ห้วงฝันลืมเลือน มิรู้ว่าตนนั้นไซร้คือผู้มาเยือน
จึงดื่มด่ำเริงรื่นอยู่ร่ำไป
— คลื่นลมซัดทราย, หลีอวี้
E.
E.
.
.
.
ใกล้ถึงเวลาที่โคมจะลอย ผู้คนต่างจับจองพื้นที่เพื่อชมโคม , ริมฝั่งแม่น้ำน้อยนั้นแน่นขนัด ซูอวี้มองหาสถานที่ที่ตนเองและอาจารย์สามารถที่จะแทรกตัวเข้าไปได้ แต่สุดท้ายก็ไม่มี
คนทั้งสองจึงเลือกที่จะปีนขึ้นไปบนหลังคาของร้านค้า ขนมดอกเหมยและขวดสุราถูกวางไว้ข้างตัว —โคมสีส้มละมุนลอยผ่านขึ้นท้องฟ้าในเวลาต่อมา
.
.
.
ใกล้ถึงเวลาที่โคมจะลอย ผู้คนต่างจับจองพื้นที่เพื่อชมโคม , ริมฝั่งแม่น้ำน้อยนั้นแน่นขนัด ซูอวี้มองหาสถานที่ที่ตนเองและอาจารย์สามารถที่จะแทรกตัวเข้าไปได้ แต่สุดท้ายก็ไม่มี
คนทั้งสองจึงเลือกที่จะปีนขึ้นไปบนหลังคาของร้านค้า ขนมดอกเหมยและขวดสุราถูกวางไว้ข้างตัว —โคมสีส้มละมุนลอยผ่านขึ้นท้องฟ้าในเวลาต่อมา
“เอาล่ะ เอาล่ะ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว และวันนี้เป็นวันมงคล พวกเราจะทำอะไรที่มันมงคลบ้างข้าคิดว่าไม่ใช่เรื่องไม่ดี ออกไปเที่ยวตลาดกลางคืนกันดีหรือไม่เล่า?“ ผู้เป็นอาจารย์นัันเอ่ยถามในตอนที่ตบหลังซูอวี้ ,
“เอาล่ะ เอาล่ะ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว และวันนี้เป็นวันมงคล พวกเราจะทำอะไรที่มันมงคลบ้างข้าคิดว่าไม่ใช่เรื่องไม่ดี ออกไปเที่ยวตลาดกลางคืนกันดีหรือไม่เล่า?“ ผู้เป็นอาจารย์นัันเอ่ยถามในตอนที่ตบหลังซูอวี้ ,
“มันเป็นเหตุการณ์ที่ข้าไม่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหนิานี่ ท่านอาจารย์”
“เจ้าประมาทเลินเล่อ —อวี้เอ๋อร์ ข้าสั่งสอนเจ้าไม่ใช่เพื่อให้เจ้าใช้ชีวิตอย่างทระนงค์ตนว่าเก่งกาจ
“มันเป็นเหตุการณ์ที่ข้าไม่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหนิานี่ ท่านอาจารย์”
“เจ้าประมาทเลินเล่อ —อวี้เอ๋อร์ ข้าสั่งสอนเจ้าไม่ใช่เพื่อให้เจ้าใช้ชีวิตอย่างทระนงค์ตนว่าเก่งกาจ
.
.
.
“เจ้านี่ —ไม่ระวังตัวเอาเสียเลย เอ้า ! ยา“ กระปุกยาถูกโยนมาให้แก่
.
.
.
“เจ้านี่ —ไม่ระวังตัวเอาเสียเลย เอ้า ! ยา“ กระปุกยาถูกโยนมาให้แก่
ร่างของซูอวี้ปรากฏอยู่ที่ทางเดินอันมืดมิด ฝีเท้าเบาราวกับแมวค่อยๆ เคลื่อนตัวไปยังเรือนด้านหลัง ผ่านห้องคนใช้ที่ดื่มด่ำกับชาหอมกรุ่นและขนมดอกเหมย ตรงไปห้องที่อยู่ริมสุด แสงสีส้มระเรื่อลอดออกมาจากหน้าต่างกระดาษสา ,
ร่างของซูอวี้ปรากฏอยู่ที่ทางเดินอันมืดมิด ฝีเท้าเบาราวกับแมวค่อยๆ เคลื่อนตัวไปยังเรือนด้านหลัง ผ่านห้องคนใช้ที่ดื่มด่ำกับชาหอมกรุ่นและขนมดอกเหมย ตรงไปห้องที่อยู่ริมสุด แสงสีส้มระเรื่อลอดออกมาจากหน้าต่างกระดาษสา ,
ทั้งคู่ปิดหน้าตา เร้นกายไปยังทางเหนือของถนนคนเดิน ตรงไปยังตรอกที่ตั้งของจวนสกุลซู —ทั้งสองไม่ได้เข้าโดยตรง แต่กลับแยกกันไป ซูอวี้เข้าไปด้านหลังของจวน ส่วนเฮ่อฉือจะเข้าด้านข้าง , นั่นคือแผนการที่ได้ตกลงกันไว้ด้านนอกของจวนแขวนป้ายสีแดงโอ่อ่า แต่ด้านในกลับมีเพียงเรือนไม่กี่หลังที่เปิดไฟ จากข้อมูลที่ได้มา
ทั้งคู่ปิดหน้าตา เร้นกายไปยังทางเหนือของถนนคนเดิน ตรงไปยังตรอกที่ตั้งของจวนสกุลซู —ทั้งสองไม่ได้เข้าโดยตรง แต่กลับแยกกันไป ซูอวี้เข้าไปด้านหลังของจวน ส่วนเฮ่อฉือจะเข้าด้านข้าง , นั่นคือแผนการที่ได้ตกลงกันไว้ด้านนอกของจวนแขวนป้ายสีแดงโอ่อ่า แต่ด้านในกลับมีเพียงเรือนไม่กี่หลังที่เปิดไฟ จากข้อมูลที่ได้มา
.
.
.
ถนนคนเดินในค่ำคืนนี้คร่ำคร่าไปทั้งร้านค้าและผู้คน แต่ทว่าสองศิษย์-อาจารย์นั้นไม่มีเวลามาดื่มด่ำเท่าใดนัก , พวกเขายังต้องทำภารกิจในครั้งนี้ให้เสร็จสิ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการขโมยของ แต่หากเป็นการขโมยของที่ต้องว่าจ้าง
.
.
.
ถนนคนเดินในค่ำคืนนี้คร่ำคร่าไปทั้งร้านค้าและผู้คน แต่ทว่าสองศิษย์-อาจารย์นั้นไม่มีเวลามาดื่มด่ำเท่าใดนัก , พวกเขายังต้องทำภารกิจในครั้งนี้ให้เสร็จสิ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการขโมยของ แต่หากเป็นการขโมยของที่ต้องว่าจ้าง
“เจ้าจะสั่งอะไ-- เอ้ย เสี่ยวเอ้อร์ ! ! อ้าว เฮ้ย ข้ายังสั่งไม่เสร็จ” ยามที่เฮ่อฉือกำลังจะให้ซูอวี้สั่งอาหารที่ตนเองอยากทาน
“เจ้าจะสั่งอะไ-- เอ้ย เสี่ยวเอ้อร์ ! ! อ้าว เฮ้ย ข้ายังสั่งไม่เสร็จ” ยามที่เฮ่อฉือกำลังจะให้ซูอวี้สั่งอาหารที่ตนเองอยากทาน
“ข้าไม่เห็นว่าเจ้าจะมีปัญหาตรงไหนกับสีผมเลย อีกอย่างวาวใจได้ มันไม่ได้ทำให้เจ้าดูเบาปัญญาขึ้นเสียหน่อย”
“ข้าไม่เห็นว่าเจ้าจะมีปัญหาตรงไหนกับสีผมเลย อีกอย่างวาวใจได้ มันไม่ได้ทำให้เจ้าดูเบาปัญญาขึ้นเสียหน่อย”
แต่หาใช่ว่าเดิมทีเขานั้นไม่ได้รับการยอมรับ , เขามีอาจารย์ทั้งคน ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญของเขา เขาจึงเลือกใช้วันเวลาที่เหลือกับอาจารย์ของตนเอง
“ดูเหมือนผมของข้าจะเปลี่ยนสีไปจนเกือบจะทั้งหัวแล้ว”
แต่หาใช่ว่าเดิมทีเขานั้นไม่ได้รับการยอมรับ , เขามีอาจารย์ทั้งคน ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญของเขา เขาจึงเลือกใช้วันเวลาที่เหลือกับอาจารย์ของตนเอง
“ดูเหมือนผมของข้าจะเปลี่ยนสีไปจนเกือบจะทั้งหัวแล้ว”
ไม่สู้ก็ตายหากสู้ก็ต้องสู้สุดกำลัง , ไม่เช่นนั้นก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นคนขลาดเขลา ーลำพังตัวเขาคงไม่เท่าใด แต่บุคคลเหล่านั้นพาดพิงถึงทั้งอาจารย์และมารดาของเขาด้วย นั่นทำให้ซูอวี้พร้อมที่จะฝ่าฟันทุกสิ่ง และสุดท้ายก็จบด้วยชัยชนะ
ไม่สู้ก็ตายหากสู้ก็ต้องสู้สุดกำลัง , ไม่เช่นนั้นก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นคนขลาดเขลา ーลำพังตัวเขาคงไม่เท่าใด แต่บุคคลเหล่านั้นพาดพิงถึงทั้งอาจารย์และมารดาของเขาด้วย นั่นทำให้ซูอวี้พร้อมที่จะฝ่าฟันทุกสิ่ง และสุดท้ายก็จบด้วยชัยชนะ
พิธีลอยโคมถูกจัดขึ้นในวันปีใหม่ของหลีหมิง , และนั่นประจวบเหมาะกับสองศิษย์-อาจารย์ได้เดินทางมาทำภารกิจและพำนับที่นี่ , หลีหมิงห่างไกลจากซีเซี่ยหลายร้อยลี้ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขาทั้งคู่ - การใช้ม้าคู่กายคนละตัว ค่ำไหน นอนนั่น ทำให้ช่วงเวลาระหว่างที่เฟิง ซูอวี้จะขึ้นเป็นประมุขพรรคมารนั้นมีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด , เขาปฏิเสธไม่ได้ จะเรียกว่าปฏิเสธไม่ได้นั้นก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว
พิธีลอยโคมถูกจัดขึ้นในวันปีใหม่ของหลีหมิง , และนั่นประจวบเหมาะกับสองศิษย์-อาจารย์ได้เดินทางมาทำภารกิจและพำนับที่นี่ , หลีหมิงห่างไกลจากซีเซี่ยหลายร้อยลี้ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขาทั้งคู่ - การใช้ม้าคู่กายคนละตัว ค่ำไหน นอนนั่น ทำให้ช่วงเวลาระหว่างที่เฟิง ซูอวี้จะขึ้นเป็นประมุขพรรคมารนั้นมีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด , เขาปฏิเสธไม่ได้ จะเรียกว่าปฏิเสธไม่ได้นั้นก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว
「百和諸」
⠀⠀ ⠀⠀
⠀⠀ ⠀⠀
⠀⠀ ⠀⠀
⠀⠀ ⠀⠀
«本間»
⠀⠀ ⠀⠀
⠀⠀ ⠀⠀
⠀⠀ ⠀⠀
⠀⠀ ⠀⠀
เฮ่อฉือรับมันมาจากมือของซูอวี้ ก่อนที่จะยกจิบมันทันที ดวงตาของเขาจดจ้องใบยังใบหน้าของอดีตศิษย์ของตนอย่างมีความหมาย
E.
เฮ่อฉือรับมันมาจากมือของซูอวี้ ก่อนที่จะยกจิบมันทันที ดวงตาของเขาจดจ้องใบยังใบหน้าของอดีตศิษย์ของตนอย่างมีความหมาย
E.
"ที่ท่านว่ามาถูกต้องทุกประการ"
"ที่ท่านว่ามาถูกต้องทุกประการ"
"และหากข้าคาดการณ์แล้ว
"และหากข้าคาดการณ์แล้ว
”ไป๋ เฮ่อฉือตัดสินใจจากไปอย่างสงบในคืนที่หิมะโปรยปรายในจวนของตนเอง, ในเมื่อเขาไม่สามารถปลิดชีพของตนเองได้อย่างมนุษย์ทั่วไปแล้วนั้น เขาจึงจำเป็นต้องทำลายหัวใจดวงที่สองของตนเองทิ้ง ศพของเขาหัวใจหายไปหนึ่งดวงดั่งคำให้การของเฟิง ซูอวี้"
แน่นอนว่านั่นเป็นความจริงเพียงหนึ่งในสิบส่วน
”ไป๋ เฮ่อฉือตัดสินใจจากไปอย่างสงบในคืนที่หิมะโปรยปรายในจวนของตนเอง, ในเมื่อเขาไม่สามารถปลิดชีพของตนเองได้อย่างมนุษย์ทั่วไปแล้วนั้น เขาจึงจำเป็นต้องทำลายหัวใจดวงที่สองของตนเองทิ้ง ศพของเขาหัวใจหายไปหนึ่งดวงดั่งคำให้การของเฟิง ซูอวี้"
แน่นอนว่านั่นเป็นความจริงเพียงหนึ่งในสิบส่วน
“อวี้เอ่อร์ —เจ้าป่าวประกาศการตายของข้าไปว่าอย่างไร?“
ซูอวี้ไม่ได้ตอบอะไร เขาวางตะเกียบก่อนที่จะมองใบหน้าของไป๋ เฮ่อฉือ, ไป๋ เฮ่อฉือเองก็มองเขาตอบ —หากนี่เป็นนิสัยที่ชั่วช้า เขาก็ยอมเป็นคนชั่วช้า ,
“อวี้เอ่อร์ —เจ้าป่าวประกาศการตายของข้าไปว่าอย่างไร?“
ซูอวี้ไม่ได้ตอบอะไร เขาวางตะเกียบก่อนที่จะมองใบหน้าของไป๋ เฮ่อฉือ, ไป๋ เฮ่อฉือเองก็มองเขาตอบ —หากนี่เป็นนิสัยที่ชั่วช้า เขาก็ยอมเป็นคนชั่วช้า ,
ซูอวี้ไม่ได้เลือกที่จะปกป้องมนุษย์ เขาเลือกที่จะเปิดประตูด้วยวงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่นำทัพปิศาจมาเยือนโลกมนุษย์ —และผู้ที่สามารถสร้างวงแหวนเวทย์ขนาดนั้นได้ มีเพียงไป๋ เฮ่อฉือแต่เพียงเท่านั้น
า
ซูอวี้ไม่ได้เลือกที่จะปกป้องมนุษย์ เขาเลือกที่จะเปิดประตูด้วยวงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่นำทัพปิศาจมาเยือนโลกมนุษย์ —และผู้ที่สามารถสร้างวงแหวนเวทย์ขนาดนั้นได้ มีเพียงไป๋ เฮ่อฉือแต่เพียงเท่านั้น
า