"ขอบใจสำหรับความช่วยเหลือ"
เหมือนยังไม่สาแก่ใจเลยบีบแก้มเจอโรมจนยู่แล้วจุ๊บอีกที
"ปากนุ่มดี แต่คราวหลังขอลิปกลิ่นเชอร์รี่นะ"
ทิ้งท้ายแค่นั้นก็รีบวิ่งออกไปเหมือนทำความผิดร้ายแรง เหลือไว้แค่เสียงฝีเท้ากับเสียงหัวเราะไกลๆ เท่านั้น
"ขอบใจสำหรับความช่วยเหลือ"
เหมือนยังไม่สาแก่ใจเลยบีบแก้มเจอโรมจนยู่แล้วจุ๊บอีกที
"ปากนุ่มดี แต่คราวหลังขอลิปกลิ่นเชอร์รี่นะ"
ทิ้งท้ายแค่นั้นก็รีบวิ่งออกไปเหมือนทำความผิดร้ายแรง เหลือไว้แค่เสียงฝีเท้ากับเสียงหัวเราะไกลๆ เท่านั้น
"ถูกต้องที่สุดเลยเลยดักส์ตี้บอร์นยาหยี"
"ฉันน่ะโรแมนติกโคตรๆ"
คีทช่างเรื่องศักดิ์ศรี เพราะเขาสู้ไม่ได้ แต่ถ้าจะต้องอาย ก็ให้มันมาอายด้วยกัน
"ถูกต้องที่สุดเลยเลยดักส์ตี้บอร์นยาหยี"
"ฉันน่ะโรแมนติกโคตรๆ"
คีทช่างเรื่องศักดิ์ศรี เพราะเขาสู้ไม่ได้ แต่ถ้าจะต้องอาย ก็ให้มันมาอายด้วยกัน
คนผมยาวก้าวขาเข้าประชิดตัวคนสูงกว่า เอื้อมมือข้างที่ว่างเข้าโอบรั้งคอหนาลงมาแล้วกระแทกปากบดจูบ มันไม่โรแมนติก อ่อนหวาน หรือรักใคร่
คนผมยาวก้าวขาเข้าประชิดตัวคนสูงกว่า เอื้อมมือข้างที่ว่างเข้าโอบรั้งคอหนาลงมาแล้วกระแทกปากบดจูบ มันไม่โรแมนติก อ่อนหวาน หรือรักใคร่
สีหน้าของพรีเฟคเปลี่ยนสีไปมายิ่งกว่าไฟจราจร แสดงถึงความคิดและอารมณ์อันหลากหลายที่ตีวนในหัว และแน่นอนมันก็คงไม่พ้นความอับอายและฉุนเฉียวจากการกลั่นแกล้งที่อีกฝ่ายมอบให้
"ได้เจอโรม ดักส์บอร์น จะเอาอย่างนี้ใช่มั้ย..."
สีหน้าของพรีเฟคเปลี่ยนสีไปมายิ่งกว่าไฟจราจร แสดงถึงความคิดและอารมณ์อันหลากหลายที่ตีวนในหัว และแน่นอนมันก็คงไม่พ้นความอับอายและฉุนเฉียวจากการกลั่นแกล้งที่อีกฝ่ายมอบให้
"ได้เจอโรม ดักส์บอร์น จะเอาอย่างนี้ใช่มั้ย..."
ใบหน้าของเขาว่างเปล่าพอๆกับสมองในตอนนี้ มันไม่สามารถประมวลผลได้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรหรือจะสื่ออะไรในคำพูดเหล่านั้น เขาทำได้แค่เพียงรับมังกรจิ๋วสีเพลิงมาและปล่อยให้คนผมซีดเอาเจ้าเด็กขี้โวยวายไปหอม้วนจนเหมือนโรลอันยักษ์
ใบหน้าของเขาว่างเปล่าพอๆกับสมองในตอนนี้ มันไม่สามารถประมวลผลได้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรหรือจะสื่ออะไรในคำพูดเหล่านั้น เขาทำได้แค่เพียงรับมังกรจิ๋วสีเพลิงมาและปล่อยให้คนผมซีดเอาเจ้าเด็กขี้โวยวายไปหอม้วนจนเหมือนโรลอันยักษ์
"ฉันอุตส่าห์ขอดีๆนะ นายรีบช่วยฉันก็ถือเป็นการช่วยตนเองอย่างนึง"
เขาพูดเสร็จก็แสยะยิ้มชั่วออกมา
"ไม่กลัวเจ้าขี้แยตื่นเหรอดักส์บอร์น~~?"
"ฉันอุตส่าห์ขอดีๆนะ นายรีบช่วยฉันก็ถือเป็นการช่วยตนเองอย่างนึง"
เขาพูดเสร็จก็แสยะยิ้มชั่วออกมา
"ไม่กลัวเจ้าขี้แยตื่นเหรอดักส์บอร์น~~?"
"แค่ทีเดียวมันคงไม่สาแก่ใจนายสินะ อยากโดนกระแทกกล่องดวงใจอีกรอบก็ไม่บอก"
"แค่ทีเดียวมันคงไม่สาแก่ใจนายสินะ อยากโดนกระแทกกล่องดวงใจอีกรอบก็ไม่บอก"
'…กอดฉันก่อนสิ ครีดอน'
.
.
.
'เหมือนที่นายเคยทำไง'
แค่ฟังก็ขนลุกซู่ไปทั่วทั้งหัว คีทรู้สึกเหมือนเลือดไหลไปกระจุกที่สมองจนใบหน้าชาซีด ก่อนที่มันจะไหลกลับมาที่หน้าจนเห่อร้อนไปหมด
"พูดอะไรของแกไอ้ระยำเอ๊ย!!"
'…กอดฉันก่อนสิ ครีดอน'
.
.
.
'เหมือนที่นายเคยทำไง'
แค่ฟังก็ขนลุกซู่ไปทั่วทั้งหัว คีทรู้สึกเหมือนเลือดไหลไปกระจุกที่สมองจนใบหน้าชาซีด ก่อนที่มันจะไหลกลับมาที่หน้าจนเห่อร้อนไปหมด
"พูดอะไรของแกไอ้ระยำเอ๊ย!!"
แผลสุดท้ายบนหน้าถูกรักษาแล้ว แต่คีทก็มองว่าไม่เห็นจำเป็นที่อีกฝ่ายต้องไปทำแผลเอง
"จะว่าไปนายเนี่ย หุ่นดีชะมัด ไม่เห็นจะคุมอาหารเลย หรือคุม?"
เขาเปรียบเทียบสรีระของตนเองกับคนตรงหน้า แม้จะสูงใกล้เคียงกันแต่มวลกล้ามเนื้อดูห่างกันลิบลับ
แผลสุดท้ายบนหน้าถูกรักษาแล้ว แต่คีทก็มองว่าไม่เห็นจำเป็นที่อีกฝ่ายต้องไปทำแผลเอง
"จะว่าไปนายเนี่ย หุ่นดีชะมัด ไม่เห็นจะคุมอาหารเลย หรือคุม?"
เขาเปรียบเทียบสรีระของตนเองกับคนตรงหน้า แม้จะสูงใกล้เคียงกันแต่มวลกล้ามเนื้อดูห่างกันลิบลับ
จนกระทั่งแผลหายไม่เหลือ คีทก็ส่งเสียงอื้ออ้าในลำคอพึงพอใจกับตัวเองแล้วออกคำสั่ง
"ทีนี้หันมา"
ในทุกการกระทำ คีทใส่ใจอย่างที่สุด ครีมทุกกรัมถูกบรรจงทาลงอย่างตั้งใจจนเขามั่นใจว่าทุกรอยจะหายเป็นปลิดทิ้ง
จนกระทั่งแผลหายไม่เหลือ คีทก็ส่งเสียงอื้ออ้าในลำคอพึงพอใจกับตัวเองแล้วออกคำสั่ง
"ทีนี้หันมา"
ในทุกการกระทำ คีทใส่ใจอย่างที่สุด ครีมทุกกรัมถูกบรรจงทาลงอย่างตั้งใจจนเขามั่นใจว่าทุกรอยจะหายเป็นปลิดทิ้ง
"รู้แล้วล่ะน่า ฉันไม่แกล้งหรอก"
น้ำเสียงสบายๆ แต่ก็หนักแน่นตอบเน้นย้ำสิ่งที่อีกฝ่ายกังวล เมื่อเจอโรมหันได้องศาแล้วก็เริ่มปาดเนื้อครีมเหลวทั่วรอยช้ำ
คีททำแผลบ่อยเพราะความซนและห่ามของเจ้าตัว แต่เขาก็ชอบที่จะบีบนวดซ้ำแรงๆ ราวกับว่ามันจะทำให้หายเร็วขึ้น
"รู้แล้วล่ะน่า ฉันไม่แกล้งหรอก"
น้ำเสียงสบายๆ แต่ก็หนักแน่นตอบเน้นย้ำสิ่งที่อีกฝ่ายกังวล เมื่อเจอโรมหันได้องศาแล้วก็เริ่มปาดเนื้อครีมเหลวทั่วรอยช้ำ
คีททำแผลบ่อยเพราะความซนและห่ามของเจ้าตัว แต่เขาก็ชอบที่จะบีบนวดซ้ำแรงๆ ราวกับว่ามันจะทำให้หายเร็วขึ้น
แม้จะรู้ว่าตัวเองเล่นแรงแต่ก็อดไม่ได้ที่จะร้องซี๊ดหวาดเสียวแทน
"เฮ้ ฉันไม่ได้ฟาดนะ"
ไม่ยอมรับข้อกล่าวหานี้โดยเด็ดขาดเพราะมันขาดหลักฐาน แต่เมื่อโดนย้ำความผิดด้วยแผลตรงหน้ามากๆ ก็ได้แค่กลับลำ
"ที่สำคัญคือไม่มีของอะไรพังเนอะ"
แม้จะรู้ว่าตัวเองเล่นแรงแต่ก็อดไม่ได้ที่จะร้องซี๊ดหวาดเสียวแทน
"เฮ้ ฉันไม่ได้ฟาดนะ"
ไม่ยอมรับข้อกล่าวหานี้โดยเด็ดขาดเพราะมันขาดหลักฐาน แต่เมื่อโดนย้ำความผิดด้วยแผลตรงหน้ามากๆ ก็ได้แค่กลับลำ
"ที่สำคัญคือไม่มีของอะไรพังเนอะ"
"แล้ว... ให้ทาตรงไหนดีล่ะ?"
"แล้ว... ให้ทาตรงไหนดีล่ะ?"
"ไง 'เพื่อน' พร้อมให้ฉันป้อนยารึยัง?"
เขาทักเสียงใส เน้นโดยเฉพาะคำว่าเพื่อนเป็นพิเศษ เหมือนลืมไปเลยว่าอีกฝ่ายหัวร้อนอยู่ ทั้งยังเอามือตบปุไล่ให้ไปนั่งที่เตียงดีๆ อีกด้วย
"อืม... ยาพอกสมานฟกช้ำ"
"ไง 'เพื่อน' พร้อมให้ฉันป้อนยารึยัง?"
เขาทักเสียงใส เน้นโดยเฉพาะคำว่าเพื่อนเป็นพิเศษ เหมือนลืมไปเลยว่าอีกฝ่ายหัวร้อนอยู่ ทั้งยังเอามือตบปุไล่ให้ไปนั่งที่เตียงดีๆ อีกด้วย
"อืม... ยาพอกสมานฟกช้ำ"
พรีเฟคบ้านแดงคิดคำพูดออกแค่นี้ เพราะงั้นเลยต้องยอมโดนจ้องเขม็งระหว่างติดอ่างนึกประโยคพูดถัดไป โชคยังดีที่อาจารย์ห้องพยาบาลเข้ามาก่อน เขาเลยเบี่ยงเบนความสนใจไปที่อีกคน และอาสาขอรับยาทั้งหลายมาแทน
"ไม่ต้องห่วงนะครับอาจารย์ ผมเป็นเพื่อนของเขา รับรองจะดูแลอย่างดี"
พรีเฟคบ้านแดงคิดคำพูดออกแค่นี้ เพราะงั้นเลยต้องยอมโดนจ้องเขม็งระหว่างติดอ่างนึกประโยคพูดถัดไป โชคยังดีที่อาจารย์ห้องพยาบาลเข้ามาก่อน เขาเลยเบี่ยงเบนความสนใจไปที่อีกคน และอาสาขอรับยาทั้งหลายมาแทน
"ไม่ต้องห่วงนะครับอาจารย์ ผมเป็นเพื่อนของเขา รับรองจะดูแลอย่างดี"
"กลัวว่าจะตายเลยมาดูก่อน"
พูดยียวนทั้งยังยักไหล่ไม่ยี่หระ มือทั้งสองข้างสอดในกระเป๋ากางเกงปิดบังความไม่สบายใจ แต่แล้วเขาก็ถอนหายใจออกมา ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงมาก แต่ให้ขอโทษเลยก็คงไม่ใช่สไตล์เขา
"กลัวว่าจะตายเลยมาดูก่อน"
พูดยียวนทั้งยังยักไหล่ไม่ยี่หระ มือทั้งสองข้างสอดในกระเป๋ากางเกงปิดบังความไม่สบายใจ แต่แล้วเขาก็ถอนหายใจออกมา ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงมาก แต่ให้ขอโทษเลยก็คงไม่ใช่สไตล์เขา
"รู้แล้วว่าแข็งแรง แต่เลิกร้องได้แล้ว"
เด็กบ้านแดงกระซิบใส่อารมณ์ ไม่เข้าใจว่าเจ้าตัวเขียวจะโวยวายอะไรนักหนา เขาทั้งอุ้มชูขึ้นฟ้า ทั้งจับโยกไปมา แต่มันก็ยังไม่หยุดแผดเสียงซะที เลยทำได้แค่เหล่มองขอความช่วยเหลือจากคนตรงหน้าอีกครั้ง
"แลกกันมั้ย?"
"รู้แล้วว่าแข็งแรง แต่เลิกร้องได้แล้ว"
เด็กบ้านแดงกระซิบใส่อารมณ์ ไม่เข้าใจว่าเจ้าตัวเขียวจะโวยวายอะไรนักหนา เขาทั้งอุ้มชูขึ้นฟ้า ทั้งจับโยกไปมา แต่มันก็ยังไม่หยุดแผดเสียงซะที เลยทำได้แค่เหล่มองขอความช่วยเหลือจากคนตรงหน้าอีกครั้ง
"แลกกันมั้ย?"
คีทมองผ้าคลุมที่เจ้าตัวยื่นให้ เขาไม่รู้วิธีจัดการมังกรเด็ก ยังไม่ทันไปเจอศาสตราจารย์ด้วยซ้ำ แต่ก็ได้เห็นวิธีจากอีกฝ่ายแล้ว เพราะงั้นเจ้าตัวคนผมยาวที่ไม่ได้สวมผ้าคลุมมาจึงยื่นไปรับมาด้วยความเต็มใจ
"เออ... ขอบใจ"
คีทมองผ้าคลุมที่เจ้าตัวยื่นให้ เขาไม่รู้วิธีจัดการมังกรเด็ก ยังไม่ทันไปเจอศาสตราจารย์ด้วยซ้ำ แต่ก็ได้เห็นวิธีจากอีกฝ่ายแล้ว เพราะงั้นเจ้าตัวคนผมยาวที่ไม่ได้สวมผ้าคลุมมาจึงยื่นไปรับมาด้วยความเต็มใจ
"เออ... ขอบใจ"
คีทยักคิ้วพร้อมอุ้มมังกรขึ้นอกเล็กน้อยเป็นการอวดด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ มือนึงก็ประคองอีกมือก็ค่อยๆ หยิบเศษเปลือกไข่ออก
ฟังประโยคที่ดูถูกตนเองอย่างการให้นมแล้ว เขาควรจะโกรธมากๆ แต่คีทกลับรู้สึกอับอายอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งอีกฝ่ายโน้มตัวเข้ามาใกล้แถมพูดด้วยรอยยิ้ม มันเลยกลายเป็นประโยคล่อแหลมแปลกๆ
"หุบปากไปเลยดักส์บอร์น"
คีทยักคิ้วพร้อมอุ้มมังกรขึ้นอกเล็กน้อยเป็นการอวดด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ มือนึงก็ประคองอีกมือก็ค่อยๆ หยิบเศษเปลือกไข่ออก
ฟังประโยคที่ดูถูกตนเองอย่างการให้นมแล้ว เขาควรจะโกรธมากๆ แต่คีทกลับรู้สึกอับอายอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งอีกฝ่ายโน้มตัวเข้ามาใกล้แถมพูดด้วยรอยยิ้ม มันเลยกลายเป็นประโยคล่อแหลมแปลกๆ
"หุบปากไปเลยดักส์บอร์น"
'ฉันแค่มาแวะดูว่าไม่ได้ทำรุนแรงไปเท่านั้นแหละ'
คิดเสร็จก็เดินเข้าไปเงียบๆ เขาเดินผ่านเตียงปูผ้าขาวเรียงรายเป็นแถว มีนักเรียนนอนอยู่บ้างประปราย ก่อนจะพบคนที่ต้องการ หมอนั่นคุยกับอาจารย์อยู่ทำให้คีทรั้งรอที่จะไม่เข้าไปคุยตอนนี้
'ฉันแค่มาแวะดูว่าไม่ได้ทำรุนแรงไปเท่านั้นแหละ'
คิดเสร็จก็เดินเข้าไปเงียบๆ เขาเดินผ่านเตียงปูผ้าขาวเรียงรายเป็นแถว มีนักเรียนนอนอยู่บ้างประปราย ก่อนจะพบคนที่ต้องการ หมอนั่นคุยกับอาจารย์อยู่ทำให้คีทรั้งรอที่จะไม่เข้าไปคุยตอนนี้
'ทำไมต้องตามไปด้วยล่ะ? เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย'
พรีเฟคถามตัวเอง แต่เหมือนความรู้สึกผิดบางอย่างบีบรัดหัวใจเขา แต่ว่าคนที่ผิดไม่ใช่เขา คีทเดินมาไกลเกินไปแล้ว เพราะงั้นเขาจะไม่กลับทางเดิม...
ดังนั้นคีทจึงเดินต่อ และมาจบที่หน้าห้องพยาบาลจนได้
ทำไงได้ ให้เดินกลับมันไกลกว่าเดินมาต่อนี่นา
'ทำไมต้องตามไปด้วยล่ะ? เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย'
พรีเฟคถามตัวเอง แต่เหมือนความรู้สึกผิดบางอย่างบีบรัดหัวใจเขา แต่ว่าคนที่ผิดไม่ใช่เขา คีทเดินมาไกลเกินไปแล้ว เพราะงั้นเขาจะไม่กลับทางเดิม...
ดังนั้นคีทจึงเดินต่อ และมาจบที่หน้าห้องพยาบาลจนได้
ทำไงได้ ให้เดินกลับมันไกลกว่าเดินมาต่อนี่นา
ใบหน้าตกกระไม่แย้มยิ้มอีกแล้ว มันขมวดเครียด บ่งบอกได้ไม่ยากว่าเขากำลังคิดไม่ตก
ภาพใบหน้าที่เหลือบมองคีทราวกับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา มันค่อนข้างทิ่มแทงใจเขาไม่น้อย คีทคุ้นเคยกับใบหน้าเอือมระอาไม่ว่าจะจากใคร แต่ใบหน้าแบบนี้...
ไม่ชอบเลยแฮะ...
ใบหน้าตกกระไม่แย้มยิ้มอีกแล้ว มันขมวดเครียด บ่งบอกได้ไม่ยากว่าเขากำลังคิดไม่ตก
ภาพใบหน้าที่เหลือบมองคีทราวกับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา มันค่อนข้างทิ่มแทงใจเขาไม่น้อย คีทคุ้นเคยกับใบหน้าเอือมระอาไม่ว่าจะจากใคร แต่ใบหน้าแบบนี้...
ไม่ชอบเลยแฮะ...
"เอ๊าๆ เลิกมองได้แล้ว โชว์จบแล้วเด็กๆ"
เขาบอกไล่เด็กคนอื่นๆ ที่เห็นเหตุการณ์มาโดยตลอด พรีเฟคจอมกะล่อนที่ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มไม่ยี่หระ เขาเดินออกอย่างมั่นใจ ไปทิศทางตรงกันข้ามกับเจอโรม
"เอ๊าๆ เลิกมองได้แล้ว โชว์จบแล้วเด็กๆ"
เขาบอกไล่เด็กคนอื่นๆ ที่เห็นเหตุการณ์มาโดยตลอด พรีเฟคจอมกะล่อนที่ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มไม่ยี่หระ เขาเดินออกอย่างมั่นใจ ไปทิศทางตรงกันข้ามกับเจอโรม
แต่ก็ไม่...
ไม่มีคำถากถาง ไม่มีคำกร่นด่า หรือแม้แต่หมัดปะทะใบหน้า
ก็แค่...
สายตาเหยียบเย็นที่หนาวไปถึงขั้วหัวใจ
จนคนตัวสูงหันหลังเดินออกไป ทิ้งไว้แค่แผ่นหลังที่ไกลลิบไปเรื่อยๆ หูกระต่ายที่ตั้งขึ้นของคีทก็ลู่ลง ก่อนจะหายไปเหมือนไม่เคยมี
แต่ก็ไม่...
ไม่มีคำถากถาง ไม่มีคำกร่นด่า หรือแม้แต่หมัดปะทะใบหน้า
ก็แค่...
สายตาเหยียบเย็นที่หนาวไปถึงขั้วหัวใจ
จนคนตัวสูงหันหลังเดินออกไป ทิ้งไว้แค่แผ่นหลังที่ไกลลิบไปเรื่อยๆ หูกระต่ายที่ตั้งขึ้นของคีทก็ลู่ลง ก่อนจะหายไปเหมือนไม่เคยมี
"ก็ลองสิวะ"
แต่ก่อนจะได้ออกคาถา อีกฝ่ายก็เปลี่ยนท่าทีในเสี้ยววิ กลายเป็นสับสนเหมือนคนโดนลบความจำ แต่คีทรู้ ไม่ได้มีใครร่ายคาถาใส่หมอนี่หรอก แค่น้ำยาคงหมดฤทธิ์แล้วเท่านั้น
"ก็ลองสิวะ"
แต่ก่อนจะได้ออกคาถา อีกฝ่ายก็เปลี่ยนท่าทีในเสี้ยววิ กลายเป็นสับสนเหมือนคนโดนลบความจำ แต่คีทรู้ ไม่ได้มีใครร่ายคาถาใส่หมอนี่หรอก แค่น้ำยาคงหมดฤทธิ์แล้วเท่านั้น