• Slytherin Y.7 | 18 Age
• Half-blood | 189 cm.
#HWWW_Commu
__
𝖣𝗈𝖼 : https://docs.google.com/document/d/1tXRii-u_d0QIOWbs3VNOO58timhf_wh3lc1qnXAMMRA/edit?usp=sharing
เสียงส้นรองเท้าของเขากระทบพื้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แต่ทุกก้าวกลับรู้สึกเบากว่าปกติเล็กน้อย ราวกับสติของเขายังติดค้างอยู่ที่ริมฝีปากที่ยังคงชาอยู่ไม่หาย
เสียงส้นรองเท้าของเขากระทบพื้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แต่ทุกก้าวกลับรู้สึกเบากว่าปกติเล็กน้อย ราวกับสติของเขายังติดค้างอยู่ที่ริมฝีปากที่ยังคงชาอยู่ไม่หาย
เฟอร์เรกซ์ผละตัวออกจากโต๊ะ ครู่หนึ่งเขาหันมองไปยังโต๊ะกลุ่มบ้านอื่น หากแต่ไม่นานก็เบือนใบหน้ากลับมา
"ครับ ไว้พบกันใหม่ครั้งหน้านะ"
เขายกมือเชิงอำลาเล็ก ๆ พร้อมรอยยิ้มเช่นเคย
ก่อนจะถึงเวลาที่เขาต้องเอาตัวเองออกจากพื้นที่ของโต๊ะบ้านแบดเจอร์เสียที
--
(ขอบคุณที่โรลด้วยกันจนถึงตอนนี้นะคะ!🥺🤲💗 ผูกโบว์ให้น้องทิ้งท้าย🤏)
เฟอร์เรกซ์ผละตัวออกจากโต๊ะ ครู่หนึ่งเขาหันมองไปยังโต๊ะกลุ่มบ้านอื่น หากแต่ไม่นานก็เบือนใบหน้ากลับมา
"ครับ ไว้พบกันใหม่ครั้งหน้านะ"
เขายกมือเชิงอำลาเล็ก ๆ พร้อมรอยยิ้มเช่นเคย
ก่อนจะถึงเวลาที่เขาต้องเอาตัวเองออกจากพื้นที่ของโต๊ะบ้านแบดเจอร์เสียที
--
(ขอบคุณที่โรลด้วยกันจนถึงตอนนี้นะคะ!🥺🤲💗 ผูกโบว์ให้น้องทิ้งท้าย🤏)
"ถ้าเป็นแบบนั้นผมคิดว่าคนอื่นคงบอกว่าเป็นของขวัญหลงฤดูอะไรที่น่ารักดีมากกว่านะ?"
ครู่หนึ่งรอยยิ้มเขาเจือจางลงเล็กน้อย จนบางทีอาจดูเหมือนคนวาดยิ้มแห้งขึ้นมาเสียมากกว่ากับเรื่องน้องสาวของตน
"เมื่อก่อนก็อาจใช่.." ก่อนเขาจะหัวเราะในลำคอขึ้นมา
+
"ถ้าเป็นแบบนั้นผมคิดว่าคนอื่นคงบอกว่าเป็นของขวัญหลงฤดูอะไรที่น่ารักดีมากกว่านะ?"
ครู่หนึ่งรอยยิ้มเขาเจือจางลงเล็กน้อย จนบางทีอาจดูเหมือนคนวาดยิ้มแห้งขึ้นมาเสียมากกว่ากับเรื่องน้องสาวของตน
"เมื่อก่อนก็อาจใช่.." ก่อนเขาจะหัวเราะในลำคอขึ้นมา
+
..มันช่วยอะไรหลายอย่างในตัวเขาไว้ได้ไม่น้อยจริง ๆ
@hwww-otto.bsky.social
..มันช่วยอะไรหลายอย่างในตัวเขาไว้ได้ไม่น้อยจริง ๆ
@hwww-otto.bsky.social
จนเมื่อแน่ใจว่าเรียบร้อยดี เฟอร์เรกซ์จึงผละออกมาดูผลงานของตน
"ผมมักชอบผูกเป็นโบว์แบบนี้ให้น้องสาวน่ะ"
เขาเอ่ยกึ่งขบขันเล็กน้อย
อาจเพราะเสี้ยวหนึ่งหวนถึงเด็กสาวที่ถูกกล่าวถึงเมื่อครู่
"ขอบคุณอีกครั้งสำหรับวันนี้นะ ออตโต้"
แม้คร้านจะนับว่าเขาเอ่ยประโยคแบบนี้กี่หน แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ยังจะกล่าวมันย้ำอีกครั้งเสียอยู่ดี
+
จนเมื่อแน่ใจว่าเรียบร้อยดี เฟอร์เรกซ์จึงผละออกมาดูผลงานของตน
"ผมมักชอบผูกเป็นโบว์แบบนี้ให้น้องสาวน่ะ"
เขาเอ่ยกึ่งขบขันเล็กน้อย
อาจเพราะเสี้ยวหนึ่งหวนถึงเด็กสาวที่ถูกกล่าวถึงเมื่อครู่
"ขอบคุณอีกครั้งสำหรับวันนี้นะ ออตโต้"
แม้คร้านจะนับว่าเขาเอ่ยประโยคแบบนี้กี่หน แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ยังจะกล่าวมันย้ำอีกครั้งเสียอยู่ดี
+
"ถ้าอย่างงั้น ขอคืนให้เธอนะ"
รอยยิ้มเล็ก ๆ ถูกจุดขึ้นยังมุมปาก
ในจังหวะที่เขาโน้มตัวลงไปหาคนตรงหน้า
เนื้อผ้าถูกขยับให้พาดลาดไหล่ที่เล็กกว่าแผ่วเบา ปลายนิ้วเขาเกลี่ยชายผ้าให้เข้าที่เข้าทางอย่างระมัดระวังและนุ่มนวลมากที่สุด
+
"ถ้าอย่างงั้น ขอคืนให้เธอนะ"
รอยยิ้มเล็ก ๆ ถูกจุดขึ้นยังมุมปาก
ในจังหวะที่เขาโน้มตัวลงไปหาคนตรงหน้า
เนื้อผ้าถูกขยับให้พาดลาดไหล่ที่เล็กกว่าแผ่วเบา ปลายนิ้วเขาเกลี่ยชายผ้าให้เข้าที่เข้าทางอย่างระมัดระวังและนุ่มนวลมากที่สุด
+
แต่อย่างน้อยเวลานี้เขาก็เริ่มร่างภาพในหัว
อย่างน้อยก็เรื่องของฝากสำหรับผู้หลักผู้ใหญ่?
เขาจึงดูจะเว้นช่วงเงียบสงัดไปสักพักหนึ่ง
ก่อนจะเลื่อนสายตามองรอบข้างขึ้นมา
"..อืม คิดว่าอาจเป็นเวลาที่เราต้องแยกกันแล้วนะ?"
ไม่รู้ตัวเสียเท่าไหร่ว่าพวกเขาสองคนนั่งพูดคุยกันมานานแค่ไหน
แต่บางทีก็คงมากพอที่จะเริ่มมีนักเรียนทยอยเข้ามาในโถงมากจากเดิม
+
แต่อย่างน้อยเวลานี้เขาก็เริ่มร่างภาพในหัว
อย่างน้อยก็เรื่องของฝากสำหรับผู้หลักผู้ใหญ่?
เขาจึงดูจะเว้นช่วงเงียบสงัดไปสักพักหนึ่ง
ก่อนจะเลื่อนสายตามองรอบข้างขึ้นมา
"..อืม คิดว่าอาจเป็นเวลาที่เราต้องแยกกันแล้วนะ?"
ไม่รู้ตัวเสียเท่าไหร่ว่าพวกเขาสองคนนั่งพูดคุยกันมานานแค่ไหน
แต่บางทีก็คงมากพอที่จะเริ่มมีนักเรียนทยอยเข้ามาในโถงมากจากเดิม
+
เสียงกี่ทอผ้า เสียงเลื่อยไม้
เขาไม่เคยได้ยินกับหูหรือเคยสัมผัสมัน
แต่เพราะแบบนั้นพอลองนึกภาพตามทีละนิด มันก็ฟังดูน่าสนใจขึ้นมา
และเมื่อได้รับรอยยิ้มที่ดูจะสบายใจขึ้นจากรุ่นน้อง
เฟอร์เรกซ์ก็ระบายยิ้มละมุนขึ้นมาอีกครั้ง
"ผมจะรอชิมพายแอปเปิ้ลของคุณแม่ออตโต้นะ"
+
เสียงกี่ทอผ้า เสียงเลื่อยไม้
เขาไม่เคยได้ยินกับหูหรือเคยสัมผัสมัน
แต่เพราะแบบนั้นพอลองนึกภาพตามทีละนิด มันก็ฟังดูน่าสนใจขึ้นมา
และเมื่อได้รับรอยยิ้มที่ดูจะสบายใจขึ้นจากรุ่นน้อง
เฟอร์เรกซ์ก็ระบายยิ้มละมุนขึ้นมาอีกครั้ง
"ผมจะรอชิมพายแอปเปิ้ลของคุณแม่ออตโต้นะ"
+
ครู่หนึ่งเขายกมือเคลื่อนไปแตะแก้วอีกฝ่ายเล็กน้อยเพราะระวังเผื่อมือรุ่นน้องตนจะปัดโดนมันขึ้นมาจริง ๆ
ไม่นานเขาก็ละมือกลับมาและเอ่ยตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ
"อยู่กับออตโต้ไม่เบื่อหรอกครับ"
เขาเอียงศีรษะอย่างครุ่นคิดถึงภาพในหัวตามคำบอกเล่าที่ได้ยินอยู่อีกสักพัก
"ก็ฟังดูเงียบสงบดีนี่นา"
+
ครู่หนึ่งเขายกมือเคลื่อนไปแตะแก้วอีกฝ่ายเล็กน้อยเพราะระวังเผื่อมือรุ่นน้องตนจะปัดโดนมันขึ้นมาจริง ๆ
ไม่นานเขาก็ละมือกลับมาและเอ่ยตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ
"อยู่กับออตโต้ไม่เบื่อหรอกครับ"
เขาเอียงศีรษะอย่างครุ่นคิดถึงภาพในหัวตามคำบอกเล่าที่ได้ยินอยู่อีกสักพัก
"ก็ฟังดูเงียบสงบดีนี่นา"
+
"หรือทำให้ลำบากใจรึเปล่าครับ?"
@hwww-otto.bsky.social
"หรือทำให้ลำบากใจรึเปล่าครับ?"
@hwww-otto.bsky.social
ก่อนเขาจะส่งรอยยิ้มอย่างที่อยากให้รุ่นน้องตนเองไม่กังวลสิ่งใดมากนัก จากการสังเกตท่าทีคนอายุน้อยกว่าที่ดูคล้ายจะไม่มั่นใจบางอย่าง
"ถ้าแค่ออตโต้ยินดีจะให้ผมไปหา แค่นั้นก็พอแล้วครับ"
+
ก่อนเขาจะส่งรอยยิ้มอย่างที่อยากให้รุ่นน้องตนเองไม่กังวลสิ่งใดมากนัก จากการสังเกตท่าทีคนอายุน้อยกว่าที่ดูคล้ายจะไม่มั่นใจบางอย่าง
"ถ้าแค่ออตโต้ยินดีจะให้ผมไปหา แค่นั้นก็พอแล้วครับ"
+
"ความเหงาไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอกครับ"
แม้จะยังมีอาการขบขันตกค้าง แต่เขาก็สาบานต่อเมอร์ลินได้ว่าหาใช่การหัวเราะเยาะเย้ยใด ๆ ต่ออีกฝ่าย
แค่สายตาสีทองสว่างที่ทอดมองอย่างนุ่มนวลไม่ต่างจากรอยยิ้ม
บางทีเพียงแค่นั้น, หากมองมาก็คงสัมผัสได้อย่างเด่นชัด
+
"ความเหงาไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอกครับ"
แม้จะยังมีอาการขบขันตกค้าง แต่เขาก็สาบานต่อเมอร์ลินได้ว่าหาใช่การหัวเราะเยาะเย้ยใด ๆ ต่ออีกฝ่าย
แค่สายตาสีทองสว่างที่ทอดมองอย่างนุ่มนวลไม่ต่างจากรอยยิ้ม
บางทีเพียงแค่นั้น, หากมองมาก็คงสัมผัสได้อย่างเด่นชัด
+
เขาดูคิดอะไรในหัว แต่ภายนอกกลับแค่นั่งเท้าคางใช้ปลายนิ้วจิ้มขอบแก้วตนเองเล่นไปมา
"เพราะแบบนั้นเลยเหมาะที่จะโดนเรียกว่าคำสาปล่ะมั้ง"
เขาตอบน้ำเสียงฟังดูเอื่อยเฉื่อยกว่าปกติเล็กน้อย
ก่อนดวงตาอำพันจะเลื่อนขึ้นมาสบมองคู่สนทนาภายหลัง
หนแรกเขาดูจะเพียงแค่ยกยิ้มขบขันเล็ก ๆ กับท่าทีดูลนลานของรุ่นน้องตรงหน้า
+
เขาดูคิดอะไรในหัว แต่ภายนอกกลับแค่นั่งเท้าคางใช้ปลายนิ้วจิ้มขอบแก้วตนเองเล่นไปมา
"เพราะแบบนั้นเลยเหมาะที่จะโดนเรียกว่าคำสาปล่ะมั้ง"
เขาตอบน้ำเสียงฟังดูเอื่อยเฉื่อยกว่าปกติเล็กน้อย
ก่อนดวงตาอำพันจะเลื่อนขึ้นมาสบมองคู่สนทนาภายหลัง
หนแรกเขาดูจะเพียงแค่ยกยิ้มขบขันเล็ก ๆ กับท่าทีดูลนลานของรุ่นน้องตรงหน้า
+
"จนถึงตอนนั้นเราก็อาจมีโอกาสได้เจอกันบ่อยหากต้องการก็ได้"
ช่วงหนึ่งที่เขาเว้นเงียบไป "หรือไม่ก็.. ผมแวะมาหาตอนช่วงเธอปิดเทอม?"
หากว่าแค่การตอบรับกันผ่านจดหมายจะทำให้รู้สึกเหงามากเกินไปหน่อยล่ะนะ
@hwww-otto.bsky.social
"จนถึงตอนนั้นเราก็อาจมีโอกาสได้เจอกันบ่อยหากต้องการก็ได้"
ช่วงหนึ่งที่เขาเว้นเงียบไป "หรือไม่ก็.. ผมแวะมาหาตอนช่วงเธอปิดเทอม?"
หากว่าแค่การตอบรับกันผ่านจดหมายจะทำให้รู้สึกเหงามากเกินไปหน่อยล่ะนะ
@hwww-otto.bsky.social
เฟอร์เรกซ์จึงไม่ได้กล่าวอะไรอีก
นอกซะจาก..
"เธอก็ดูเป็นเด็กน้อยขี้เหงาเหมือนกันนะ"
น้ำเสียงเขาฟังดูเหมือนคนเอ่ยอย่างระคนเอ็นดูมากเสียกว่าจะเป็นความรู้สึกแง่ลบอย่างอื่น
เพราะงั้นยามนึกภาพว่าตัวเองอาจจะยิ่งทำให้รุ่นน้องรู้สึกเหงากว่าเดิม ก็คล้ายจะรู้สึกไม่ดีเล็ก ๆ ในใจขึ้นมา
เขาครุ่นคิดอยู่อีกช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
+
เฟอร์เรกซ์จึงไม่ได้กล่าวอะไรอีก
นอกซะจาก..
"เธอก็ดูเป็นเด็กน้อยขี้เหงาเหมือนกันนะ"
น้ำเสียงเขาฟังดูเหมือนคนเอ่ยอย่างระคนเอ็นดูมากเสียกว่าจะเป็นความรู้สึกแง่ลบอย่างอื่น
เพราะงั้นยามนึกภาพว่าตัวเองอาจจะยิ่งทำให้รุ่นน้องรู้สึกเหงากว่าเดิม ก็คล้ายจะรู้สึกไม่ดีเล็ก ๆ ในใจขึ้นมา
เขาครุ่นคิดอยู่อีกช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
+
ตอนนั้นคงไม่ได้เข้าใจเสียเท่าไหร่
แต่เวลานี้, และอนาคตก็คงจะเข้าใจมันมากขึ้นเรื่อย ๆ
"แต่บางทีการกระทำหรือความรู้สึกอะไรแบบนั้นก็ใช่ว่าจะไม่ดีหรอกครับ"
"คงอยู่ที่ว่าเราทุ่มให้มันผิดเวลา.. ผิดคนหรือเปล่า"
ช่วงประโยคหนึ่งในตอนท้ายที่เสียงเขาเบาลงเล็กน้อย
ขณะที่แก้วชาซึ่งว่างเปล่าแล้วถูกหมุนวนไปมาราวเป็นของเล่นชิ้นหนึ่ง
+
ตอนนั้นคงไม่ได้เข้าใจเสียเท่าไหร่
แต่เวลานี้, และอนาคตก็คงจะเข้าใจมันมากขึ้นเรื่อย ๆ
"แต่บางทีการกระทำหรือความรู้สึกอะไรแบบนั้นก็ใช่ว่าจะไม่ดีหรอกครับ"
"คงอยู่ที่ว่าเราทุ่มให้มันผิดเวลา.. ผิดคนหรือเปล่า"
ช่วงประโยคหนึ่งในตอนท้ายที่เสียงเขาเบาลงเล็กน้อย
ขณะที่แก้วชาซึ่งว่างเปล่าแล้วถูกหมุนวนไปมาราวเป็นของเล่นชิ้นหนึ่ง
+
แม้จะพอเข้าใจ.. กระนั้นก็ไม่ได้เอ่ยแทรกอะไรต่อขึ้นมา
จนเมื่อคำพูดสุดท้ายของอีกฝ่ายจบลง
เขาจึงเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ฟังดูแล้วคงคล้ายแค่เอ่ยอย่างล่องลอยเสียมากกว่าต้องการคำตอบกลับ
"การรู้สึกรักนี่ก็เหมือนคำสาปเลยนะ"
ชั่วขณะหนึ่งที่เขาเว้นช่วง ก่อนจะหัวเราะในลำคอขึ้นมาแล้วกล่าวติดขบขันว่า "ล้อเล่นน่ะ"
+
แม้จะพอเข้าใจ.. กระนั้นก็ไม่ได้เอ่ยแทรกอะไรต่อขึ้นมา
จนเมื่อคำพูดสุดท้ายของอีกฝ่ายจบลง
เขาจึงเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ฟังดูแล้วคงคล้ายแค่เอ่ยอย่างล่องลอยเสียมากกว่าต้องการคำตอบกลับ
"การรู้สึกรักนี่ก็เหมือนคำสาปเลยนะ"
ชั่วขณะหนึ่งที่เขาเว้นช่วง ก่อนจะหัวเราะในลำคอขึ้นมาแล้วกล่าวติดขบขันว่า "ล้อเล่นน่ะ"
+
"เพราะผมก็จะรออ่านจดหมายเธอเสมอเหมือนกัน"
"เพราะผมก็จะรออ่านจดหมายเธอเสมอเหมือนกัน"
"บางทีอาจจะล่าช้า- อืม.." เขาลากเสียงในลำคออย่างครุ่นคิดครู่หนึ่ง "เพราะผมอาจอยู่ไม่ค่อยเป็นที่น่ะครับ"
ก่อนสุดท้ายเขาจะยกยิ้มนุ่มนวลอีกหนหนึ่ง
"ออตโต้เก่งอยู่แล้ว เพราะงั้นทำได้แน่"
"และหวังว่าเธอจะไม่ได้รู้สึกกดดันมากไปนะ?"
+
"บางทีอาจจะล่าช้า- อืม.." เขาลากเสียงในลำคออย่างครุ่นคิดครู่หนึ่ง "เพราะผมอาจอยู่ไม่ค่อยเป็นที่น่ะครับ"
ก่อนสุดท้ายเขาจะยกยิ้มนุ่มนวลอีกหนหนึ่ง
"ออตโต้เก่งอยู่แล้ว เพราะงั้นทำได้แน่"
"และหวังว่าเธอจะไม่ได้รู้สึกกดดันมากไปนะ?"
+
"ผมน่ะ.. แค่เขาหายไปไม่ตอบผมได้แค่เดือนเดียวผมก็หาทางไปหาเขาแล้ว"
น้ำเสียงเขาคล้ายมีความขบขันติดอยู่
บางทีถ้าหากสถาบันฮอกวอตส์ที่นี่ไม่มีระบบหอพัก
บางทีเขาอาจไป ๆ มา ๆ ระหว่างสองที่แล้วก็ได้
คงเพราะนึกแบบนั้นเขาเลยคล้ายจะมีอารมณ์ขันกับเรื่องเก่า ๆ ของตนเล็กน้อย
+
"ผมน่ะ.. แค่เขาหายไปไม่ตอบผมได้แค่เดือนเดียวผมก็หาทางไปหาเขาแล้ว"
น้ำเสียงเขาคล้ายมีความขบขันติดอยู่
บางทีถ้าหากสถาบันฮอกวอตส์ที่นี่ไม่มีระบบหอพัก
บางทีเขาอาจไป ๆ มา ๆ ระหว่างสองที่แล้วก็ได้
คงเพราะนึกแบบนั้นเขาเลยคล้ายจะมีอารมณ์ขันกับเรื่องเก่า ๆ ของตนเล็กน้อย
+
ขณะที่สายตาหลุบมองถ้วยชาที่มีฝ่ามืออีกข้างตนหมุนมันเล่นไปมา
จะเรื่องการจากลาหรือการรอคอย
หากบอกถึงคำว่า 'พอจะเข้าใจ' ก็คงได้
ยิ่งพอได้ยินเรื่องจดหมายของอีกฝ่ายที่ส่งไปมากมายขนาดนั้น..
เขาก็คล้ายจะระบายยิ้มเจือจางอยู่ครู่หนึ่ง
"อาจจะฟังดูทั้งดี..และไม่ดีก็ได้ล่ะมั้งครับ"
"ที่เธอสามารถอดทนรอจดหมายจากอีกฝ่ายได้นานแบบนั้น"
+
ขณะที่สายตาหลุบมองถ้วยชาที่มีฝ่ามืออีกข้างตนหมุนมันเล่นไปมา
จะเรื่องการจากลาหรือการรอคอย
หากบอกถึงคำว่า 'พอจะเข้าใจ' ก็คงได้
ยิ่งพอได้ยินเรื่องจดหมายของอีกฝ่ายที่ส่งไปมากมายขนาดนั้น..
เขาก็คล้ายจะระบายยิ้มเจือจางอยู่ครู่หนึ่ง
"อาจจะฟังดูทั้งดี..และไม่ดีก็ได้ล่ะมั้งครับ"
"ที่เธอสามารถอดทนรอจดหมายจากอีกฝ่ายได้นานแบบนั้น"
+
มีเพียงแค่การพยักหน้ารับเป็นระยะอย่างพยายามทำความเข้าใจ
จวบจนประโยคสุดท้ายของรุ่นน้องจบลง
เขาจึงคลี่รอยยิ้มอ่อนโยนตอบรับขึ้นมา
"บางทีนั่นคงเป็นเพราะออตโต้คาดหวังและให้ความสำคัญกับสิ่งนั้นมากสินะ"
ฟังผิวเผิน เขาดูไม่ได้เปรยถามอย่างต้องการคำตอบจริงจังเท่าไหร่นัก
"เพราะแบบนั้นเลยเป็นเรื่องธรรมดาที่อาจจะรู้สึกไม่ดีกับมันก็ได้"
+
มีเพียงแค่การพยักหน้ารับเป็นระยะอย่างพยายามทำความเข้าใจ
จวบจนประโยคสุดท้ายของรุ่นน้องจบลง
เขาจึงคลี่รอยยิ้มอ่อนโยนตอบรับขึ้นมา
"บางทีนั่นคงเป็นเพราะออตโต้คาดหวังและให้ความสำคัญกับสิ่งนั้นมากสินะ"
ฟังผิวเผิน เขาดูไม่ได้เปรยถามอย่างต้องการคำตอบจริงจังเท่าไหร่นัก
"เพราะแบบนั้นเลยเป็นเรื่องธรรมดาที่อาจจะรู้สึกไม่ดีกับมันก็ได้"
+
แก้วชาถูกยกขึ้นจิบระหว่างนั้น คำถามเขาไม่ได้ฟังดูกดดันเสียเท่าไหร่ จะเรียกว่าฟังดูเป็นประโยคอย่างเป็นห่วงเป็นใยจากคนเป็นรุ่นพี่ก็คงจะได้
(พอดีโนติไม่เด้งค่...ะ ย๊ากกกกกTTTTTT)
แก้วชาถูกยกขึ้นจิบระหว่างนั้น คำถามเขาไม่ได้ฟังดูกดดันเสียเท่าไหร่ จะเรียกว่าฟังดูเป็นประโยคอย่างเป็นห่วงเป็นใยจากคนเป็นรุ่นพี่ก็คงจะได้
(พอดีโนติไม่เด้งค่...ะ ย๊ากกกกกTTTTTT)
"ช่วงแรกคงจะลำบากหน่อย แต่เธอจะต้องผ่านไปได้แน่นอน"
คำกล่าวคล้ายให้กำลังใจของเขาฟังดูนุ่มนวลเหมือนเคย และมันก็คล้ายจะมีความเชื่อมั่นแฝงเอาไว้
"หรือมีอะไรที่กังวลใจกว่านั้นหรือเปล่าครับ?" เขาเปรยถามขึ้นมา
+
"ช่วงแรกคงจะลำบากหน่อย แต่เธอจะต้องผ่านไปได้แน่นอน"
คำกล่าวคล้ายให้กำลังใจของเขาฟังดูนุ่มนวลเหมือนเคย และมันก็คล้ายจะมีความเชื่อมั่นแฝงเอาไว้
"หรือมีอะไรที่กังวลใจกว่านั้นหรือเปล่าครับ?" เขาเปรยถามขึ้นมา
+