย่อนให้นั่งตรงข้ามตัวเอง
ก่อนนั่งลงบ้าง
ปล่อยสัมภาระกองไว้อย่างนั้น
อย่างคนใช้แฟนจนเป็นนิสัย
มองกรงที กระเป๋าที เจ้าของที
และจบที่ขำเหอะเบา ๆ
เอามือป้องหู
"อะไรนะ?"
"ไม่ค่อยจะได้ยินเลย"
อาระ
คิดว่าดิชั้นจะตอบเยสกับหน้าที่ของเอลฟ์งั้นเหรอ💅
มองกรงที กระเป๋าที เจ้าของที
และจบที่ขำเหอะเบา ๆ
เอามือป้องหู
"อะไรนะ?"
"ไม่ค่อยจะได้ยินเลย"
อาระ
คิดว่าดิชั้นจะตอบเยสกับหน้าที่ของเอลฟ์งั้นเหรอ💅
พอเห็นว่าเป็นใครเขาก็ขำเบา ๆ หนึ่งที
ทราวิสปิดหนังสือ ลุกขึ้นไปหาอีกฝ่าย
เขาเกือบเดินเตะแล้ว แต่ยังหยุดเท้าให้ยืนตรงหน้าแทน
ก้มไปหา
"ตายจริง"
"เกือบมองไม่เห็น"
"สงสัยเล็กไปหน่อย"
กับเด็กก็ไม่เว้น
พอเห็นว่าเป็นใครเขาก็ขำเบา ๆ หนึ่งที
ทราวิสปิดหนังสือ ลุกขึ้นไปหาอีกฝ่าย
เขาเกือบเดินเตะแล้ว แต่ยังหยุดเท้าให้ยืนตรงหน้าแทน
ก้มไปหา
"ตายจริง"
"เกือบมองไม่เห็น"
"สงสัยเล็กไปหน่อย"
กับเด็กก็ไม่เว้น
ประตูโบกี้ถูกเลื่อนเปิดเล็กน้อย
แต่คนที่โผล่เข้ามาไม่ใช่คนที่คุณคาดหวัง แต่เป็นเด็กชายที่ตัวเล็กกว่ามาก ฮานส์เจราห์น้องชายของคาล มองเพื่อนพี่ชายอ่านหนังสือเงียบ ๆ คล้ายอยากพูดและไม่กล้าในเวลาเดียวกัน
ทำเพียงยืนเก้ ๆ กัง ๆ หน้าประตู
ประตูโบกี้ถูกเลื่อนเปิดเล็กน้อย
แต่คนที่โผล่เข้ามาไม่ใช่คนที่คุณคาดหวัง แต่เป็นเด็กชายที่ตัวเล็กกว่ามาก ฮานส์เจราห์น้องชายของคาล มองเพื่อนพี่ชายอ่านหนังสือเงียบ ๆ คล้ายอยากพูดและไม่กล้าในเวลาเดียวกัน
ทำเพียงยืนเก้ ๆ กัง ๆ หน้าประตู
ร่างอรชรยืนพิงกำแพงอยู่ไม่ไกลนัก เธอพึ่งเข้ามาได้สักพักแล้วหนึ่ง— อย่างน้อยก็พอจะเห็นเด็กๆ เริ่มทำสงคราม(?)กัน
หล่อนหัวเราะร่า ผุดยิ้มสดใสอย่างอารมณ์ดี นัยน์ตาหลุบครึ่งอย่างคนง่วงงุน
สดใสกันจังเลยนะคะ
ร่างอรชรยืนพิงกำแพงอยู่ไม่ไกลนัก เธอพึ่งเข้ามาได้สักพักแล้วหนึ่ง— อย่างน้อยก็พอจะเห็นเด็กๆ เริ่มทำสงคราม(?)กัน
หล่อนหัวเราะร่า ผุดยิ้มสดใสอย่างอารมณ์ดี นัยน์ตาหลุบครึ่งอย่างคนง่วงงุน
สดใสกันจังเลยนะคะ