❋* คาร์ค่อนข้างก้าวร้าว อาจแสดงออกตามประสาเด็กเกเรบ้าง ทักมาตักเตือนได้เสมอค่ะ
พึมพำเบาๆ โดยมือเปลี่ยนไปบรรจงเขียนบางอย่างต่อในสมุดหน้าเดิมแทน
[ - ขี้แง ] (?)
“จะขอบคุณทำไมเล่า แล้วก็หยุดร้องได้แล้ว มันจะทำฉันรู้สึก..ไม่สบายใจเอา ถ้ายังร้องต่อฉันจะยึดข้าวปั้นนายแล้วนะ!“
ยื่นคำขาดให้พร้อมยื่นกระดาษทิชชู่บนโต๊ะให้
แม้นางาโตะจะไม่ได้ร้องไห้ด้วยความเสียใจอะไรเทือกนั้น แต่เขาก็ยังอดรู้สึกแย่ที่เห็นมันไม่ได้
พึมพำเบาๆ โดยมือเปลี่ยนไปบรรจงเขียนบางอย่างต่อในสมุดหน้าเดิมแทน
[ - ขี้แง ] (?)
“จะขอบคุณทำไมเล่า แล้วก็หยุดร้องได้แล้ว มันจะทำฉันรู้สึก..ไม่สบายใจเอา ถ้ายังร้องต่อฉันจะยึดข้าวปั้นนายแล้วนะ!“
ยื่นคำขาดให้พร้อมยื่นกระดาษทิชชู่บนโต๊ะให้
แม้นางาโตะจะไม่ได้ร้องไห้ด้วยความเสียใจอะไรเทือกนั้น แต่เขาก็ยังอดรู้สึกแย่ที่เห็นมันไม่ได้
เขาเกาหัว ไม่ใช่ด้วยความสงสัย แต่เพราะกำลังกังวลเสียมากกว่า มือจึงทำท่าจะลบตัวหนังสือในสมุดออก หรือจะไม่สบายใจถึงขนาดนั้น..? เช่นนั้นเขาลบออกให้ก็ได้นี่
“เดี๋ยว- มันก็แค่สมุดเอง! ฉันก็เขียนประจำ แล้วทำไมนายถึงต้อง..“
ถ้าให้ว่ากันตามตรง ตอนนี้ก็ไม่กล้ามองเพื่อนตรงหน้าเอาเสียเท่าไหร่ —เดี๋ยวจะรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิมอีกน่ะสิ ยิ่งรับมือกับอะไรแบบนี้ไม่เป็นด้วย
(+)
เขาเกาหัว ไม่ใช่ด้วยความสงสัย แต่เพราะกำลังกังวลเสียมากกว่า มือจึงทำท่าจะลบตัวหนังสือในสมุดออก หรือจะไม่สบายใจถึงขนาดนั้น..? เช่นนั้นเขาลบออกให้ก็ได้นี่
“เดี๋ยว- มันก็แค่สมุดเอง! ฉันก็เขียนประจำ แล้วทำไมนายถึงต้อง..“
ถ้าให้ว่ากันตามตรง ตอนนี้ก็ไม่กล้ามองเพื่อนตรงหน้าเอาเสียเท่าไหร่ —เดี๋ยวจะรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิมอีกน่ะสิ ยิ่งรับมือกับอะไรแบบนี้ไม่เป็นด้วย
(+)
รีบโพล่งขึ้นมากลัวว่าจะเข้าใจผิด แท้จริงการมีเพื่อนอยู่ชมพลุด้วยกันมันดีกว่าสำหรับเขาด้วยซ้ำ
”งั้น..ถ้าอยากให้ช่วยอะไรก็บอก“
บางครั้งก็อยากตีหัวตัวเองเวลาไม่ได้กลั่นกรองคำพูดให้ตรงกับสถานการณ์
‘ให้ช่วยอะไรก็บอก’ เนี่ยนะ..
สิ้นเสียง บรรยากาศก็กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง กลับกันก็เป็นจุดเริ่มต้นของดอกไม้ไฟชุดแรกที่กำลังจะปรากฏขึ้นเหนือน่านน้ำจากจุดที่ไกลออกไป
รีบโพล่งขึ้นมากลัวว่าจะเข้าใจผิด แท้จริงการมีเพื่อนอยู่ชมพลุด้วยกันมันดีกว่าสำหรับเขาด้วยซ้ำ
”งั้น..ถ้าอยากให้ช่วยอะไรก็บอก“
บางครั้งก็อยากตีหัวตัวเองเวลาไม่ได้กลั่นกรองคำพูดให้ตรงกับสถานการณ์
‘ให้ช่วยอะไรก็บอก’ เนี่ยนะ..
สิ้นเสียง บรรยากาศก็กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง กลับกันก็เป็นจุดเริ่มต้นของดอกไม้ไฟชุดแรกที่กำลังจะปรากฏขึ้นเหนือน่านน้ำจากจุดที่ไกลออกไป
เพราะดันระแวงกับคำพูดเรื่องแต่งงานจริงๆ เข้า ไม่เอาด้วยหรอกเรื่องไร้สาระพรรค์นั้น แค่คิดก็ขนลุกหมดแล้ว..
เพราะดันระแวงกับคำพูดเรื่องแต่งงานจริงๆ เข้า ไม่เอาด้วยหรอกเรื่องไร้สาระพรรค์นั้น แค่คิดก็ขนลุกหมดแล้ว..
“ฮะ?” ทว่าก็ชะงักขึ้นมาเมื่ออาซาโตะทำท่าจะยอมแพ้ไปก่อนเสียดื้อๆ
“นายเห็นฉันเป็นเด็กรึไง!” ถึงได้เอาขนมมาล่อกันน่ะ!
“แต่พูดเองนะ! ฉันจะไถตังนายให้หมดเลยเถอะ”
ว่าจบ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาก็รีบจ้ำเท้านำหน้าไปก่อนราวกับมีจุดหมายปลายทางในใจ
(+)
“ฮะ?” ทว่าก็ชะงักขึ้นมาเมื่ออาซาโตะทำท่าจะยอมแพ้ไปก่อนเสียดื้อๆ
“นายเห็นฉันเป็นเด็กรึไง!” ถึงได้เอาขนมมาล่อกันน่ะ!
“แต่พูดเองนะ! ฉันจะไถตังนายให้หมดเลยเถอะ”
ว่าจบ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาก็รีบจ้ำเท้านำหน้าไปก่อนราวกับมีจุดหมายปลายทางในใจ
(+)
”ถ้างานมันไม่สนุกทำไมไม่ให้คนอื่นมาทำแทนเล่า..“
ส่วนนี้คือบ่นลอยๆ เพราะดันไปตีความว่าเพื่อนตัวเองคงทำงานนี้ด้วยความจำใจไม่ก็ถูกบังคับมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
”ถ้างานมันไม่สนุกทำไมไม่ให้คนอื่นมาทำแทนเล่า..“
ส่วนนี้คือบ่นลอยๆ เพราะดันไปตีความว่าเพื่อนตัวเองคงทำงานนี้ด้วยความจำใจไม่ก็ถูกบังคับมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
”เพราะฉันชอบนายแบบนี้มากกว่า.. หมายถึงที่ยิ้มน่ะ ก่อนหน้ามันแปลกๆ ก็เลยไม่ชอบ ไม่ได้หมายถึงว่าเกลียดนายหรืออะไร”
มันเป็นยิ้มแบบเดียวกันกับที่สวนน้ำ และตอนอื่นๆ อีกหลายๆ ครั้ง เห็นจนเริ่มจำได้
(+)
”เพราะฉันชอบนายแบบนี้มากกว่า.. หมายถึงที่ยิ้มน่ะ ก่อนหน้ามันแปลกๆ ก็เลยไม่ชอบ ไม่ได้หมายถึงว่าเกลียดนายหรืออะไร”
มันเป็นยิ้มแบบเดียวกันกับที่สวนน้ำ และตอนอื่นๆ อีกหลายๆ ครั้ง เห็นจนเริ่มจำได้
(+)
ปกติก็มักจะระวังคำพูดและท่าทีของตัวเองกับนางาโตะอยู่เสมอ ทว่าพอมีสถานการณ์ที่เริ่มคิดว่าควบคุมไม่ได้ก็จะโวยวายตลอด(…)
“ข-ขอบคุณแล้วกัน!“ พูดอย่างขอไปที —ถึงจะไม่ได้รังเกียจอะไร แต่อย่างน้อยก็ควรเตือนกันหรือเปล่า!
”ถ้านายว่ามันไม่ได้แย่อะไร.. ก็ช่างมันเถอะ”
(+)
ปกติก็มักจะระวังคำพูดและท่าทีของตัวเองกับนางาโตะอยู่เสมอ ทว่าพอมีสถานการณ์ที่เริ่มคิดว่าควบคุมไม่ได้ก็จะโวยวายตลอด(…)
“ข-ขอบคุณแล้วกัน!“ พูดอย่างขอไปที —ถึงจะไม่ได้รังเกียจอะไร แต่อย่างน้อยก็ควรเตือนกันหรือเปล่า!
”ถ้านายว่ามันไม่ได้แย่อะไร.. ก็ช่างมันเถอะ”
(+)
เมื่อจู่ๆ คนตรงหน้าเริ่มพูดไม่หยุด ซ้ำยังสาธยายการแต่งตัวของเขาให้ฟังตั้งแต่หัวจรดเท้า… แบบนั้นจึงยิ่งทำให้รู้สึกอายขึ้นมา
อย่างน้อยในชุดอื่นไม่ได้หรือไง! ชุดตั้งเยอะแยะแต่ดันมาวิเคราะห์ชุดอะไรก็ไม่รู้แบบนี้น่ะ!
ว่าจะรีบขัดบทด้วยการซัดเจ้าหมอนี่ให้รีบๆ เงียบไปก็ไม่ทันอีก เพราะรู้ตัวอีกทีระยะห่างระหว่างกันก็ถูกลดแล้ว
“พอ..! ไม่ต้องแล้ว หยุดเลย!” ริกิยะรีบปัดมือข้างนั้นออก
(+)
เมื่อจู่ๆ คนตรงหน้าเริ่มพูดไม่หยุด ซ้ำยังสาธยายการแต่งตัวของเขาให้ฟังตั้งแต่หัวจรดเท้า… แบบนั้นจึงยิ่งทำให้รู้สึกอายขึ้นมา
อย่างน้อยในชุดอื่นไม่ได้หรือไง! ชุดตั้งเยอะแยะแต่ดันมาวิเคราะห์ชุดอะไรก็ไม่รู้แบบนี้น่ะ!
ว่าจะรีบขัดบทด้วยการซัดเจ้าหมอนี่ให้รีบๆ เงียบไปก็ไม่ทันอีก เพราะรู้ตัวอีกทีระยะห่างระหว่างกันก็ถูกลดแล้ว
“พอ..! ไม่ต้องแล้ว หยุดเลย!” ริกิยะรีบปัดมือข้างนั้นออก
(+)
—แต่ระหว่างรอคำตอบ, เจตนาเดิมก็ยังไม่ถูกลืมไปง่ายๆ เพราะเมื่อได้จังหวะแทรกตัวผ่านฝูงชนอีกครั้ง มือข้างเดิมก็รีบคว้าข้อมืออีกฝ่ายให้เดินตามมาติดๆ จนเผลอชนใครเขาไปบ้างก็ไม่ทันได้ใส่ใจ
“อะ เอ่อ คือ ขอโทษที่รีบเดิน แต่กลัวคิวมันจะเยอะน่ะ..”
เอ่ยขอโทษเป็นรอบที่สอง และใช่ หมายถึงคิวบูธปาลูกโป่ง(…)
—แต่ระหว่างรอคำตอบ, เจตนาเดิมก็ยังไม่ถูกลืมไปง่ายๆ เพราะเมื่อได้จังหวะแทรกตัวผ่านฝูงชนอีกครั้ง มือข้างเดิมก็รีบคว้าข้อมืออีกฝ่ายให้เดินตามมาติดๆ จนเผลอชนใครเขาไปบ้างก็ไม่ทันได้ใส่ใจ
“อะ เอ่อ คือ ขอโทษที่รีบเดิน แต่กลัวคิวมันจะเยอะน่ะ..”
เอ่ยขอโทษเป็นรอบที่สอง และใช่ หมายถึงคิวบูธปาลูกโป่ง(…)
ดวงตากลมจ้องมองผืนฟ้าสีดำสนิทที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันจำนวนมาก เขาไม่ได้เห็นมันในระยะใกล้เช่นนี้มาหลายปี ความรู้สึกตื่นเต้นแบบเดียวกันในวัยเด็กจึงพรั่งพรูกลับเข้ามา
“ท-โทษที เมื่อกี้นายว่าอะไรรึเปล่า?”
หลังเสียงพลุชุดแรกสงบลง-
(+)
ดวงตากลมจ้องมองผืนฟ้าสีดำสนิทที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันจำนวนมาก เขาไม่ได้เห็นมันในระยะใกล้เช่นนี้มาหลายปี ความรู้สึกตื่นเต้นแบบเดียวกันในวัยเด็กจึงพรั่งพรูกลับเข้ามา
“ท-โทษที เมื่อกี้นายว่าอะไรรึเปล่า?”
หลังเสียงพลุชุดแรกสงบลง-
(+)
//แต่ขอบคุณวัตถุดิบชั้นดีในการปรุงอาหารนะคะสุดหล่อ🥳)
//แต่ขอบคุณวัตถุดิบชั้นดีในการปรุงอาหารนะคะสุดหล่อ🥳)