แล้วพบว่าอีกฝ่ายเองก็หันมามองเธอด้วยเช่นกัน
แสงแดดยามบ่ายแก่กำลังจะคลาดแคล้วหายไปอีกไม่นาน
พร้อมกับประโยคถัดมาอย่างกับว่าต้องการคำถามนี้พอดี
“หมายความว่ายังไงหรอคะ?”
ไม่รอช้าจึงถามออกไป
แล้วพบว่าอีกฝ่ายเองก็หันมามองเธอด้วยเช่นกัน
แสงแดดยามบ่ายแก่กำลังจะคลาดแคล้วหายไปอีกไม่นาน
พร้อมกับประโยคถัดมาอย่างกับว่าต้องการคำถามนี้พอดี
“หมายความว่ายังไงหรอคะ?”
ไม่รอช้าจึงถามออกไป
เธอหันไปมองตามจุดปลายสายตาของอีกฝ่าย ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตหรือแม้กระทั่งลมโชยพัดก็ยังไม่มี
ไม่ยอมลุกเดินออกไป?
“หมายถึง…อะไรหรอคะ?“
ชักไม่แน่ใจว่าตอนนี้เธอเข้ามาถูกห้องหรือเปล่า หรือโดนสิ่งลี้ลับบังตาให้เห็นอะไรแปลกๆมั้ย
แต่ฟังจากคำทักของอีกคนแล้ว…ก็คงไม่น่าแปลกล่ะมั้ง?
เธอหันไปมองตามจุดปลายสายตาของอีกฝ่าย ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตหรือแม้กระทั่งลมโชยพัดก็ยังไม่มี
ไม่ยอมลุกเดินออกไป?
“หมายถึง…อะไรหรอคะ?“
ชักไม่แน่ใจว่าตอนนี้เธอเข้ามาถูกห้องหรือเปล่า หรือโดนสิ่งลี้ลับบังตาให้เห็นอะไรแปลกๆมั้ย
แต่ฟังจากคำทักของอีกคนแล้ว…ก็คงไม่น่าแปลกล่ะมั้ง?
“เอ้ะ”
“คูเมอิม.ปลายปี 1 ค่ะ”
สุดท้ายก็ได้บอกไปอยู่ดี
“เอ้ะ”
“คูเมอิม.ปลายปี 1 ค่ะ”
สุดท้ายก็ได้บอกไปอยู่ดี
“ใช่ค่ะ…กระเป๋าตังค์น่ะค่ะ”
เจ้าตัวรีบเดินปรี่มาที่โต๊ะของตัวเองก่อนจะพบว่ามันยังอยู่ตรงนั้นจริงๆ
สักทีน้า
“…แล้ว— ยูกุโมะซังไม่กลับบ้านหรอคะ?”
เห็นท่าทีของอีกคนแล้วดูจะไม่ค่อยรีบร้อนเท่าไหร่เลย เวลาป่านนี้แล้วแท้ๆ
“ใช่ค่ะ…กระเป๋าตังค์น่ะค่ะ”
เจ้าตัวรีบเดินปรี่มาที่โต๊ะของตัวเองก่อนจะพบว่ามันยังอยู่ตรงนั้นจริงๆ
สักทีน้า
“…แล้ว— ยูกุโมะซังไม่กลับบ้านหรอคะ?”
เห็นท่าทีของอีกคนแล้วดูจะไม่ค่อยรีบร้อนเท่าไหร่เลย เวลาป่านนี้แล้วแท้ๆ
อันริเอียงคอมองอีกคนอย่างมีคำถาม แต่เมื่อจ้องกลับก็รู้ตัวว่ากำลังเสียมารยาทอยู่
รู้สึกว่า…จะนั่งเยื้องจากเราไปรึเปล่านะ?
“ยูกุโมะซังใช่มั้ยคะ—?”
เธอถือวิสาสะถามกลับไปด้วยสภาพที่ทั้งหอบทั้งเหนื่อย วันนี้ก็คงขอกลับช้าสักหน่อย ที่บ้านคงไม่ว่าอะไรล่ะมั้ง
“แฮะๆ… ถ้าจำผิดต้องขอโทษด้วยนะคะ”
อันริเอียงคอมองอีกคนอย่างมีคำถาม แต่เมื่อจ้องกลับก็รู้ตัวว่ากำลังเสียมารยาทอยู่
รู้สึกว่า…จะนั่งเยื้องจากเราไปรึเปล่านะ?
“ยูกุโมะซังใช่มั้ยคะ—?”
เธอถือวิสาสะถามกลับไปด้วยสภาพที่ทั้งหอบทั้งเหนื่อย วันนี้ก็คงขอกลับช้าสักหน่อย ที่บ้านคงไม่ว่าอะไรล่ะมั้ง
“แฮะๆ… ถ้าจำผิดต้องขอโทษด้วยนะคะ”
เธอกล่าวทิ้งท้าย และไม่ค่อยแปลกใจที่อีกฝ่ายจะเก็บไว้กินทีหลังเช่นกัน เพราะเธอเอง…ถ้ามีน้อยกว่านี้ก็คงจะทำแบบนั้นด้วย…
“ไว้เจอกันอีกนะคะ”
?
ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเรียนอยู่ที่ไหน แต่ผ่านมาแถวนี้ก็คงจะเป็นคนแถวนี้ล่ะมั้งนะ?
เธอกล่าวทิ้งท้าย และไม่ค่อยแปลกใจที่อีกฝ่ายจะเก็บไว้กินทีหลังเช่นกัน เพราะเธอเอง…ถ้ามีน้อยกว่านี้ก็คงจะทำแบบนั้นด้วย…
“ไว้เจอกันอีกนะคะ”
?
ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเรียนอยู่ที่ไหน แต่ผ่านมาแถวนี้ก็คงจะเป็นคนแถวนี้ล่ะมั้งนะ?
“ดีใจที่ถูกปากนะคะ”
ว่าไปอย่างนั้นแล้วก็ค่อยๆหยิบบางรสที่คิดว่าน่าจะอร่อยอีกมาสัก 2-3 เม็ดแล้วยื่นให้
“อันนี้ก็คิดว่าน่าจะชอบเหมือนกัน ให้ค่ะ”
“ดีใจที่ถูกปากนะคะ”
ว่าไปอย่างนั้นแล้วก็ค่อยๆหยิบบางรสที่คิดว่าน่าจะอร่อยอีกมาสัก 2-3 เม็ดแล้วยื่นให้
“อันนี้ก็คิดว่าน่าจะชอบเหมือนกัน ให้ค่ะ”
.
.
แฮมเตอร์เหรอ?!
“พูดอะไรของนายเนี่ย!” แฮมเตอร์(?)ที่ว่ารุดเข้าไปก่อนจะวางมือที่บ่าของเด็กชายที่ถอยหนี
ก่อนที่ภาพในสายตาของคันซากิ ชูจะกลายเป็นว่าเขากำลังถูกแฮมเตอร์เขย่าไหล่อย่างแรงอยู่
“นี่เมื่อคืนนายไม่ยอมเข้านอนเร็วอีกแล้วใช่มั้ย!? ผมบอกแล้วไงว่าวันนี้ต้องรีบตื่นน่ะ!“
.
.
แฮมเตอร์เหรอ?!
“พูดอะไรของนายเนี่ย!” แฮมเตอร์(?)ที่ว่ารุดเข้าไปก่อนจะวางมือที่บ่าของเด็กชายที่ถอยหนี
ก่อนที่ภาพในสายตาของคันซากิ ชูจะกลายเป็นว่าเขากำลังถูกแฮมเตอร์เขย่าไหล่อย่างแรงอยู่
“นี่เมื่อคืนนายไม่ยอมเข้านอนเร็วอีกแล้วใช่มั้ย!? ผมบอกแล้วไงว่าวันนี้ต้องรีบตื่นน่ะ!“
แน่นอนว่าจนตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองโดนอีกคนแกล้งอยู่
จึงทำให้เผลอสูดลมหายใจลึกสุดปอดเมื่อตอนที่คนตรงหน้าแค่ทำเสียง อืม ลากยาวๆก็เท่านั้น
แน่นอนว่าจนตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองโดนอีกคนแกล้งอยู่
จึงทำให้เผลอสูดลมหายใจลึกสุดปอดเมื่อตอนที่คนตรงหน้าแค่ทำเสียง อืม ลากยาวๆก็เท่านั้น
อันริผงกหัวหงึกหงักตอบหลังจากโดนคนเป็นรุ่นพี่โผกอด
“ไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ”
แม้ว่าจะไม่มีอะไรให้กังวล แต่คิดว่าพูดออกไปก็คงไม่เสียหายหรอก
อันริผงกหัวหงึกหงักตอบหลังจากโดนคนเป็นรุ่นพี่โผกอด
“ไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ”
แม้ว่าจะไม่มีอะไรให้กังวล แต่คิดว่าพูดออกไปก็คงไม่เสียหายหรอก