“ไม่หลงหรอกน่า ฉันความจำดีนะ”
โทโมกิตอบกลับอย่างสบายใจ แต่สายตาของเขานั้นมองไปทั่วราวกับสำรวจ
อีกฝ่ายต้องเดินกลับในที่ๆเงียบแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?
”วันหยุดเหรอ? ก็ไม่นะ”
ความสนใจของเขากลับมาอยู่ที่โชอีกครั้งก่อนจะตอบและถามกลับไปอย่างทะเล้น
“หืม จะชวนฉันไปไหนรึเปล่า?”
“ไม่หลงหรอกน่า ฉันความจำดีนะ”
โทโมกิตอบกลับอย่างสบายใจ แต่สายตาของเขานั้นมองไปทั่วราวกับสำรวจ
อีกฝ่ายต้องเดินกลับในที่ๆเงียบแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?
”วันหยุดเหรอ? ก็ไม่นะ”
ความสนใจของเขากลับมาอยู่ที่โชอีกครั้งก่อนจะตอบและถามกลับไปอย่างทะเล้น
“หืม จะชวนฉันไปไหนรึเปล่า?”
“หลอกขอเบอร์ฉันรึเปล่าเนี่ย?ฮะๆ ว่าไปนั่น”
หลังจากที่พิมพ์เสร็จเขาก็กดโทรเข้าเบอร์ตัวเอง มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์ให้ดูทั้งรอยยิ้ม
”เรียบร้อย“
เขาโชว์จอโทรศัพท์ของอีกฝ่ายที่เมมว่า’สุดหล่อ‘ให้ไปก่อนตะไพล่มือไปข้างหลัง
“หืม…จะมีได้ไง”
เขาเลี่ยงตอบพลางยิ้มกลบเกลื่อน
“ไปเถอะ!”
“หลอกขอเบอร์ฉันรึเปล่าเนี่ย?ฮะๆ ว่าไปนั่น”
หลังจากที่พิมพ์เสร็จเขาก็กดโทรเข้าเบอร์ตัวเอง มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์ให้ดูทั้งรอยยิ้ม
”เรียบร้อย“
เขาโชว์จอโทรศัพท์ของอีกฝ่ายที่เมมว่า’สุดหล่อ‘ให้ไปก่อนตะไพล่มือไปข้างหลัง
“หืม…จะมีได้ไง”
เขาเลี่ยงตอบพลางยิ้มกลบเกลื่อน
“ไปเถอะ!”
เขากล่าวอวยยศตัวเองซะงั้นพลางยิ้มที่มุมปากเก๊กสุดๆ อีกฝ่ายไม่รู้เท่ากับไม่กลัว
"ไม่ล่ะ เดี๋ยวฉันไปส่งนายนั่นแหละ"
"ถ้าเจอโจรเดี๋ยวฉันซัดหน้าให้"
โทโมกิกล่าวติดตลกด้วยท่าทางมั่นใจ ขาก็ก้าวเดินไปเรื่อยๆมืดๆแบบนี้จะให้กลับคนเดียวได้ไงกัน
"ก็สวมไว้แบบนี้แหละ"
"นายทำสวยฉันก็อยากอวด เพราะฉันใส่แล้วหล่อ"
ขยิบตาให้
เขากล่าวอวยยศตัวเองซะงั้นพลางยิ้มที่มุมปากเก๊กสุดๆ อีกฝ่ายไม่รู้เท่ากับไม่กลัว
"ไม่ล่ะ เดี๋ยวฉันไปส่งนายนั่นแหละ"
"ถ้าเจอโจรเดี๋ยวฉันซัดหน้าให้"
โทโมกิกล่าวติดตลกด้วยท่าทางมั่นใจ ขาก็ก้าวเดินไปเรื่อยๆมืดๆแบบนี้จะให้กลับคนเดียวได้ไงกัน
"ก็สวมไว้แบบนี้แหละ"
"นายทำสวยฉันก็อยากอวด เพราะฉันใส่แล้วหล่อ"
ขยิบตาให้
“คำว่ากลัวไม่เคยอยู่ในพจนานุกรมของฉันหรอกนะโช”
เขากล่าวอย่างมั่นใจพลางฉีกยิ้มเสียกว้าง แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อถูกมือนั้นกระตุกให้เซไป
“อะ…”
“ถ้านายไม่ผมยาวเท่าซาดาโกะเท่ากับนายไม่น่ากลัวหรอก”
โทโมกอตอบกลับไม่ตายไมค์พลางยิ้มทะเล้นก่อนจะพากันเดินออกจากป่า
“บ้านนายอยู่ไกลไหม?”
“คำว่ากลัวไม่เคยอยู่ในพจนานุกรมของฉันหรอกนะโช”
เขากล่าวอย่างมั่นใจพลางฉีกยิ้มเสียกว้าง แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อถูกมือนั้นกระตุกให้เซไป
“อะ…”
“ถ้านายไม่ผมยาวเท่าซาดาโกะเท่ากับนายไม่น่ากลัวหรอก”
โทโมกอตอบกลับไม่ตายไมค์พลางยิ้มทะเล้นก่อนจะพากันเดินออกจากป่า
“บ้านนายอยู่ไกลไหม?”
“เอารางวัลไปนะ“
พูดจบโทโมกิก็เด็ดดอกเดซี่มาอีกดอก แต่คราวนี้เขาค่อยๆเสียบก้านดอกไว้ตรงเนคไทของอีกฝ่ายให้คล้ายกับเป็นเข็มเหน็บ
”ใครก็ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก นายนั่นแหละ“
”ให้ฉันไปส่งที่บ้านไหม? พ่อมดไม่น่ากลัวเท่าโจรนะ“
เขาเสนอตัวก่อนจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นยืนก่อนและยื่นมือไปให้อีกฝ่ายจับพลางยิ้มน้อยๆ ต่อให้ผู้ชายเหมือนกันแต่โจรมันเลือกเพศซะที่ไหน น่ากลัวกว่าผีอีก
“เอารางวัลไปนะ“
พูดจบโทโมกิก็เด็ดดอกเดซี่มาอีกดอก แต่คราวนี้เขาค่อยๆเสียบก้านดอกไว้ตรงเนคไทของอีกฝ่ายให้คล้ายกับเป็นเข็มเหน็บ
”ใครก็ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก นายนั่นแหละ“
”ให้ฉันไปส่งที่บ้านไหม? พ่อมดไม่น่ากลัวเท่าโจรนะ“
เขาเสนอตัวก่อนจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นยืนก่อนและยื่นมือไปให้อีกฝ่ายจับพลางยิ้มน้อยๆ ต่อให้ผู้ชายเหมือนกันแต่โจรมันเลือกเพศซะที่ไหน น่ากลัวกว่าผีอีก
“เป็นไง?”
“ฉันหล่อไหม?”
โทโมกิเอ่ยถามพลางสบตามองกับโชด้วยแววตาทะเล้นขบขันแต่ก็จริงใจในเวลาเดียวกัน
“เป็นไง?”
“ฉันหล่อไหม?”
โทโมกิเอ่ยถามพลางสบตามองกับโชด้วยแววตาทะเล้นขบขันแต่ก็จริงใจในเวลาเดียวกัน
“ยิ่งเป็นดอกเดซี่ ชีวิตนายสดใสแน่ๆ”
พูดจบพ่อมดเก๊(?)ท่านหนึ่งก็ขยิบตาให้อีกจนแทบจะเป็นท่าประจำตัวไปเสียแล้ว ดอกเดซี่มักจะสื่อถึงความไร้เดียงสา แน่นอนว่ามันสื่อถึงความสดใสเช่นเดียวกัน
ในระหว่างนั้นเขาก็ยกน้ำขึ้นมาดื่มอีกไม่นานก็ถูกคนข้างๆทำอะไรสักอย่างกับหัวตน
“โอ๊ะ…เสร็จแล้วเหรอ?”
+
“ยิ่งเป็นดอกเดซี่ ชีวิตนายสดใสแน่ๆ”
พูดจบพ่อมดเก๊(?)ท่านหนึ่งก็ขยิบตาให้อีกจนแทบจะเป็นท่าประจำตัวไปเสียแล้ว ดอกเดซี่มักจะสื่อถึงความไร้เดียงสา แน่นอนว่ามันสื่อถึงความสดใสเช่นเดียวกัน
ในระหว่างนั้นเขาก็ยกน้ำขึ้นมาดื่มอีกไม่นานก็ถูกคนข้างๆทำอะไรสักอย่างกับหัวตน
“โอ๊ะ…เสร็จแล้วเหรอ?”
+
คำตอบของเขาชัดเจนว่าไหลไปเรื่อย แต่เจ้าตัวกลับภูมิใจซะงั้น เขายิ้มพลางโชว์ดอกไม้จิ๋วในมือให้เห็น
“เป็นช่อสิ”
“อย่ากระพริบตานะ…”
พูดจบโทโมกิก็กำดอกไม้จิ๋งทำท่าร่ายคาถาที่มือของตนก่อนจะใช้มืออีกข้างโบกผ่านมือข้างที่กำดอกไม้ก่อนจะปรากฎเป็นช่อดอกเดซี่..ช่อที่มีจำนวนทั้งหมดสามดอกถ้วน
”จ๊างงง นี่ไง เป็นช่อแล้ว“
”อะ ฉันให้นาย“
พูดจบเขาก็ยื่นไปให้ตรงหน้าทั้งรอยยิ้ม
คำตอบของเขาชัดเจนว่าไหลไปเรื่อย แต่เจ้าตัวกลับภูมิใจซะงั้น เขายิ้มพลางโชว์ดอกไม้จิ๋วในมือให้เห็น
“เป็นช่อสิ”
“อย่ากระพริบตานะ…”
พูดจบโทโมกิก็กำดอกไม้จิ๋งทำท่าร่ายคาถาที่มือของตนก่อนจะใช้มืออีกข้างโบกผ่านมือข้างที่กำดอกไม้ก่อนจะปรากฎเป็นช่อดอกเดซี่..ช่อที่มีจำนวนทั้งหมดสามดอกถ้วน
”จ๊างงง นี่ไง เป็นช่อแล้ว“
”อะ ฉันให้นาย“
พูดจบเขาก็ยื่นไปให้ตรงหน้าทั้งรอยยิ้ม
“ตกลงครับ คุณคนทำมงกุฎ”
เขากล่าวอย่างหยอกล้อพร้อมกับชูเจ้าดอกเดซี่เล็กๆไว้ตรงหน้าของเพื่อนร่วมชั้นปี
“ฉันเป็นพ่อมดล่ะ ฉันจะเสกมันออกมาให้นายดู”
“นายเห็นไหมว่ามันมีดอกเดียว”
เขาแบทั้งหน้ามือหลังมือให้อีกคนดู ทุกอย่างเห็นชัดว่ามีดอกเดียว
“เดี๋ยวฉันจะเสกมันมา”
“ตกลงครับ คุณคนทำมงกุฎ”
เขากล่าวอย่างหยอกล้อพร้อมกับชูเจ้าดอกเดซี่เล็กๆไว้ตรงหน้าของเพื่อนร่วมชั้นปี
“ฉันเป็นพ่อมดล่ะ ฉันจะเสกมันออกมาให้นายดู”
“นายเห็นไหมว่ามันมีดอกเดียว”
เขาแบทั้งหน้ามือหลังมือให้อีกคนดู ทุกอย่างเห็นชัดว่ามีดอกเดียว
“เดี๋ยวฉันจะเสกมันมา”
เขาเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วขึ้น แต่เห็นทักษะการร้อยดอกไม้นั่นยิ่งทำให้ว้าวมากกว่าเดิม
“นายร้อยดอกไม้เป็นด้วยเหรอ? งานละเอียดชะมัด”
“อืม…เอาสิ ขอเป็นมงกฎเจ้าชายนะฮึๆ”
โทโมกิตอบกลับพลางหัวเราะเบาๆก่อนที่ตนจะเด็ดดอกเดซี่มาบ้างและโชว์ให้อีกฝ่ายดู
“ฉันจะเสกเจ้าพวกนี้มาเพิ่ม นายอยากดูไหม?”
เขาเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วขึ้น แต่เห็นทักษะการร้อยดอกไม้นั่นยิ่งทำให้ว้าวมากกว่าเดิม
“นายร้อยดอกไม้เป็นด้วยเหรอ? งานละเอียดชะมัด”
“อืม…เอาสิ ขอเป็นมงกฎเจ้าชายนะฮึๆ”
โทโมกิตอบกลับพลางหัวเราะเบาๆก่อนที่ตนจะเด็ดดอกเดซี่มาบ้างและโชว์ให้อีกฝ่ายดู
“ฉันจะเสกเจ้าพวกนี้มาเพิ่ม นายอยากดูไหม?”
โทโมกิเดินตามอีกฝ่ายไปที่ใต้ต้นไม้ที่มีผ้าปูปิคนิคปูไว้ก่อนจะหย่อนกายนั่งลงข้างๆ
"ไม่รีบนะ ได้ยาวๆ"
"ฉันอยู่หอน่ะ นายล่ะ? ที่บ้านไม่มีเคอร์ฟิวส์รึไง?"
เขาเอ่ยถามก่อนจะกระดกน้ำไปอีกอึกก่อนจะหันหน้าไปหาคนข้างๆ
โทโมกิเดินตามอีกฝ่ายไปที่ใต้ต้นไม้ที่มีผ้าปูปิคนิคปูไว้ก่อนจะหย่อนกายนั่งลงข้างๆ
"ไม่รีบนะ ได้ยาวๆ"
"ฉันอยู่หอน่ะ นายล่ะ? ที่บ้านไม่มีเคอร์ฟิวส์รึไง?"
เขาเอ่ยถามก่อนจะกระดกน้ำไปอีกอึกก่อนจะหันหน้าไปหาคนข้างๆ
"ต้องมีโอกาสสิ"
"งั้นฉันไปละ ไว้เจอกันนะ ฮิซาเมะคุง"
พูดจบโทโมกิก็ยักคิ้วให้น้อยๆก่อนจะเอามือลงเปลี่ยนเป็นโบกมือแทน
"ต้องมีโอกาสสิ"
"งั้นฉันไปละ ไว้เจอกันนะ ฮิซาเมะคุง"
พูดจบโทโมกิก็ยักคิ้วให้น้อยๆก่อนจะเอามือลงเปลี่ยนเป็นโบกมือแทน
ช่วงเที่ยงเป็นช่วงเวลาอันดีในการมองหาที่สงบเพื่อหาที่งีบตอนกลางวัน และบันไดหนีไฟน่าจะสงบมากที่สุด
...ซะเมื่อไร
เมื่อเปิดประตูมาเขาก็พบกับใครสักคนที่นั่งอยู่ ผิดคาด แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนแต่อย่างใด
"นึกว่าไม่มีคนซะอีก..."
โทโมกิเอ่ยพลางมองตาปริบๆก่อนจะหย่อนก้นนั่งอีกด้าน ใบหน้าหันไปมองตาปริบๆ
"ที่ประจำเหรอ?"
ช่วงเที่ยงเป็นช่วงเวลาอันดีในการมองหาที่สงบเพื่อหาที่งีบตอนกลางวัน และบันไดหนีไฟน่าจะสงบมากที่สุด
...ซะเมื่อไร
เมื่อเปิดประตูมาเขาก็พบกับใครสักคนที่นั่งอยู่ ผิดคาด แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนแต่อย่างใด
"นึกว่าไม่มีคนซะอีก..."
โทโมกิเอ่ยพลางมองตาปริบๆก่อนจะหย่อนก้นนั่งอีกด้าน ใบหน้าหันไปมองตาปริบๆ
"ที่ประจำเหรอ?"
"ชิเง็น..?"
"ทำไมมายืนตากฝนล่ะ หือ?"
เขาเอ่ยเรียกชื่อเพื่อนร่วมชั้นก่อนจะมองไปยังมือที่ถืออะไรบางอย่างไว้ เรียวขาก้าวไปใกล้พลางกางร่ม สายตามองไปที่มือนั่น
"นกบาดเจ็บเหรอ?"
"พาไปหาหมอไหม?"
เขาเอ่ยถามขึ้นแต่กลับมองไปที่พื้นแทนที่จะมองแผล เหมือนเห็นแว้บๆว่ามันมีเลือด...
"ชิเง็น..?"
"ทำไมมายืนตากฝนล่ะ หือ?"
เขาเอ่ยเรียกชื่อเพื่อนร่วมชั้นก่อนจะมองไปยังมือที่ถืออะไรบางอย่างไว้ เรียวขาก้าวไปใกล้พลางกางร่ม สายตามองไปที่มือนั่น
"นกบาดเจ็บเหรอ?"
"พาไปหาหมอไหม?"
เขาเอ่ยถามขึ้นแต่กลับมองไปที่พื้นแทนที่จะมองแผล เหมือนเห็นแว้บๆว่ามันมีเลือด...
"ก็นะ คนมันหล่อ"
เขาคงยังเป็นเหมือนเดิม ความมั่นใจในหน้าตาเหลือล้นจนน่าหมั่นไส้ หลังจากเล่นเสร็จเขาก็เก็บเจ้าเครื่องเป่าใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย
สายตาของเขาลอบมองเพื่อนร่วมชั้นและยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไรน้ำขวดก็ถูกยัดมือมาแล้ว
"นี่ฉันแย่งน้ำนายรึเปล่าเนี่ย? ฮะๆ แต่ก็ขอบคุณนะ"
"นั่งไหม?"
เขาถามทั้งรอยยิ้ม
"ก็นะ คนมันหล่อ"
เขาคงยังเป็นเหมือนเดิม ความมั่นใจในหน้าตาเหลือล้นจนน่าหมั่นไส้ หลังจากเล่นเสร็จเขาก็เก็บเจ้าเครื่องเป่าใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย
สายตาของเขาลอบมองเพื่อนร่วมชั้นและยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไรน้ำขวดก็ถูกยัดมือมาแล้ว
"นี่ฉันแย่งน้ำนายรึเปล่าเนี่ย? ฮะๆ แต่ก็ขอบคุณนะ"
"นั่งไหม?"
เขาถามทั้งรอยยิ้ม