Khalluna Clu. Elmoir | Y.7 | Slytherin
Co-Role Story ―DM ᴬᶜᵗⁱᵛᵉ ⠃ ¹⁸⠃⁰⁰ ⁻ ²³⠃⁰⁰
#HWWW_Commu
doc : https://docs.google.com/document/d/1nA8Jl-mv6JeNt-qSmeVCm6LyEVEIVWJ-VSO_Kt5ea6s/edit?usp=drivesdk
แต่แทนที่จะพูดถึงเส้นทางของตัวเองต่อ เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย ลดเสียงต่ำลงราวกับตั้งใจ
“...ฟังเรื่องของผมคงจะน่าเบื่อ"
"เราควรพูดเรื่องอนาคตของเรา ดีไหมครับ ? ”
“เพราะถ้าให้เลือกจริง ๆ... ผมก็เลือกแล้ว ว่าจะเดินไปทางไหนก็ตามที่มีคุณอยู่นั่นแหละ”
แต่แทนที่จะพูดถึงเส้นทางของตัวเองต่อ เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย ลดเสียงต่ำลงราวกับตั้งใจ
“...ฟังเรื่องของผมคงจะน่าเบื่อ"
"เราควรพูดเรื่องอนาคตของเรา ดีไหมครับ ? ”
“เพราะถ้าให้เลือกจริง ๆ... ผมก็เลือกแล้ว ว่าจะเดินไปทางไหนก็ตามที่มีคุณอยู่นั่นแหละ”
“…วงนี้ก็ดีครับ” ยอมรับในรสนิยมของอีกฝ่าย ไม่วายหมุนแหวนบนปลายนิ้วช้า ๆ คล้ายหลงใหลอยู่กับมัน สายตาก็ยังไม่ละจากทราวิส
เพราะมันเป็นคุณที่เลือกให้
“หลังจากปีเจ็ดงั้นเหรอ...” เขาเว้นจังหวะ ลมหายใจขยับช้าอย่างคนกำลังเลือกถ้อยคำ “ก็ตั้งใจจะเข้ากระทรวงครับน่ะครับ กองปริศนา ?”
.
“…วงนี้ก็ดีครับ” ยอมรับในรสนิยมของอีกฝ่าย ไม่วายหมุนแหวนบนปลายนิ้วช้า ๆ คล้ายหลงใหลอยู่กับมัน สายตาก็ยังไม่ละจากทราวิส
เพราะมันเป็นคุณที่เลือกให้
“หลังจากปีเจ็ดงั้นเหรอ...” เขาเว้นจังหวะ ลมหายใจขยับช้าอย่างคนกำลังเลือกถ้อยคำ “ก็ตั้งใจจะเข้ากระทรวงครับน่ะครับ กองปริศนา ?”
.
"มันเชื่องกับคุณที่สุด จนบางครั้งผมยังนึกว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยงของคุณมากกว่าของผมเสียอีก” ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางที่แฝงความกวนเจือหวาน ไม่วายเหน็บคนข้าง ๆ เบา ๆ
“ถ้ามันจะแสดงเขี้ยวใส่ใคร...ก็คงเป็นเพราะมันอยากปกป้องตัวเอง ไม่ก็...หวงใครบางคน”
.
"มันเชื่องกับคุณที่สุด จนบางครั้งผมยังนึกว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยงของคุณมากกว่าของผมเสียอีก” ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางที่แฝงความกวนเจือหวาน ไม่วายเหน็บคนข้าง ๆ เบา ๆ
“ถ้ามันจะแสดงเขี้ยวใส่ใคร...ก็คงเป็นเพราะมันอยากปกป้องตัวเอง ไม่ก็...หวงใครบางคน”
.
“แล้วก็...ผิดไม่ผิดก็คงไม่สำคัญหรอกครับ”
โน้มกายเข้ามาเล็กน้อย แววตาพราววับเหมือนกำลังอ้อน
“ถ้าปากหวานจะนับเป็นความผิด ก็ยอมมีความผิดติดตัวทุกวันเลยก็ได้ครับ...ตราบใดที่มันเป็นคุณน่ะ”
“แล้วก็...ผิดไม่ผิดก็คงไม่สำคัญหรอกครับ”
โน้มกายเข้ามาเล็กน้อย แววตาพราววับเหมือนกำลังอ้อน
“ถ้าปากหวานจะนับเป็นความผิด ก็ยอมมีความผิดติดตัวทุกวันเลยก็ได้ครับ...ตราบใดที่มันเป็นคุณน่ะ”
“แต่สัตว์ทุกตัวมีฟันมีเล็บ ขึ้นอยู่กับว่ามันจะแสดงออดกับใครเท่านั้นเอง” ฟังคนยกหางสัตว์เลี้ยงตัวเอง ก็แสร้งน้อยใจ
ถ้าว่าด้วยความซื่อสัตย์ ตัวเขาก็มั่นใจว่ามีไม่น้อยกว่าผ้าขี้ริ้วสีขาวนั่นเท่าไหร่....
.
“แต่สัตว์ทุกตัวมีฟันมีเล็บ ขึ้นอยู่กับว่ามันจะแสดงออดกับใครเท่านั้นเอง” ฟังคนยกหางสัตว์เลี้ยงตัวเอง ก็แสร้งน้อยใจ
ถ้าว่าด้วยความซื่อสัตย์ ตัวเขาก็มั่นใจว่ามีไม่น้อยกว่าผ้าขี้ริ้วสีขาวนั่นเท่าไหร่....
.
ฮานส์นั่งจุ๊งอยู่มุมเบาะ ร่างเล็กหดเข้ากับกระจกหน้าต่างเหมือนตั้งใจจะไม่กวนใคร ดวงตากลมยังแดงนิด ๆ จากการเหนื่อยกับข้าวของเมื่อครู่ แต่ตอนนี้มันเบนมาจับที่พี่ชายกับทราวิสแทน
สายตานั้นเต็มไปด้วยความสงสัยเงียบ ๆ ของเด็กที่ยังไร้เดียงสา เขาไม่คิดอะไรเกินไปกว่านั้น แค่ งงและอึดอัด
.บอทฮานส์มองสับสนมิตรภาพ : sideeye:
ฮานส์นั่งจุ๊งอยู่มุมเบาะ ร่างเล็กหดเข้ากับกระจกหน้าต่างเหมือนตั้งใจจะไม่กวนใคร ดวงตากลมยังแดงนิด ๆ จากการเหนื่อยกับข้าวของเมื่อครู่ แต่ตอนนี้มันเบนมาจับที่พี่ชายกับทราวิสแทน
สายตานั้นเต็มไปด้วยความสงสัยเงียบ ๆ ของเด็กที่ยังไร้เดียงสา เขาไม่คิดอะไรเกินไปกว่านั้น แค่ งงและอึดอัด
.บอทฮานส์มองสับสนมิตรภาพ : sideeye:
“หึ...ผมว่าเฟอเรทตัวนั้นกัดแรงกว่าที่คุณคิดนะครับ" พูดแบบคนเคยโดน"มือคุณสวย จะให้เป็นรอยก็น่าเสียดายออก”
เมื่อสายตาเจอกับแหวนที่ถูกโชว์ตรงหน้า เขาก็หัวเราะน้อย ๆ คำพูดห้วน ๆ เหมือนคำสั่ง ดูจะชอบใจทีเดียว
คล้ายจะยอมตามเกม ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปช้า ๆ
“โห ดูน่าจะเหมาะจะอยู่กับผมจริง ๆ”
“ใส่มาเลยครับ ผมไม่คิดจะเถียงหรอก…เพราะยังไงผมก็เป็นของคุณอยู่แล้ว” ^^
“หึ...ผมว่าเฟอเรทตัวนั้นกัดแรงกว่าที่คุณคิดนะครับ" พูดแบบคนเคยโดน"มือคุณสวย จะให้เป็นรอยก็น่าเสียดายออก”
เมื่อสายตาเจอกับแหวนที่ถูกโชว์ตรงหน้า เขาก็หัวเราะน้อย ๆ คำพูดห้วน ๆ เหมือนคำสั่ง ดูจะชอบใจทีเดียว
คล้ายจะยอมตามเกม ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปช้า ๆ
“โห ดูน่าจะเหมาะจะอยู่กับผมจริง ๆ”
“ใส่มาเลยครับ ผมไม่คิดจะเถียงหรอก…เพราะยังไงผมก็เป็นของคุณอยู่แล้ว” ^^
“...เล่นกับฮานส์ยังไม่พอใจสินะ ทีหน้าลองเล่นกับผมแทนดีไหมครับ ? ” อาจจะสนุกกว่าเยอะ ^^
“...เล่นกับฮานส์ยังไม่พอใจสินะ ทีหน้าลองเล่นกับผมแทนดีไหมครับ ? ” อาจจะสนุกกว่าเยอะ ^^
“ผมฝากให้น้องเอาของขึ้นมาเฉย ๆ แต่คุณกลับตีความเองซะสนุกใหญ่เลยนะ”
เขาก้าวเข้ามานั่งลงข้างอีกฝ่าย เอนตัวพิงพนักอย่างผ่อนคลาย รอยยิ้มยังคงติดอยู่บนใบหน้า
+
“ผมฝากให้น้องเอาของขึ้นมาเฉย ๆ แต่คุณกลับตีความเองซะสนุกใหญ่เลยนะ”
เขาก้าวเข้ามานั่งลงข้างอีกฝ่าย เอนตัวพิงพนักอย่างผ่อนคลาย รอยยิ้มยังคงติดอยู่บนใบหน้า
+
“โถ...”
เดินเฉียดผ่านกองสัมภาระตามคำสั่ง ใช้ปลายไม้กายสิทธิ์สะกิดเบา ๆ ให้ทั้งหมดจัดเรียงเรียบร้อยขึ้นบนชั้นวางเหนือศีรษะอย่างง่ายดาย
"...อย่าปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นปัญหาตั้งแต่วันแรกสิ”
“ถ้าจะเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์... อย่างแรกที่ต้องเรียนรู้คือการยืนหยัดด้วยตัวเองให้ได้ ฮานส์”
+
“โถ...”
เดินเฉียดผ่านกองสัมภาระตามคำสั่ง ใช้ปลายไม้กายสิทธิ์สะกิดเบา ๆ ให้ทั้งหมดจัดเรียงเรียบร้อยขึ้นบนชั้นวางเหนือศีรษะอย่างง่ายดาย
"...อย่าปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นปัญหาตั้งแต่วันแรกสิ”
“ถ้าจะเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์... อย่างแรกที่ต้องเรียนรู้คือการยืนหยัดด้วยตัวเองให้ได้ ฮานส์”
+
เสียงตุบดังสนั่นเมื่อทั้งหีบทั้งตัวเขาหล่นลงมากองกับพื้น ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ด้วยสีหน้าเหยเก ริมฝีปากเม้มแน่น
ส่งเสียฮึดฮัดไม่พอใจ เมินสิ่งที่เพื่อนพี่ชายพูดแต่ก็ยังยอมขยับตัวไปเก็บกองข้าวของเงียบ ๆ คล้ายอยากพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งทั้งที่ทำได้ทุลักทุเล
เสียงตุบดังสนั่นเมื่อทั้งหีบทั้งตัวเขาหล่นลงมากองกับพื้น ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ด้วยสีหน้าเหยเก ริมฝีปากเม้มแน่น
ส่งเสียฮึดฮัดไม่พอใจ เมินสิ่งที่เพื่อนพี่ชายพูดแต่ก็ยังยอมขยับตัวไปเก็บกองข้าวของเงียบ ๆ คล้ายอยากพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งทั้งที่ทำได้ทุลักทุเล
“คุณนี่... ขยันสร้างสีสันให้ผมเจอทุกครั้งเลยจริง ๆ นะครับ”
ดูฮานส์ห้องต่องแต่ง น่าสมเพชแต่ก็ตลกดี
“คุณนี่... ขยันสร้างสีสันให้ผมเจอทุกครั้งเลยจริง ๆ นะครับ”
ดูฮานส์ห้องต่องแต่ง น่าสมเพชแต่ก็ตลกดี
เสียงฝีเท้าเรียบดังใกล้เข้ามาตามทางเดินโบกี้ เป็นคาลลูนาที่กำลังยิ้มหน้าระรื่นโผล่ตามเข้ามาอย่างที่ว่า ก่อนสถานการณ์และภาพที่ปรากฏตรงหน้า ทำให้เขาหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง
มองฮานส์ที่ห้องต่องแต่งบนเพดานสลับมองทราวิสที่ยังนั่งอ่านหนังสือ ราวกับภาพความวุ่นวายเป็นแค่ของตกแต่งฉาก
เสียงฝีเท้าเรียบดังใกล้เข้ามาตามทางเดินโบกี้ เป็นคาลลูนาที่กำลังยิ้มหน้าระรื่นโผล่ตามเข้ามาอย่างที่ว่า ก่อนสถานการณ์และภาพที่ปรากฏตรงหน้า ทำให้เขาหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง
มองฮานส์ที่ห้องต่องแต่งบนเพดานสลับมองทราวิสที่ยังนั่งอ่านหนังสือ ราวกับภาพความวุ่นวายเป็นแค่ของตกแต่งฉาก
เท้าห้อยต่องแต่งกลางอากาศ แกว่งไปแกว่งมาจน ดวงตาเบิกกว้างตะโกนเสียงหลง
“ก็ฟังอยู่ !” เอาแต่ใจชะมัด
ดิ้นขลุกขลักไปมาเหมือนลูกนกติดกับดัก หน้าแดงก่ำทั้งอายและโกรธที่ถูกแกล้งกลางโบกี้ อ้าาา
เท้าห้อยต่องแต่งกลางอากาศ แกว่งไปแกว่งมาจน ดวงตาเบิกกว้างตะโกนเสียงหลง
“ก็ฟังอยู่ !” เอาแต่ใจชะมัด
ดิ้นขลุกขลักไปมาเหมือนลูกนกติดกับดัก หน้าแดงก่ำทั้งอายและโกรธที่ถูกแกล้งกลางโบกี้ อ้าาา
"พี่ให้เอาของขึ้นมาก่อน" ตอบเสียงสั้น ๆ
"ส่วนตัวเองแยกไปเก็บของกับมอร์บี้(เอลฟ์ประจำบ้าน)"
สภาพตอนนี้เลยเหมือนเด็กน้อยโดนญาติทิ้งพร้อมข้าวของเครื่องใช้หลากหลายให้ช่วยเลี้ยงดู "...ก็คงตามมาทีหลัง"
มองทราวิส มองข้าวของก็เหมือนจะนึกหวั่นใจแปลก ๆ เลยลุกออกไปหยิบสัมภาระสักชิ้นสองชิ้นลากเข้ามาไม่ให้ดูน่าเกลียดจนต้องโดนดุ
"พี่ให้เอาของขึ้นมาก่อน" ตอบเสียงสั้น ๆ
"ส่วนตัวเองแยกไปเก็บของกับมอร์บี้(เอลฟ์ประจำบ้าน)"
สภาพตอนนี้เลยเหมือนเด็กน้อยโดนญาติทิ้งพร้อมข้าวของเครื่องใช้หลากหลายให้ช่วยเลี้ยงดู "...ก็คงตามมาทีหลัง"
มองทราวิส มองข้าวของก็เหมือนจะนึกหวั่นใจแปลก ๆ เลยลุกออกไปหยิบสัมภาระสักชิ้นสองชิ้นลากเข้ามาไม่ให้ดูน่าเกลียดจนต้องโดนดุ
เสียงดื้ออ่อนลงเหมือนเด็กน้อยโวยวายเบา ๆ มากกว่าต่อต้านจริงจัง
ใบหน้านิ่งกึก มองอย่างไม่เข้าใจ "ผมเดินเองได้หรอก"
ไม่เห็นจำเป็นต้องเหมือนเขาเป็นเด็กหัดเดินก็ได้
"แต่ของข้างนอก" สลับมองหน้าอีกคน
"กว่าพี่คาลจะมา..." ถ้าเกิดหายขึ้นมา :bweh:
เสียงดื้ออ่อนลงเหมือนเด็กน้อยโวยวายเบา ๆ มากกว่าต่อต้านจริงจัง
ใบหน้านิ่งกึก มองอย่างไม่เข้าใจ "ผมเดินเองได้หรอก"
ไม่เห็นจำเป็นต้องเหมือนเขาเป็นเด็กหัดเดินก็ได้
"แต่ของข้างนอก" สลับมองหน้าอีกคน
"กว่าพี่คาลจะมา..." ถ้าเกิดหายขึ้นมา :bweh:
แก้มขาว ๆ ขึ้นสีจาง ๆ ก่อนเริ่มพูดขึ้นเสียงตะกุกตะกักผสมอารมณ์
"นี่มันของพี่ต่างหาก !" 💢
ชี้ของบนพื้น ไอ้นั่น ไอ้นี่ แล้วก็ไอ้โน่นด้วย
"ของผมมีแค่กระเป๋ากับกรงนกเอง"
ทำหน้างอ นกก็ร้องไห้
"ผมไม่ได้หมายความว่าจะ—” สายตาหลุบไปทางอื่น แก้ตัวสั่น ๆ "อยากให้ช่วยสักหน่อย... !"
หันกลับไปพยามยกด้วยตัวเอง ใบหน้าดื้อรั้นยังคงน้อยใจลึก ๆ
แก้มขาว ๆ ขึ้นสีจาง ๆ ก่อนเริ่มพูดขึ้นเสียงตะกุกตะกักผสมอารมณ์
"นี่มันของพี่ต่างหาก !" 💢
ชี้ของบนพื้น ไอ้นั่น ไอ้นี่ แล้วก็ไอ้โน่นด้วย
"ของผมมีแค่กระเป๋ากับกรงนกเอง"
ทำหน้างอ นกก็ร้องไห้
"ผมไม่ได้หมายความว่าจะ—” สายตาหลุบไปทางอื่น แก้ตัวสั่น ๆ "อยากให้ช่วยสักหน่อย... !"
หันกลับไปพยามยกด้วยตัวเอง ใบหน้าดื้อรั้นยังคงน้อยใจลึก ๆ
"...ไม่ได้เล็กขนาดนั้นสักหน่อย" (🤬) สั่นสู้ "พอดีว่าสัมภาระมันเยอะ...ก็เลย" ยืนจ๋อง
เหมือนเด็กที่เพิ่งถูกผู้ปกครองทิ้ง
ด้านหลังของเขาที่ทางเดินรถไฟเต็มไปด้วยสัมภาระกองพะเนิน ทั้งหีบกระเป๋าขนาดใหญ่ กรงนกฮูกร้องโวยวาย และอื่น ๆ นับไม่ถ้วนวางระเกะระกะเต็มพื้น เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สิ่งที่เด็กคนนึงจะยกไหวได้ด้วยตัวเอง
ถ้าคุณพี่ชายพอจะมีน้ำใจ...
"...ไม่ได้เล็กขนาดนั้นสักหน่อย" (🤬) สั่นสู้ "พอดีว่าสัมภาระมันเยอะ...ก็เลย" ยืนจ๋อง
เหมือนเด็กที่เพิ่งถูกผู้ปกครองทิ้ง
ด้านหลังของเขาที่ทางเดินรถไฟเต็มไปด้วยสัมภาระกองพะเนิน ทั้งหีบกระเป๋าขนาดใหญ่ กรงนกฮูกร้องโวยวาย และอื่น ๆ นับไม่ถ้วนวางระเกะระกะเต็มพื้น เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สิ่งที่เด็กคนนึงจะยกไหวได้ด้วยตัวเอง
ถ้าคุณพี่ชายพอจะมีน้ำใจ...
พอเห็นว่าเป็นใครเขาก็ขำเบา ๆ หนึ่งที
ทราวิสปิดหนังสือ ลุกขึ้นไปหาอีกฝ่าย
เขาเกือบเดินเตะแล้ว แต่ยังหยุดเท้าให้ยืนตรงหน้าแทน
ก้มไปหา
"ตายจริง"
"เกือบมองไม่เห็น"
"สงสัยเล็กไปหน่อย"
กับเด็กก็ไม่เว้น
พอเห็นว่าเป็นใครเขาก็ขำเบา ๆ หนึ่งที
ทราวิสปิดหนังสือ ลุกขึ้นไปหาอีกฝ่าย
เขาเกือบเดินเตะแล้ว แต่ยังหยุดเท้าให้ยืนตรงหน้าแทน
ก้มไปหา
"ตายจริง"
"เกือบมองไม่เห็น"
"สงสัยเล็กไปหน่อย"
กับเด็กก็ไม่เว้น
ประตูโบกี้ถูกเลื่อนเปิดเล็กน้อย
แต่คนที่โผล่เข้ามาไม่ใช่คนที่คุณคาดหวัง แต่เป็นเด็กชายที่ตัวเล็กกว่ามาก ฮานส์เจราห์น้องชายของคาล มองเพื่อนพี่ชายอ่านหนังสือเงียบ ๆ คล้ายอยากพูดและไม่กล้าในเวลาเดียวกัน
ทำเพียงยืนเก้ ๆ กัง ๆ หน้าประตู
ประตูโบกี้ถูกเลื่อนเปิดเล็กน้อย
แต่คนที่โผล่เข้ามาไม่ใช่คนที่คุณคาดหวัง แต่เป็นเด็กชายที่ตัวเล็กกว่ามาก ฮานส์เจราห์น้องชายของคาล มองเพื่อนพี่ชายอ่านหนังสือเงียบ ๆ คล้ายอยากพูดและไม่กล้าในเวลาเดียวกัน
ทำเพียงยืนเก้ ๆ กัง ๆ หน้าประตู