📍Twitter / X : @aislin_novel
เอาเป็นว่าใครยังไม่ได้อ่าน เราอยากแนะนำให้อ่านเรื่องนี้ ประทับใจเกินเบอร์ไปมากจริงๆ
'ตั้งแต่วินาทีที่นายปรากฎตัวขึ้นมา ความสุขก็เริ่มโบยบินมาหาฉันแล้ว'
//ขอบคุณ followers หลายๆ ท่านที่เคย cheer up ให้อ่านเรื่องนี้ด้วยค่ะ เราอ่านแล้วชอบมาก สนุกสมกับการอวยของทุกคน//
-จบ-
เอาเป็นว่าใครยังไม่ได้อ่าน เราอยากแนะนำให้อ่านเรื่องนี้ ประทับใจเกินเบอร์ไปมากจริงๆ
'ตั้งแต่วินาทีที่นายปรากฎตัวขึ้นมา ความสุขก็เริ่มโบยบินมาหาฉันแล้ว'
//ขอบคุณ followers หลายๆ ท่านที่เคย cheer up ให้อ่านเรื่องนี้ด้วยค่ะ เราอ่านแล้วชอบมาก สนุกสมกับการอวยของทุกคน//
-จบ-
โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของพระ-นาย อ่านแล้วติดหนึบตั้งแต่เล่มแรก ไม่ต้องใช้เวลา build นาน แต่เรื่องหวังว่านายฯ ชนะน็อกเรื่องของการปล่อยหมัดฮุกเฉลยปมของนายเอก ใครอ่านแล้วไม่ปาดน้ำตานี่ถือว่าสตรองมากค่ะ! (แต่ช่วงเล่ม 1 นี่ slow burn ไปหน่อย หวิดจะวางหลายรอบ)
+
โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของพระ-นาย อ่านแล้วติดหนึบตั้งแต่เล่มแรก ไม่ต้องใช้เวลา build นาน แต่เรื่องหวังว่านายฯ ชนะน็อกเรื่องของการปล่อยหมัดฮุกเฉลยปมของนายเอก ใครอ่านแล้วไม่ปาดน้ำตานี่ถือว่าสตรองมากค่ะ! (แต่ช่วงเล่ม 1 นี่ slow burn ไปหน่อย หวิดจะวางหลายรอบ)
+
ส่วนเรื่องหวังว่านายฯ โทน slice of life เน้นการเติบโตของตัวละครและสัมผัสกับรสชาติความเป็นผู้ใหญ่ การจากลาแบบแทบตายทั้งเป็น ซึ่งระดับการลงมีดค่อนข้างโหดร้ายในความรู้สึกมาก (จำได้ว่าตอนอ่านเฉลยปมของฝานซินน้ำตาไหลพรากหมดทิชชู่ไปหลายแผ่นเลย)
สรุปคือถ้าเรื่อง mood & tone โดยรวม ขอเทใจให้บทฝันฯ เพราะรู้สึกว่ามันกลมกล่อมมากๆ
+
ส่วนเรื่องหวังว่านายฯ โทน slice of life เน้นการเติบโตของตัวละครและสัมผัสกับรสชาติความเป็นผู้ใหญ่ การจากลาแบบแทบตายทั้งเป็น ซึ่งระดับการลงมีดค่อนข้างโหดร้ายในความรู้สึกมาก (จำได้ว่าตอนอ่านเฉลยปมของฝานซินน้ำตาไหลพรากหมดทิชชู่ไปหลายแผ่นเลย)
สรุปคือถ้าเรื่อง mood & tone โดยรวม ขอเทใจให้บทฝันฯ เพราะรู้สึกว่ามันกลมกล่อมมากๆ
+
บทฝันกำกับรัก vs. หวังว่านายจะสบายดีนะ
ถ้าถามว่าปมของนายเอกเรื่องนี้ (ฉวีเยี่ยนถิง) กับเรื่องหวังว่านายฯ (จวงฝานซิน) อันไหนหนักหน่วงกว่ากัน เราคิดว่าหนักพอๆ กันแหล่ะ แต่วิธีการดำเนินเรื่องและการลงมีดต่างกัน
เรื่องบทฝันฯ โทนแบบ feel good ดำเนินเรื่องโดยอาศัยความโบ๊ะบ๊ะเบียวๆ ของพระเอกเป็นแกนหลัก ทำให้บางจุดที่ดราม่ามันถูก tone down ลงเพราะคาแร็คตอร์ของลู่เหวิน
+
บทฝันกำกับรัก vs. หวังว่านายจะสบายดีนะ
ถ้าถามว่าปมของนายเอกเรื่องนี้ (ฉวีเยี่ยนถิง) กับเรื่องหวังว่านายฯ (จวงฝานซิน) อันไหนหนักหน่วงกว่ากัน เราคิดว่าหนักพอๆ กันแหล่ะ แต่วิธีการดำเนินเรื่องและการลงมีดต่างกัน
เรื่องบทฝันฯ โทนแบบ feel good ดำเนินเรื่องโดยอาศัยความโบ๊ะบ๊ะเบียวๆ ของพระเอกเป็นแกนหลัก ทำให้บางจุดที่ดราม่ามันถูก tone down ลงเพราะคาแร็คตอร์ของลู่เหวิน
+
อีกจุดที่รู้สึกชอบมาก และอ่านแล้วมันละมุนตุ้นในใจ คือ พัฒนาการทางความคิดและการกระทำของพระ-นาย ที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปจากเริ่มแรก โดยต่างฝ่ายต่างได้รับอิทธิพลของกันและกัน และคอย support each other ในทุกการตัดสินใจ จนทำให้ลู่เหวินค่อยๆ มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ส่วนฉวีเยี่ยนถิงเองก็ค่อยๆ เอาชนะความกลัวในใจและทำความฝันได้สำเร็จในท้ายที่สุด
+
อีกจุดที่รู้สึกชอบมาก และอ่านแล้วมันละมุนตุ้นในใจ คือ พัฒนาการทางความคิดและการกระทำของพระ-นาย ที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปจากเริ่มแรก โดยต่างฝ่ายต่างได้รับอิทธิพลของกันและกัน และคอย support each other ในทุกการตัดสินใจ จนทำให้ลู่เหวินค่อยๆ มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ส่วนฉวีเยี่ยนถิงเองก็ค่อยๆ เอาชนะความกลัวในใจและทำความฝันได้สำเร็จในท้ายที่สุด
+
นอกจากเรื่องราวการทำงานในวงการบันเทิงแล้ว ปมสำคัญของเรื่องก็คืออดีตอันมืดมนของนักเขียนบทฉวี และเกี่ยวข้องกับอาการหวาดกลัวสังคมที่ชายหนุ่มเป็น ระหว่างที่อ่านก็พอจะเดาปมของนายเอกได้ลางๆ นั่นแหล่ะ เพราะมันมี hint บอกใบ้มาอยู่เรื่อยๆ แต่พออ่านถึงตอนที่เฉลยปมก็จุกไม่เบาแม้จะเตรียมใจมาบ้าง อยากเข้าไปกอดโอ๋เอ๋ (แต่ลู่เหวินได้ทำหน้าที่นี้แทนดิฉันไปเรียบร้อยแล้วค่ะ! แฮร่ๆ)
+
นอกจากเรื่องราวการทำงานในวงการบันเทิงแล้ว ปมสำคัญของเรื่องก็คืออดีตอันมืดมนของนักเขียนบทฉวี และเกี่ยวข้องกับอาการหวาดกลัวสังคมที่ชายหนุ่มเป็น ระหว่างที่อ่านก็พอจะเดาปมของนายเอกได้ลางๆ นั่นแหล่ะ เพราะมันมี hint บอกใบ้มาอยู่เรื่อยๆ แต่พออ่านถึงตอนที่เฉลยปมก็จุกไม่เบาแม้จะเตรียมใจมาบ้าง อยากเข้าไปกอดโอ๋เอ๋ (แต่ลู่เหวินได้ทำหน้าที่นี้แทนดิฉันไปเรียบร้อยแล้วค่ะ! แฮร่ๆ)
+
แบบว่าลู่เหวินตบมุก เสี่ยวถิงรับมุก ตัวละครฮาหน้านิ่ง แต่คนอ่านนี่อมยิ้มหน้าเบี้ยว : D
แต่ว่าในความฮามันก็มีประเด็นอื่นๆ สอดแทรกอยู่ด้วยนะ โดยเฉพาะเรื่องของการเอาชนะความกลัวในใจ การก้าวผ่านอดีตเพื่อเดินตามความฝัน ความสัมพันธ์ในครอบครัว และการเป็น safe zone ที่ปกป้องความรู้สึกของกันและกัน
+
แบบว่าลู่เหวินตบมุก เสี่ยวถิงรับมุก ตัวละครฮาหน้านิ่ง แต่คนอ่านนี่อมยิ้มหน้าเบี้ยว : D
แต่ว่าในความฮามันก็มีประเด็นอื่นๆ สอดแทรกอยู่ด้วยนะ โดยเฉพาะเรื่องของการเอาชนะความกลัวในใจ การก้าวผ่านอดีตเพื่อเดินตามความฝัน ความสัมพันธ์ในครอบครัว และการเป็น safe zone ที่ปกป้องความรู้สึกของกันและกัน
+
ช่วงแรกๆ นี่อ่านไปฮาไป ฟีลกู๊ดสุดๆ ลู่เหวินเป็นพระเอกไม่กี่คนที่ทำให้เราขำออกเสียงได้อ่ะ จังหวะซิทคอมโบ๊ะบ๊ะน้ำตาเล็ดโคตรๆ
ส่วนฉวีเยี่ยนถิง ตอนแรกนึกว่าจะมาแนวหยิ่ง เงียบ เย็นชา แต่พออ่านไปอ่านมา อ้าววว ที่แท้พี่ฉวีก็คือแงวน้อยน่าย้ากกกกกของไอ้หมาใหญ่บ๊อกแบ๊กลู่เหวินนี่เอง เราชอบตอนที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันมาก เคมีดีเวอร์ๆ
+
ช่วงแรกๆ นี่อ่านไปฮาไป ฟีลกู๊ดสุดๆ ลู่เหวินเป็นพระเอกไม่กี่คนที่ทำให้เราขำออกเสียงได้อ่ะ จังหวะซิทคอมโบ๊ะบ๊ะน้ำตาเล็ดโคตรๆ
ส่วนฉวีเยี่ยนถิง ตอนแรกนึกว่าจะมาแนวหยิ่ง เงียบ เย็นชา แต่พออ่านไปอ่านมา อ้าววว ที่แท้พี่ฉวีก็คือแงวน้อยน่าย้ากกกกกของไอ้หมาใหญ่บ๊อกแบ๊กลู่เหวินนี่เอง เราชอบตอนที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันมาก เคมีดีเวอร์ๆ
+
(ลู่เหวินกับกู้จัวเหยียน พระเอกหวังว่านายฯ เป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกัน) เลยกลับมาคิดถึงเรื่องบทฝันฯ ประจวบกับไปเจอร้านหนังสือที่ลด 50% พอดี เลยเอ้บมาเปิดใจลองอ่านอีกครั้ง
ด้วยความที่เล่มนึงมันหนาพอสมควร เลยคิดว่า 3 เล่มนี่คงใช้เวลาอ่านนานแหงๆ แต่ปรากฎว่าไม่เลย อ่านแปปเดียวจบ ไหลลื่นปรื้ดๆ
+
(ลู่เหวินกับกู้จัวเหยียน พระเอกหวังว่านายฯ เป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกัน) เลยกลับมาคิดถึงเรื่องบทฝันฯ ประจวบกับไปเจอร้านหนังสือที่ลด 50% พอดี เลยเอ้บมาเปิดใจลองอ่านอีกครั้ง
ด้วยความที่เล่มนึงมันหนาพอสมควร เลยคิดว่า 3 เล่มนี่คงใช้เวลาอ่านนานแหงๆ แต่ปรากฎว่าไม่เลย อ่านแปปเดียวจบ ไหลลื่นปรื้ดๆ
+
ความรู้สึกก่อน-หลังอ่าน
เคยชิมทดลองอ่านนิดหน่อยตอนที่เรื่องนี้เพิ่งออกเล่มใหม่ๆ (น่าจะ 2 ปีมาแล้วมั้ง) ตอนนั้นเฉยมาก ไม่ค่อยอินกับเรื่องราวแนววงการบันเทิง แล้วพออ่านไป 1-2 ตอนไม่ click ก็เลยเทไปเลย
ทีนี้ดันไปอ่าน Hope you have been well (หวังว่านายจะสบายดีนะ) ที่เป็นเรื่องในจักรวาลเดียวกันแล้วดันชอบมากๆ
+
ความรู้สึกก่อน-หลังอ่าน
เคยชิมทดลองอ่านนิดหน่อยตอนที่เรื่องนี้เพิ่งออกเล่มใหม่ๆ (น่าจะ 2 ปีมาแล้วมั้ง) ตอนนั้นเฉยมาก ไม่ค่อยอินกับเรื่องราวแนววงการบันเทิง แล้วพออ่านไป 1-2 ตอนไม่ click ก็เลยเทไปเลย
ทีนี้ดันไปอ่าน Hope you have been well (หวังว่านายจะสบายดีนะ) ที่เป็นเรื่องในจักรวาลเดียวกันแล้วดันชอบมากๆ
+
และดึงศักยภาพออกมาได้อย่างที่ตัวเองไม่คิดว่าจะทำได้มาก่อน ยิ่งได้พูดคุยกับฉวีเยี่ยนถิง ลู่เหวินกลับพบว่าบทบาทฝาแฝดของตนมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับเรื่องราวในอดีตของคุณนักเขียนบทผู้ลึกลับคนนี้ และยิ่งใกล้ชิดกับฉวีเยี่ยนถิงมากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่าลู่เหวินจะตกหลุมรักอีกฝ่ายอย่างถอนตัวไม่ขึ้น...
+
และดึงศักยภาพออกมาได้อย่างที่ตัวเองไม่คิดว่าจะทำได้มาก่อน ยิ่งได้พูดคุยกับฉวีเยี่ยนถิง ลู่เหวินกลับพบว่าบทบาทฝาแฝดของตนมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับเรื่องราวในอดีตของคุณนักเขียนบทผู้ลึกลับคนนี้ และยิ่งใกล้ชิดกับฉวีเยี่ยนถิงมากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่าลู่เหวินจะตกหลุมรักอีกฝ่ายอย่างถอนตัวไม่ขึ้น...
+
เห็นลู่เหวินซื่อบื้ออ๊องๆ แบบนี้ แต่ที่จริงแล้วชายหนุ่มเป็นคนที่จิตใจดีมาก รวยทั้งทรัพย์สมบัติและอารมณ์ขัน (แถมหน้าตายังหล่อมากอีกด้วย) โดยบทบาทฝาแฝดที่ลู่เหวินได้รับในซีรีส์เรื่องนี้ค่อนข้างยากสำหรับนักแสดงมือใหม่ ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้ในการถ่ายทำช่วงแรกๆ การถ่ายทำจึงติดขัดไปหมด แต่โชคดีที่ได้ฉวีเยี่ยนถิงยื่นมือเข้าช่วย อีกฝ่ายสอนให้เขาเข้าถึงอารมณ์ทางการแสดงที่แท้จริง
+
เห็นลู่เหวินซื่อบื้ออ๊องๆ แบบนี้ แต่ที่จริงแล้วชายหนุ่มเป็นคนที่จิตใจดีมาก รวยทั้งทรัพย์สมบัติและอารมณ์ขัน (แถมหน้าตายังหล่อมากอีกด้วย) โดยบทบาทฝาแฝดที่ลู่เหวินได้รับในซีรีส์เรื่องนี้ค่อนข้างยากสำหรับนักแสดงมือใหม่ ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้ในการถ่ายทำช่วงแรกๆ การถ่ายทำจึงติดขัดไปหมด แต่โชคดีที่ได้ฉวีเยี่ยนถิงยื่นมือเข้าช่วย อีกฝ่ายสอนให้เขาเข้าถึงอารมณ์ทางการแสดงที่แท้จริง
+