🪻บวกได้ทุกโพสต์🪻
🐶คาร์น้องหมา ยาซาชี่บอย✨️
Doc: http://bit.ly/41sQT0T
Account for : AZK_commu
DM|CO-OP|ROLEPLAY : 24/7
🟢Active
เสียงกระซิบเบา ๆ เหมือนกลัวว่า หากพูดดังไป ความอบอุ่นนี้จะหายไปจากอกเขาอีกครั้ง
เสียงกระซิบเบา ๆ เหมือนกลัวว่า หากพูดดังไป ความอบอุ่นนี้จะหายไปจากอกเขาอีกครั้ง
"บังคับให้ผมแบ่งขนมในกล่อง... แล้วก็แย่งชิงซะจนเหลือแค่ชิ้นเดียว"
"แต่สุดท้ายก็ยอมแบ่งกลับมาให้ เพราะบอกว่า 'แบบนั้นไม่อร่อยแล้ว' …"
รอยยิ้มของเขานั้นเจือความขมขื่น
แต่มันก็เป็นครั้งแรกที่เขากล้าพูดถึงเธอ—
ในแบบที่ 'ซาเอะ' ยังมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของเขาเสมอ
"บังคับให้ผมแบ่งขนมในกล่อง... แล้วก็แย่งชิงซะจนเหลือแค่ชิ้นเดียว"
"แต่สุดท้ายก็ยอมแบ่งกลับมาให้ เพราะบอกว่า 'แบบนั้นไม่อร่อยแล้ว' …"
รอยยิ้มของเขานั้นเจือความขมขื่น
แต่มันก็เป็นครั้งแรกที่เขากล้าพูดถึงเธอ—
ในแบบที่ 'ซาเอะ' ยังมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของเขาเสมอ
เสียงที่เปล่งออกมาเบาหวิว แต่นั่นคือการยินยอมที่แท้จริง
"เธอ... จะต้องชอบซาเอะแน่เลย"
เขายิ้มจาง ๆ แม้ใบหน้าจะยังแนบไหล่เธออยู่ น้ำเสียงแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรักอันไม่มีวันลบเลือน
เสียงที่เปล่งออกมาเบาหวิว แต่นั่นคือการยินยอมที่แท้จริง
"เธอ... จะต้องชอบซาเอะแน่เลย"
เขายิ้มจาง ๆ แม้ใบหน้าจะยังแนบไหล่เธออยู่ น้ำเสียงแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรักอันไม่มีวันลบเลือน
เขามักเป็นคนที่กอดคนอื่นเพื่อปลอบโยน
แต่ในคราวนี้—เขาเป็นฝ่ายได้รับ
มือเรียวยกขึ้นกำชายเสื้อของริโกะไว้แน่น
...ไม่ใช่เพราะอ่อนแอ
แต่เพราะในที่สุด เขาก็ยอมให้ตัวเองได้อ่อนแอบ้างในที่ปลอดภัยนี้
ได้ยินคำขอของเธอ เขาเงียบอยู่อีกอึดใจ ก่อนจะค่อย ๆ พยักหน้า
เขามักเป็นคนที่กอดคนอื่นเพื่อปลอบโยน
แต่ในคราวนี้—เขาเป็นฝ่ายได้รับ
มือเรียวยกขึ้นกำชายเสื้อของริโกะไว้แน่น
...ไม่ใช่เพราะอ่อนแอ
แต่เพราะในที่สุด เขาก็ยอมให้ตัวเองได้อ่อนแอบ้างในที่ปลอดภัยนี้
ได้ยินคำขอของเธอ เขาเงียบอยู่อีกอึดใจ ก่อนจะค่อย ๆ พยักหน้า
ไหล่กว้างที่เคยตั้งตรงเหมือนคนเข้มแข็งในสายตาใครหลายคน ค่อย ๆ สั่นไหวเพียงเล็กน้อยในอ้อมกอดนั้น
...เสียงสะอื้นไม่มี
...น้ำตาก็ไม่มีให้เห็น
แต่ร่างกายของเขากำลังบอกว่า 'ขอโทษ' ซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่ต้องใช้ถ้อยคำ
ไหล่กว้างที่เคยตั้งตรงเหมือนคนเข้มแข็งในสายตาใครหลายคน ค่อย ๆ สั่นไหวเพียงเล็กน้อยในอ้อมกอดนั้น
...เสียงสะอื้นไม่มี
...น้ำตาก็ไม่มีให้เห็น
แต่ร่างกายของเขากำลังบอกว่า 'ขอโทษ' ซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่ต้องใช้ถ้อยคำ
แต่ในตอนนั้น เขาเผลอพูดมันออกไปกับคนที่ไม่ควรพูดด้วยมากที่สุด
แต่ในตอนนั้น เขาเผลอพูดมันออกไปกับคนที่ไม่ควรพูดด้วยมากที่สุด
“แต่ผมผิดเองนั่นแหละ...”
เสียงเงียบลงอีกครั้ง เหลือแค่ลมหายใจของคนที่พยายามกลั้นไม่ให้ทุกอย่างไหลทะลักออกมาพร้อมฝนที่ยังไม่ตก
“…ผมพูดว่า ‘ขนาดหลุมศพของซาเอะ พี่ยังไม่เคยไปเลยสักครั้ง’”
“แต่ผมผิดเองนั่นแหละ...”
เสียงเงียบลงอีกครั้ง เหลือแค่ลมหายใจของคนที่พยายามกลั้นไม่ให้ทุกอย่างไหลทะลักออกมาพร้อมฝนที่ยังไม่ตก
“…ผมพูดว่า ‘ขนาดหลุมศพของซาเอะ พี่ยังไม่เคยไปเลยสักครั้ง’”
มือที่จับอยู่ในมือเธอขยับน้อย ๆ แต่ไม่ได้ผละออก
เขาไม่ได้มองตรงมาที่ริโกะ แต่หันหน้าออกไปทางราวดาดฟ้า ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมีแววเจ็บปวดแฝงเร้น
“เผลอพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกไป… ทั้งที่รู้ว่าจะทำให้เขาโกรธ แต่ก็ยังพูด”
“เขาเลยต่อยผมเข้าให้ทีหนึ่ง”
มือที่จับอยู่ในมือเธอขยับน้อย ๆ แต่ไม่ได้ผละออก
เขาไม่ได้มองตรงมาที่ริโกะ แต่หันหน้าออกไปทางราวดาดฟ้า ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมีแววเจ็บปวดแฝงเร้น
“เผลอพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกไป… ทั้งที่รู้ว่าจะทำให้เขาโกรธ แต่ก็ยังพูด”
“เขาเลยต่อยผมเข้าให้ทีหนึ่ง”
เมื่อเธอบีบแน่นขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็เหมือนกับเสียงหนึ่งที่กระซิบในใจ—
ว่าเขาไม่ต้องฝืนอีกต่อไปแล้ว
อย่างน้อย... ไม่ใช่กับเธอ
เมื่อเธอบีบแน่นขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็เหมือนกับเสียงหนึ่งที่กระซิบในใจ—
ว่าเขาไม่ต้องฝืนอีกต่อไปแล้ว
อย่างน้อย... ไม่ใช่กับเธอ
ดวงตาคู่นั้นยังทอดต่ำราวกับยังไม่อาจพาตัวเองออกจากบ่วงความทรงจำได้หมด
...ซาเอะ
ชื่อที่เขาไม่เคยเอ่ยถึงกับใคร
ชื่อที่ผูกพันกับคำสัญญา ความค้างคา และการจากลาที่ไม่มีวันกลับ
ดวงตาคู่นั้นยังทอดต่ำราวกับยังไม่อาจพาตัวเองออกจากบ่วงความทรงจำได้หมด
...ซาเอะ
ชื่อที่เขาไม่เคยเอ่ยถึงกับใคร
ชื่อที่ผูกพันกับคำสัญญา ความค้างคา และการจากลาที่ไม่มีวันกลับ
ผมอาจจะเชื่อก็ได้ ว่าบางครั้งคนเราก็ไม่จำเป็นต้องวิ่งกลับไปหาอะไร
แค่มีใครบางคนกางร่มให้ในวันที่ไม่อยากพูดอะไรก็พอ"
เขาหัวเราะในลำคอเบา ๆ แล้วเอนหลังพิงขอบกันตกของดาดฟ้า
สายลมพัดแรงขึ้นเล็กน้อย และเม็ดฝนหยดแรก…เริ่มตกลงมาแล้ว
ผมอาจจะเชื่อก็ได้ ว่าบางครั้งคนเราก็ไม่จำเป็นต้องวิ่งกลับไปหาอะไร
แค่มีใครบางคนกางร่มให้ในวันที่ไม่อยากพูดอะไรก็พอ"
เขาหัวเราะในลำคอเบา ๆ แล้วเอนหลังพิงขอบกันตกของดาดฟ้า
สายลมพัดแรงขึ้นเล็กน้อย และเม็ดฝนหยดแรก…เริ่มตกลงมาแล้ว
"…ตอนที่ผมยื่นร่มให้"
เขาหลุบตาลงนิดหนึ่งเหมือนซ่อนรอยบางอย่างที่ฉายแววในแววตานั้น
ก่อนจะพูดต่อโดยไม่หันหน้าหนี
"ตอนนั้น ผมไม่ได้คิดอะไรหรอก
แค่เห็นว่าเธอยืนเปียกฝนอยู่คนเดียว…แล้วรู้สึกว่ามันดูเหงาไปหน่อย"
"…ตอนที่ผมยื่นร่มให้"
เขาหลุบตาลงนิดหนึ่งเหมือนซ่อนรอยบางอย่างที่ฉายแววในแววตานั้น
ก่อนจะพูดต่อโดยไม่หันหน้าหนี
"ตอนนั้น ผมไม่ได้คิดอะไรหรอก
แค่เห็นว่าเธอยืนเปียกฝนอยู่คนเดียว…แล้วรู้สึกว่ามันดูเหงาไปหน่อย"
แต่แกะห่อแล้วใส่เข้าปากทันที—แม้แก้มข้างหนึ่งจะยังระบมจาง ๆ อยู่ก็ตาม
"เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่ได้แปลว่าต้องปฏิเสธอะไรดี ๆ นี่นา"
เขายิ้มมุมปากเบา ๆ ขณะพูด กลืนคำในใจลงไปพร้อมกับรสผลไม้หวานอมเปรี้ยวในปาก
แต่แกะห่อแล้วใส่เข้าปากทันที—แม้แก้มข้างหนึ่งจะยังระบมจาง ๆ อยู่ก็ตาม
"เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่ได้แปลว่าต้องปฏิเสธอะไรดี ๆ นี่นา"
เขายิ้มมุมปากเบา ๆ ขณะพูด กลืนคำในใจลงไปพร้อมกับรสผลไม้หวานอมเปรี้ยวในปาก
ลูกอมสีชมพูที่ถูกยื่นมาตรงหน้า ทำให้เขาชะงักนิดหนึ่ง
ของเล็ก ๆ ที่ไม่ได้ดูพิเศษอะไร…แต่กลับเหมาะกับช่วงเวลานี้อย่างไม่น่าเชื่อ
"ขอบคุณนะ ยูเมะ"
เสียงของเขาเบาลงกว่าทุกครั้งที่พูดชื่อตัวอีกฝ่าย ดวงตาอำพันคู่นั้นแม้จะยังหม่นอยู่บ้าง แต่เริ่มมีแววอ่อนโยนที่ไม่ต้องใช้แรงฝืน
ลูกอมสีชมพูที่ถูกยื่นมาตรงหน้า ทำให้เขาชะงักนิดหนึ่ง
ของเล็ก ๆ ที่ไม่ได้ดูพิเศษอะไร…แต่กลับเหมาะกับช่วงเวลานี้อย่างไม่น่าเชื่อ
"ขอบคุณนะ ยูเมะ"
เสียงของเขาเบาลงกว่าทุกครั้งที่พูดชื่อตัวอีกฝ่าย ดวงตาอำพันคู่นั้นแม้จะยังหม่นอยู่บ้าง แต่เริ่มมีแววอ่อนโยนที่ไม่ต้องใช้แรงฝืน
ใบหน้าเปื้อนยิ้มเจือจาง
ทว่านั่นไม่ใช่รอยยิ้มเพื่อปกปิดอะไรอีกแล้ว— มันคือรอยยิ้มเศร้า ที่เกิดจากความคิดถึงและความเจ็บปวดที่ไม่อาจย้อนคืน
ใบหน้าเปื้อนยิ้มเจือจาง
ทว่านั่นไม่ใช่รอยยิ้มเพื่อปกปิดอะไรอีกแล้ว— มันคือรอยยิ้มเศร้า ที่เกิดจากความคิดถึงและความเจ็บปวดที่ไม่อาจย้อนคืน
ไม่ได้มองท้องฟ้า
แต่กำลังมองภาพบางภาพในใจ — ภาพที่เขาซ่อนมันไว้หลังม่านของรอยยิ้มมานานเหลือเกิน
"...เคยมีคนที่บอกผมว่าแค่รอยยิ้มของผมก็เพียงพอแล้ว"
น้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกลัวลมจะพัดมันหายไป
"ว่า...ไม่ต้องพยายามอะไรทั้งนั้น แค่ยิ้มก็พอ"
ไม่ได้มองท้องฟ้า
แต่กำลังมองภาพบางภาพในใจ — ภาพที่เขาซ่อนมันไว้หลังม่านของรอยยิ้มมานานเหลือเกิน
"...เคยมีคนที่บอกผมว่าแค่รอยยิ้มของผมก็เพียงพอแล้ว"
น้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกลัวลมจะพัดมันหายไป
"ว่า...ไม่ต้องพยายามอะไรทั้งนั้น แค่ยิ้มก็พอ"
มันคือความเงียบที่เหมาะสม—
เหมือนเสียงของโลกที่หยุดลงชั่วครู่ เพื่อให้หัวใจสองดวงได้หายใจพร้อมกันโดยไม่ต้องรีบเร่ง
บนดาดฟ้าโรงเรียนอามาเนะซากะก่อนฝนตก
ไม่มีใครพูดอะไร
แต่มิตรภาพกลับแน่นแฟ้นขึ้นโดยไม่ต้องเอ่ยถ้อยคำใด ๆ เพิ่มอีก
มันคือความเงียบที่เหมาะสม—
เหมือนเสียงของโลกที่หยุดลงชั่วครู่ เพื่อให้หัวใจสองดวงได้หายใจพร้อมกันโดยไม่ต้องรีบเร่ง
บนดาดฟ้าโรงเรียนอามาเนะซากะก่อนฝนตก
ไม่มีใครพูดอะไร
แต่มิตรภาพกลับแน่นแฟ้นขึ้นโดยไม่ต้องเอ่ยถ้อยคำใด ๆ เพิ่มอีก
เด็กหนุ่มยังไม่พูดอะไร ไม่ได้เงยหน้าขึ้น
ทว่านิ้วมือขยับเล็กน้อย—กดแน่นลงบนมือที่จับเขาไว้
ราวกับกำลังตอบว่า
'ผมรู้… และผมก็ขอบคุณ'
เด็กหนุ่มยังไม่พูดอะไร ไม่ได้เงยหน้าขึ้น
ทว่านิ้วมือขยับเล็กน้อย—กดแน่นลงบนมือที่จับเขาไว้
ราวกับกำลังตอบว่า
'ผมรู้… และผมก็ขอบคุณ'
"ไม่ต้องเงียบก็ได้นะ…"
"แต่ก็ไม่ต้องพูดอะไรมากก็ได้เหมือนกัน"
เขาเลื่อนสายตามองไปยังแนวเมฆครึ้มที่กำลังตั้งเค้าทางทิศตะวันตก
จากนั้นก็เขยิบตัวเล็กน้อย เปิดพื้นที่ข้าง ๆ ให้โดยไม่พูดตรง ๆ
"ไม่ต้องเงียบก็ได้นะ…"
"แต่ก็ไม่ต้องพูดอะไรมากก็ได้เหมือนกัน"
เขาเลื่อนสายตามองไปยังแนวเมฆครึ้มที่กำลังตั้งเค้าทางทิศตะวันตก
จากนั้นก็เขยิบตัวเล็กน้อย เปิดพื้นที่ข้าง ๆ ให้โดยไม่พูดตรง ๆ
เขาเอ่ยชื่อเบา ๆ เหมือนยืนยันกับตัวเองว่าฟังไม่ผิด
แล้วจึงหันมาช้า ๆ ดวงตาสีอำพันที่เคยแน่วแน่ตอนวิ่งตอนนี้อ่อนลงจนมองออก
"ไม่คิดว่าจะมีคนขึ้นมาจริง ๆ แฮะ"
เขาเอ่ยชื่อเบา ๆ เหมือนยืนยันกับตัวเองว่าฟังไม่ผิด
แล้วจึงหันมาช้า ๆ ดวงตาสีอำพันที่เคยแน่วแน่ตอนวิ่งตอนนี้อ่อนลงจนมองออก
"ไม่คิดว่าจะมีคนขึ้นมาจริง ๆ แฮะ"
แต่สำหรับคนที่กำลังเงียบอยู่กับตัวเองมาเนิ่นนาน มันชัดเจนเกินไป
คิโยฮารุไม่ได้หันกลับในทันที
เขาเพียงแต่ลดมือลงจากการบังแสงที่ไม่มีอยู่จริง
ปล่อยให้ลมแรงพัดผมที่เซ็ตมาบ้างไม่เซ็ตมาบ้าง ให้หลุดลุ่ยตามอารมณ์วันนั้น
แต่สำหรับคนที่กำลังเงียบอยู่กับตัวเองมาเนิ่นนาน มันชัดเจนเกินไป
คิโยฮารุไม่ได้หันกลับในทันที
เขาเพียงแต่ลดมือลงจากการบังแสงที่ไม่มีอยู่จริง
ปล่อยให้ลมแรงพัดผมที่เซ็ตมาบ้างไม่เซ็ตมาบ้าง ให้หลุดลุ่ยตามอารมณ์วันนั้น
แต่ไม่ได้พิงทันที
ไม่ได้โถมตัวเข้าหา
แค่ขยับเข้าใกล้ ระยะหนึ่งฝ่ามือ
แล้วนั่งอยู่ตรงนั้น…ในความเงียบ
เป็นการบอกว่า
เขาไม่ได้ต้องการไหล่
…แต่เขายินดีที่จะอยู่ใต้เงาของมัน
ให้เมฆขี้เซาคอยบังแสงแรงกล้าแทนเขาสักพัก
แค่พอให้รอยช้ำไม่ต้องเปิดรับแดดจ้าเกินไป
แต่ไม่ได้พิงทันที
ไม่ได้โถมตัวเข้าหา
แค่ขยับเข้าใกล้ ระยะหนึ่งฝ่ามือ
แล้วนั่งอยู่ตรงนั้น…ในความเงียบ
เป็นการบอกว่า
เขาไม่ได้ต้องการไหล่
…แต่เขายินดีที่จะอยู่ใต้เงาของมัน
ให้เมฆขี้เซาคอยบังแสงแรงกล้าแทนเขาสักพัก
แค่พอให้รอยช้ำไม่ต้องเปิดรับแดดจ้าเกินไป
แววตาเรียบนิ่งแต่สั่นไหวบางอย่างในม่านแสงเทา
ยังคงไม่พูดอะไร…
แต่มือข้างหนึ่งค่อย ๆ คลายจากเข่าตัวเอง
ผ่อนแรงกำ…
คล้ายบอกว่า 'ขอบคุณนะ' โดยไม่ต้องออกเสียง
แววตาเรียบนิ่งแต่สั่นไหวบางอย่างในม่านแสงเทา
ยังคงไม่พูดอะไร…
แต่มือข้างหนึ่งค่อย ๆ คลายจากเข่าตัวเอง
ผ่อนแรงกำ…
คล้ายบอกว่า 'ขอบคุณนะ' โดยไม่ต้องออกเสียง
“เหมือนเป็นวิธีเดียวที่ตัวเองพอจะทำได้…เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่ามันไม่ไหวแล้ว”
เขาหลุบตาลงเล็กน้อย
เสียงหัวเราะแผ่วเบาหลุดออกมาอย่างเหนื่อยล้า ไม่ใช่เพราะเรื่องตลก — แต่เพราะรู้ตัวว่า…มันอ่อนแอเพียงใด
“เหมือนเป็นวิธีเดียวที่ตัวเองพอจะทำได้…เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่ามันไม่ไหวแล้ว”
เขาหลุบตาลงเล็กน้อย
เสียงหัวเราะแผ่วเบาหลุดออกมาอย่างเหนื่อยล้า ไม่ใช่เพราะเรื่องตลก — แต่เพราะรู้ตัวว่า…มันอ่อนแอเพียงใด