หัวหน้าห้อง 2-J
📌 : คาร์เน้นสตอรี่ 🎞️ | ทุกการกระทำส่งผลกับความสัมพันธ์ตัวละครทั้งหมด 🗂️
DOC : https://bit.ly/-Sakihito
จากนั้น แววตาของซากิฮิโตะก็ว่างเปล่า เย็นชาราวกับไม่ใช่เด็กคนเดิมอีกต่อไป ก่อนจะพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
จากนั้น แววตาของซากิฮิโตะก็ว่างเปล่า เย็นชาราวกับไม่ใช่เด็กคนเดิมอีกต่อไป ก่อนจะพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“คุณไม่ควรมาอยู่ที่นี่เลยครับ…”
เสียงของเขาอ่อนลง ดวงตาสะท้อนความเงียบเหงาและความทรงจำที่ไม่อาจลืม ก่อนจะค่อย ๆ กลับมาสงบนิ่งดังเดิม เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า ดวงจันทร์ยังคงส่องแสง แม้ท่ามกลางความเย็นยะเยือกที่ไม่ควรปรากฏในฤดูร้อน
+
“คุณไม่ควรมาอยู่ที่นี่เลยครับ…”
เสียงของเขาอ่อนลง ดวงตาสะท้อนความเงียบเหงาและความทรงจำที่ไม่อาจลืม ก่อนจะค่อย ๆ กลับมาสงบนิ่งดังเดิม เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า ดวงจันทร์ยังคงส่องแสง แม้ท่ามกลางความเย็นยะเยือกที่ไม่ควรปรากฏในฤดูร้อน
+
“เพราะมันไม่ได้ต้องการเพียงแค่ความสนใจ แต่มัน...จะกลืนกินทุกสิ่งที่สัมผัสมัน”
เสียงพูดของเขาสงบนิ่ง แต่กลับเปี่ยมด้วยความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
“แต่ดูเหมือน...รุ่นพี่ไม่เคยเชื่อคำพูดของผมเลย”
ซากิก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้ พลางเอ่ยต่ออย่างอ่อนโยน ทว่าในทุกถ้อยคำนั้นกลับหนักแน่น ราวกับคำพิพากษา
+
“เพราะมันไม่ได้ต้องการเพียงแค่ความสนใจ แต่มัน...จะกลืนกินทุกสิ่งที่สัมผัสมัน”
เสียงพูดของเขาสงบนิ่ง แต่กลับเปี่ยมด้วยความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
“แต่ดูเหมือน...รุ่นพี่ไม่เคยเชื่อคำพูดของผมเลย”
ซากิก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้ พลางเอ่ยต่ออย่างอ่อนโยน ทว่าในทุกถ้อยคำนั้นกลับหนักแน่น ราวกับคำพิพากษา
+
“…โคสุเกะซัง”
เสียงเรียกขานดังขึ้นแผ่วเบา คล้ายสายลมเย็นพัดผ่านหลังต้นคอ แววตาสีทองของซากิฮิโตะจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความเงียบงัน
+
“…โคสุเกะซัง”
เสียงเรียกขานดังขึ้นแผ่วเบา คล้ายสายลมเย็นพัดผ่านหลังต้นคอ แววตาสีทองของซากิฮิโตะจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความเงียบงัน
+
“บางทีสิ่งที่ผมทำ…ก็แค่เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เคยสูญเสียไป”
บางอย่างที่ไม่อาจจะย้อนกลับไปได้อีก มีเพียงความโศกเศร้าและการหลอกลวงเท่านั้น
เขาพูดจบด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ ใบหน้าเงยขึ้นพร้อมกับสบตาของเธอด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“ดังนั้น…ถ้าสิ่งนี้ทำให้รุ่นพี่ยิ้มได้ แค่นั้นก็เพียงพอสำหรับผมแล้วครับ”
“บางทีสิ่งที่ผมทำ…ก็แค่เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เคยสูญเสียไป”
บางอย่างที่ไม่อาจจะย้อนกลับไปได้อีก มีเพียงความโศกเศร้าและการหลอกลวงเท่านั้น
เขาพูดจบด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ ใบหน้าเงยขึ้นพร้อมกับสบตาของเธอด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“ดังนั้น…ถ้าสิ่งนี้ทำให้รุ่นพี่ยิ้มได้ แค่นั้นก็เพียงพอสำหรับผมแล้วครับ”
“เพราะผมเข้าใจความรู้สึกของการ...เสียของสำคัญไป แล้วไม่มีโอกาสได้คืนมันอีก”
ดวงตาหลุบตาลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่า ‘ทำดีแบบไม่หวังผลไม่มีอยู่จริงหรอก’
เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเบา
“…คุณพ่อของรุ่นพี่คงพูดถูกในแบบของเขา”
เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนซากิฮิโตะจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
+
“เพราะผมเข้าใจความรู้สึกของการ...เสียของสำคัญไป แล้วไม่มีโอกาสได้คืนมันอีก”
ดวงตาหลุบตาลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่า ‘ทำดีแบบไม่หวังผลไม่มีอยู่จริงหรอก’
เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเบา
“…คุณพ่อของรุ่นพี่คงพูดถูกในแบบของเขา”
เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนซากิฮิโตะจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
+
มีเพียงความเงียบ และแววอ่อนโยนบางเบาราวหมอกเช้าตรู่
“…ไม่หรอกครับ”
“ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากรุ่นพี่หรอก”
เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย พูดเหมือนกับบอกตัวเอง
+
มีเพียงความเงียบ และแววอ่อนโยนบางเบาราวหมอกเช้าตรู่
“…ไม่หรอกครับ”
“ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากรุ่นพี่หรอก”
เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย พูดเหมือนกับบอกตัวเอง
+
เขาพูดอย่างไม่โอ้อวด เพียงแค่บอกตามตรงเหมือนคนที่พร้อมจะยื่นมือช่วย หากอีกฝ่ายต้องการ
ดวงตาสีอำพันเหลือบมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง คล้ายจะอ่านสีหน้า แต่ก็ไม่ได้จ้องนานพอให้อีกคนรู้สึกอึดอัด
“ถ้าฟุคุดะซังไม่รังเกียจ...ระหว่างที่นั่งอ่าน ผมพอช่วยอธิบายได้บ้างนะครับ”
เขาพูดอย่างไม่โอ้อวด เพียงแค่บอกตามตรงเหมือนคนที่พร้อมจะยื่นมือช่วย หากอีกฝ่ายต้องการ
ดวงตาสีอำพันเหลือบมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง คล้ายจะอ่านสีหน้า แต่ก็ไม่ได้จ้องนานพอให้อีกคนรู้สึกอึดอัด
“ถ้าฟุคุดะซังไม่รังเกียจ...ระหว่างที่นั่งอ่าน ผมพอช่วยอธิบายได้บ้างนะครับ”
“เข้าใจครับ... โดยเฉพาะเรื่องตัวเลข บางทีมันก็เหมือนภาษาอีกภาษาที่ไม่น่าเข้าหาเท่าไหร่”
เขาหยุดไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นเคย แต่แฝงความอ่อนโยนมากขึ้น
+
“เข้าใจครับ... โดยเฉพาะเรื่องตัวเลข บางทีมันก็เหมือนภาษาอีกภาษาที่ไม่น่าเข้าหาเท่าไหร่”
เขาหยุดไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นเคย แต่แฝงความอ่อนโยนมากขึ้น
+
เพื่อสังเกตว่าคนตรงหน้า กำลังรู้สึกยังไงอยู่กันแน่
เขารอให้อีกฝ่ายพูดจนจบจากนั้นจึงเอ่ยตอบเบา ๆ
“อืม...ฟังดูดีนะครับ”
“งั้น ผมขอไปด้วยนะ”
เขากล่าวพร้อมพยักหน้าช้า ๆ สีหน้ายิ้มบางๆ แต่แววตานั้นดูอ่อนลงกว่าตอนแรกมาก แม้จะยังอ่านยาก แต่สัมผัสได้ถึง ความยินดี
“ยูคิคุงเดินนำเลยครับ”
เพื่อสังเกตว่าคนตรงหน้า กำลังรู้สึกยังไงอยู่กันแน่
เขารอให้อีกฝ่ายพูดจนจบจากนั้นจึงเอ่ยตอบเบา ๆ
“อืม...ฟังดูดีนะครับ”
“งั้น ผมขอไปด้วยนะ”
เขากล่าวพร้อมพยักหน้าช้า ๆ สีหน้ายิ้มบางๆ แต่แววตานั้นดูอ่อนลงกว่าตอนแรกมาก แม้จะยังอ่านยาก แต่สัมผัสได้ถึง ความยินดี
“ยูคิคุงเดินนำเลยครับ”
ซากิยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาจับจ้องไปยังเงาร่างของรุ่นพี่ด้วยสายตาไร้อารมณ์และเฉยชา ราวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้า เป็นเพียงแค่เกมสนุกๆ ที่เขารู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว
“น่าเสียดายจริงๆ ครับ รุ่นพี่...”
ซากิยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาจับจ้องไปยังเงาร่างของรุ่นพี่ด้วยสายตาไร้อารมณ์และเฉยชา ราวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้า เป็นเพียงแค่เกมสนุกๆ ที่เขารู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว
“น่าเสียดายจริงๆ ครับ รุ่นพี่...”
“แต่ถ้ารุ่นพี่ยืนยันจะเลือกทางนี้จริงๆ…”
ซากิเขยิบเข้าประชิดร่างบางของอีกฝ่าย ใบหน้าโน้มลงต่ำขณะเอ่ยเสียงเบาแผ่วข้างหู
“ก็อย่าหาว่าผมใจร้ายเลยนะครับ”
+
“แต่ถ้ารุ่นพี่ยืนยันจะเลือกทางนี้จริงๆ…”
ซากิเขยิบเข้าประชิดร่างบางของอีกฝ่าย ใบหน้าโน้มลงต่ำขณะเอ่ยเสียงเบาแผ่วข้างหู
“ก็อย่าหาว่าผมใจร้ายเลยนะครับ”
+
“งั้นเหรอครับ รุ่นพี่…”
เสียงของเขานุ่มนวลราวกับกำลังพูดคุยธรรมดา แม้สถานการณ์ตรงหน้าจะเต็มไปด้วยแรงกดดัน
“น่าเสียดายนะครับ ทั้งที่เราน่าจะเข้ากันได้ดีแท้ๆ”
+
“งั้นเหรอครับ รุ่นพี่…”
เสียงของเขานุ่มนวลราวกับกำลังพูดคุยธรรมดา แม้สถานการณ์ตรงหน้าจะเต็มไปด้วยแรงกดดัน
“น่าเสียดายนะครับ ทั้งที่เราน่าจะเข้ากันได้ดีแท้ๆ”
+
(เนื่องจากใกล้เขตศาลเจ้าแล้ว ทางนี้ขออนุญาตจบโรลนะคะ!)
(ขอบคุณที่มาแจมค่าา)
(เนื่องจากใกล้เขตศาลเจ้าแล้ว ทางนี้ขออนุญาตจบโรลนะคะ!)
(ขอบคุณที่มาแจมค่าา)
“ต่อให้ดิ้นรนแค่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
“ต่อให้ดิ้นรนแค่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
เขาขยับเข้าไปใกล้ พร้อมกระชากเส้นผมดำสนิดให้เงยขึ้น ก่อนที่กำปั้นหนักแน่นจะฟาดเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่ายซ้ำลงไปอีกครั้งอย่างไร้ความปรานี เสียงหมัดกระทบดังสนั่นในหู ราวกับกำลังตอกย้ำว่าการต่อต้านที่ไร้ประโยชน์นั้นจะถูกทำลายจนหมดสิ้น
+
เขาขยับเข้าไปใกล้ พร้อมกระชากเส้นผมดำสนิดให้เงยขึ้น ก่อนที่กำปั้นหนักแน่นจะฟาดเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่ายซ้ำลงไปอีกครั้งอย่างไร้ความปรานี เสียงหมัดกระทบดังสนั่นในหู ราวกับกำลังตอกย้ำว่าการต่อต้านที่ไร้ประโยชน์นั้นจะถูกทำลายจนหมดสิ้น
+
“รุ่นพี่ครับ...ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”
+
“รุ่นพี่ครับ...ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”
+
“หายไปซะ”
เสียงหมัดปะทะร่างกายดังกึกก้องในความมืด คละเคล้ากับเสียงลมหายใจเย็นเฉียบของซากิฮิโตะ ที่ไม่ได้เห็นเธอเป็นอะไรมากไปกว่า อุปสรรค ระหว่างเขากับสิ่งที่ต้องการทำให้สำเร็จในคืนนี้
“หายไปซะ”
เสียงหมัดปะทะร่างกายดังกึกก้องในความมืด คละเคล้ากับเสียงลมหายใจเย็นเฉียบของซากิฮิโตะ ที่ไม่ได้เห็นเธอเป็นอะไรมากไปกว่า อุปสรรค ระหว่างเขากับสิ่งที่ต้องการทำให้สำเร็จในคืนนี้
“พวกเขา…กำลังจะลืมตาขึ้น...” น้ำเสียงเรียบนิ่งนั้นแฝงไว้ด้วยแรงกดดันมหาศาล
ร่างสูงของซากิฮิโตะเริ่มพุ่งเข้าหาสตรีตรงหน้าอีกครั้ง ครั้งนี้รวดเร็วยิ่งกว่าเดิม รุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนที่เขาเคยกระทำมา หมัดของเขาไม่ลังเลที่จะพุ่งไปยังจุดหมายโอฟุดะที่เพิ่งถูกดึงออกมา
“ไม่ให้มาขัดขวางหรอกครับ…”
+
“พวกเขา…กำลังจะลืมตาขึ้น...” น้ำเสียงเรียบนิ่งนั้นแฝงไว้ด้วยแรงกดดันมหาศาล
ร่างสูงของซากิฮิโตะเริ่มพุ่งเข้าหาสตรีตรงหน้าอีกครั้ง ครั้งนี้รวดเร็วยิ่งกว่าเดิม รุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนที่เขาเคยกระทำมา หมัดของเขาไม่ลังเลที่จะพุ่งไปยังจุดหมายโอฟุดะที่เพิ่งถูกดึงออกมา
“ไม่ให้มาขัดขวางหรอกครับ…”
+
“ตั้งสติเหรอครับ…?”
คำพูดของอีกฝ่ายไม่ต่างอะไรจากสายลมที่ไร้ความหมาย ไร้สาระ และไม่มีวันเข้าถึงเขาได้อีกต่อไป
สติน่ะเหรอ…?
จะให้เขาคิดถึงมันตอนนี้ หลังจากที่ทุกอย่างได้แตกสลายไปหมดแล้ว?
+
“ตั้งสติเหรอครับ…?”
คำพูดของอีกฝ่ายไม่ต่างอะไรจากสายลมที่ไร้ความหมาย ไร้สาระ และไม่มีวันเข้าถึงเขาได้อีกต่อไป
สติน่ะเหรอ…?
จะให้เขาคิดถึงมันตอนนี้ หลังจากที่ทุกอย่างได้แตกสลายไปหมดแล้ว?
+
ทั้งในคืนที่พ่อแม่ที่พยายามปกป้องเขาทุกวิธีทาง
ทั้งในวันที่ถูกฝังในป่าอย่างโดดเดี่ยว
ทั้งในวินาทีที่ต้องมองมุเซย์เสียสละตัวเองเพื่อเขา
ซาคาอิ…ชื่อที่อีกฝ่ายเรียก…ไม่ใช่ชื่อที่เขาอยากได้ยิน
“ผม...ไม่ใช่เหยื่อของใครอีกแล้ว”
ทั้งในคืนที่พ่อแม่ที่พยายามปกป้องเขาทุกวิธีทาง
ทั้งในวันที่ถูกฝังในป่าอย่างโดดเดี่ยว
ทั้งในวินาทีที่ต้องมองมุเซย์เสียสละตัวเองเพื่อเขา
ซาคาอิ…ชื่อที่อีกฝ่ายเรียก…ไม่ใช่ชื่อที่เขาอยากได้ยิน
“ผม...ไม่ใช่เหยื่อของใครอีกแล้ว”
เมื่อใดก็ตามที่ค่ำคืนนี้จบ ทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ชายหนุ่มที่ยิ้มให้ทุกคน ถูกเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า เด็กที่เชื่อว่าความดีจะเปลี่ยนโลก… และเห็นโลกหันหลังให้เขาอย่างเลือดเย็น
+
เมื่อใดก็ตามที่ค่ำคืนนี้จบ ทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ชายหนุ่มที่ยิ้มให้ทุกคน ถูกเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า เด็กที่เชื่อว่าความดีจะเปลี่ยนโลก… และเห็นโลกหันหลังให้เขาอย่างเลือดเย็น
+
เสียงของมุเซย์คนที่ยื่นมือมา ทว่าเขากลับเป็นคนทำลายคนที่มือนั้น
ก่อนจะเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีทองที่ฉายแวว สงบจนน่าขนลุก
“คุณไม่เข้าใจหรอก”
เงาใต้ฝ่าเท้าค่อย ๆ คลี่ออก ราวกับกำลังสูดกลืนแสงรอบตัวโดยไม่ต้องเคลื่อนไหว
เขาก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว แล้วพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว หมัดขวาพุ่งตรงเข้าใส่อีกฝ่าย
+
เสียงของมุเซย์คนที่ยื่นมือมา ทว่าเขากลับเป็นคนทำลายคนที่มือนั้น
ก่อนจะเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีทองที่ฉายแวว สงบจนน่าขนลุก
“คุณไม่เข้าใจหรอก”
เงาใต้ฝ่าเท้าค่อย ๆ คลี่ออก ราวกับกำลังสูดกลืนแสงรอบตัวโดยไม่ต้องเคลื่อนไหว
เขาก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว แล้วพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว หมัดขวาพุ่งตรงเข้าใส่อีกฝ่าย
+
เสียงฝ่าเท้าเหยียบลงบนพื้นหินแฉะ เงาใต้เท้าขยับกระเพื่อมตามแรงอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่น ไม่ใช่เพราะโทสะ แต่เพราะ เข้าใจดี ว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามจะมองเห็น
เด็กหนุ่มชะงักเพียงชั่วครู่ ร่างกายจู่ ๆ ก็บีบรัดแน่นด้วยความทรงจำเก่า
เสียงนั้น… คล้ายเสียงของคุณทานากะในคืนที่เขาถูกถามว่า ‘เธอ…โอเคไหม?’
+
เสียงฝ่าเท้าเหยียบลงบนพื้นหินแฉะ เงาใต้เท้าขยับกระเพื่อมตามแรงอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่น ไม่ใช่เพราะโทสะ แต่เพราะ เข้าใจดี ว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามจะมองเห็น
เด็กหนุ่มชะงักเพียงชั่วครู่ ร่างกายจู่ ๆ ก็บีบรัดแน่นด้วยความทรงจำเก่า
เสียงนั้น… คล้ายเสียงของคุณทานากะในคืนที่เขาถูกถามว่า ‘เธอ…โอเคไหม?’
+
ซากิฮิโตะพุ่งตัวออกทันที สองเท้าผลักพื้นดิน ตามอีกฝ่ายไปยังเส้นทางศาลเจ้าที่หลบซ่อนอยู่หลังม่านหมอกและเงาไม้ ที่ซึ่ง ‘บางสิ่ง’ กำลังรออยู่
=====คัต=====
(เนื่องจากใกล้เขตศาลเจ้าแล้ว ทางนี้ขออนุญาตจบโรลนะคะ!)
(ขอบคุณที่มาแจมค่าา)
ซากิฮิโตะพุ่งตัวออกทันที สองเท้าผลักพื้นดิน ตามอีกฝ่ายไปยังเส้นทางศาลเจ้าที่หลบซ่อนอยู่หลังม่านหมอกและเงาไม้ ที่ซึ่ง ‘บางสิ่ง’ กำลังรออยู่
=====คัต=====
(เนื่องจากใกล้เขตศาลเจ้าแล้ว ทางนี้ขออนุญาตจบโรลนะคะ!)
(ขอบคุณที่มาแจมค่าา)