สปอยเล็กน้อย

ที่บอกว่าหนังมีความน้ำเน่า มาถึงตอนจบที่เราว่ามันมีความน้ำเน่าจริงๆกลับชอบมาก โคตรชอบที่เลือกจบแบบนี้ น้ำตาเกือบซึมเลย

และก็ยังคิดว่าการที่ได้เรท20+ มันสูงเกินไปอยู่ดี ชวนสงสัยว่าเปนเพราะหนังมีความรุนแรงขนาดนั้นเลยหรอถึงได้เรทนี้มา ซึ่งสำหรับเราคือไม่เลย

การแสดงของ Mikey Madison คือเข้าขั้นสุดยอด น่าจดจำ ทำไมเธอถึงสวย มีเสน่ห์ เก่งได้มากขนาดนี้ ระหว่างที่ดูเอาแต่คิดว่าบทอโนร่ามันต้องไมค์กี้จริงๆ ไม่ว่าจะซีนอารมณ์ ซีนปั่นป่วน ไมค์กี้แสดงได้ไร้ที่ติ และ Mark Eidelstein ก็เล่นได้มีเสน่ห์ความเปนลูกคนรวย เละเทะโหลยโท่ยได้ดีมากเช่นกัน

ชอบที่หนังจับโฟกัสเหตุการณ์นึงในหนังอยู่นานแล้วเล่าความวายปวงให้เราเห็นอย่างละเอียด ตั้งแต่เริ่มจนถึงพังพินาจ แม่งมันส์สัด ที่ได้เห็นคนมึนๆมาอยู่ร่วมกัน กับอีกอย่างคือตอนจบจนถึงเครดิตที่ขึ้นมาที่รู้สึกว่าการเลือกจบให้เงียบไปเลยแบบนี้มันเวิร์คกับหนังเรื่องนี้ที่สุดแล้วแหละ

โดยที่พวกอีลีทนี่ไม่ได้ชายตามองหรือจะสนใจความรู้สึกของคนเหล่านี้เลยซะด้วยซ้ำ ในขณะเดียวกันเรากลับได้เห็นภาพชีวิตนางเอกที่เปนสาวเต้นเปลื้องผ้าเหมือนจุดต่ำสุดของห่วงโซ่อาหารที่โดนหยามซ้ำแล้วซ้ำเล่ากำลังวิพากย์ถึงความน่าขยะแขยงของคนพวกนี้ผ่านสิ่งที่เธอต้องเผชิญในเรื่องนี้

อัดความบันเทิงเต็มสูบ ขำก๊ากกับตัวละครที่ดูผิดที่ผิดทางแต่จับมือกันร่วมทำภารกิจตามจับลูกคนรวยแต่คำตัวหัวค.. แต่ลึกลงไปถึงภายในตัวละครแล้ว ทุกคนก็เป็นเพียงแค่คนที่หมุนเวียนกันสนองตัณหาคนชนชั้นอีลิท ที่มีไว้ให้ตัวเองสบาย ทั้งด้านความปลอดภัย ด้านปัญหาส่วนตัว และความเงี่ยน

การแบกรับความคาดหวัง การต้องเปนทุกอย่างตามที่ภาพของสังคมต้องการมันยากลำบาก แต่ถ้าไม่ทำพื้นที่ของเราในสังคมก็จะน้อยลง จนแทบไม่มีเลย และขอชื่นชมซีนจบ หลังดูจบเราเลือกให้เปนหนึ่งในซีนจบที่หลงรักและน่าจดจำนึงของเราเลย

สรุปโดยรวมคือ หนังโหดร้ายทารุณความรู้สึกคนดูแบบเรามาก จน ฮรืออออ!

อาจจะเพราะด้วยวัฒนธรรมเอเชียเหมือนกันด้วยทำให้ประเด็นของหนังรีเลสกับเราและคนดูได้ง่าย (รีแอคในโรงมีเสียงสะอื้นอยู่พอสมควร) และด้วยความที่เราล้วนจะเคยผ่านบางส่วนของหนังมานี่แหละ ทำให้หนังกระแทกเราเต็มๆ ซะจนเหมือนโดนสะกิดแผลลึกๆที่ถูกปิดไปนานแล้ว ทำให้เรากับหนังมีส่วนร่วมต่อกันสูง

คนสำคัญวันคริสต์มาสคือเทอรร์

ซีนห้องน้ำอัพเวลไปไกลจากสองภาคแรกเหมือนนั่งจรวด เอฟเฟคต่างๆที่คราฟขึ้นมา ถึงจะไม่ได้เหมือนจริงจนทำให้อยากอ้วก แต่อยากชมเลยว่าเก่งมากที่ทำให้มันน่าสยดสยองได้ขนาดนี้ ถ้าจะถามว่ามีส่วนไหนที่ขัดใจ ก้ตอบเลยว่ามี แต่ไม่มาก เราว่าภาคนี้ตั้งใจใส่ดราม่ามากไปนิดนึง แต่ก้พอโอเคอยู่นะ ฟีลๆ

1.Terrifier 3 (2024)

ในฐานะติ่งที่เบียวอิอาร์ตมาก ขอบอกเลยว่าฟิน! ด้วยความที่หนังมีไวป์แบบเรโทรอัดเกรนทำภาพเก่าให้เหมือนหนังไล่ฆ่ายุค 80 กับความกอร์เลือดสาดโหดๆถูกฉายบนจอใหญ่ ความบรรเทิงก็มาเต็มระบบ ประสบการณ์ร่วมกับหนังสุดขีด สำหรับเราความโหดยังไม่ขั้นสุด แต่ความเถื่อนจัดเต็ม

แต่พูดตามตรงจนถึงตอนนี้ก้ยังไม่เข้าใจการโปรโมทของค่ายไทย ที่ตั้งชื่อ และเขียนคำโปรยให้เราเข้าใจหนังผิดไปไกลมากๆ ไม่เข้าใจส่าทำไมถึงเลือกใช้ชื่อนี้ โปรโมทแบบนี้ มันดุผิดพ้อยไปไกลซะจนรู้สึกว่าเหมือนดูหนังคนละเรื่องกันเลย ยอมรับว่าเกือบพลาดหนังดีๆแบบนี้ไปแล้วถ้าไม่เห็นพล็อต

เราชอบประโยคที่ว่า พวกคนที่มองว่าเราไม่ปกตินั่นแหละคือคนไม่ปกติ มันอธิบายสิ่งที่ทั้งคู่เผชิญได้เปนอย่างดีเลย หนังอัดชายแท้เกาหลีไม่ยั้งแบบเละคาจอ แล้วแสดงความอ่อนไหวในความรู้สึกที่ทั้งสองต้องเผชิญ โดยใช้เรื่องราวความรักจากทุกๆความสัมพันธ์เชื่อมเข้าหากัน ทั้งเรื่องดีและร้ายเลย

ดูมาหลายวันแล้วแต่พึ่งว่างเขียนรีวิว555 ใครยังไม่ได้ดูแนะนำเลยคั้บ