ช่วงนี้ติดเกมล่าแย้
Doc: https://url.in.th/AMnkf
หันไปหา ”หมายถึงซื้อ1ปอนด์มาแบ่งครึ่งกับฉันน่ะเหรอ?“
หันไปหา ”หมายถึงซื้อ1ปอนด์มาแบ่งครึ่งกับฉันน่ะเหรอ?“
“ควรทานภายใน2วัน..” อ่านแล้วดูเค้กที่มีทั้งแบบแยกชิ้นและขายเป็นปอนด์ ถ้าซื้อเป็นปอนด์คงคุ้มสุด
ระหว่างส่อง ๆ ก็ดันไปสบตาเจ้าของร้านที่มองด้วยความหวัง
อึ่ก.. จะเปลี่ยนใจไม่ซื้อคงไม่ได้แล้วสิ
คิดแล้วเงยมองชิองที่มาด้วยกัน
“ควรทานภายใน2วัน..” อ่านแล้วดูเค้กที่มีทั้งแบบแยกชิ้นและขายเป็นปอนด์ ถ้าซื้อเป็นปอนด์คงคุ้มสุด
ระหว่างส่อง ๆ ก็ดันไปสบตาเจ้าของร้านที่มองด้วยความหวัง
อึ่ก.. จะเปลี่ยนใจไม่ซื้อคงไม่ได้แล้วสิ
คิดแล้วเงยมองชิองที่มาด้วยกัน
เห็นว่ากลับมาร่าเริงได้ด้วยของหวาน ว่ายังไงดี สมเป็นสาววัยรุ่นล่ะมั้ง
“ก็ผ่านไปสักพักแล้ว หวังว่าจะยังเหลือ”
ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายชวนแล้วก็เริ่มเดินนำไป
พอไปถึงร้านก็ยังเหลือเค้กอยู่จริง คงเพราะมีแต่เหตุการณ์น่ากลัว แม้แต่เค้กครีมสดสตรอว์เบอร์รี่ที่นิยมช่วงคริสมาสต์ก็ยังขายไม่ค่อยดี
+
เห็นว่ากลับมาร่าเริงได้ด้วยของหวาน ว่ายังไงดี สมเป็นสาววัยรุ่นล่ะมั้ง
“ก็ผ่านไปสักพักแล้ว หวังว่าจะยังเหลือ”
ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายชวนแล้วก็เริ่มเดินนำไป
พอไปถึงร้านก็ยังเหลือเค้กอยู่จริง คงเพราะมีแต่เหตุการณ์น่ากลัว แม้แต่เค้กครีมสดสตรอว์เบอร์รี่ที่นิยมช่วงคริสมาสต์ก็ยังขายไม่ค่อยดี
+
”เรื่องปาร์ตี้ น้าไม่ว่าอะไรหรอก“ หยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความบอกน้าตัวเองว่าเพื่อนติดธุระ จะไปส่งเพื่อนก่อน
”ตอนไปซื้อของเจอร้านเค้กลดราคา ไปนั่นก่อนแล้วกัน” บอกชิองโดยที่หน้ายังมองจอ พิมพ์แต่ก ๆ ๆ เสร็จแล้วถึงเงยขึ้นมาว่าอีกฝ่ายตกลงไหม
”เรื่องปาร์ตี้ น้าไม่ว่าอะไรหรอก“ หยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความบอกน้าตัวเองว่าเพื่อนติดธุระ จะไปส่งเพื่อนก่อน
”ตอนไปซื้อของเจอร้านเค้กลดราคา ไปนั่นก่อนแล้วกัน” บอกชิองโดยที่หน้ายังมองจอ พิมพ์แต่ก ๆ ๆ เสร็จแล้วถึงเงยขึ้นมาว่าอีกฝ่ายตกลงไหม
แค่ความกลัวของน้ามันก่อให้เกิดบางอย่างตามไปด้วย
เอย์เก็นฟังแล้วคิดว่าเขาไม่ควรพูดเรื่องนี้ต่อให้เสียบรรยากาศเพิ่ม
“วันนี่ว่างทั้งวันสินะ ไปหาน้ำตาลเพิ่มในกระแสเลือดดีกว่า“ ชวนไปซื้อขนมกินน่ะ
แค่ความกลัวของน้ามันก่อให้เกิดบางอย่างตามไปด้วย
เอย์เก็นฟังแล้วคิดว่าเขาไม่ควรพูดเรื่องนี้ต่อให้เสียบรรยากาศเพิ่ม
“วันนี่ว่างทั้งวันสินะ ไปหาน้ำตาลเพิ่มในกระแสเลือดดีกว่า“ ชวนไปซื้อขนมกินน่ะ
“ไม่รู้สิ น้าพึ่งจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่มีข่าวช่างตัดผมคนนึงโดนลักพาตัวไป ตั้งแต่นั้น น้าก็ไม่ยอมเปิดหน้าต่างหลังมืดอีก”
ชิองน่าจะพอเดาได้ว่าประมาณ 1 ปีเศษ ๆ
“ฉันไม่มีเซนส์ก็เลยคิดว่าน้าแค่วิตกไปเอง แต่วาตานาเบะได้รับผลกระทบแบบนี้ก็..“ เขาผลุบตาลง แอบรู้สึกผิด แต่เขาก็ทำอะไรมากไม่ได้
“ไม่รู้สิ น้าพึ่งจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่มีข่าวช่างตัดผมคนนึงโดนลักพาตัวไป ตั้งแต่นั้น น้าก็ไม่ยอมเปิดหน้าต่างหลังมืดอีก”
ชิองน่าจะพอเดาได้ว่าประมาณ 1 ปีเศษ ๆ
“ฉันไม่มีเซนส์ก็เลยคิดว่าน้าแค่วิตกไปเอง แต่วาตานาเบะได้รับผลกระทบแบบนี้ก็..“ เขาผลุบตาลง แอบรู้สึกผิด แต่เขาก็ทำอะไรมากไม่ได้
“รู้สึกด้วยเหรอ?” เขาถามเสียงเบา
“รู้สึกด้วยเหรอ?” เขาถามเสียงเบา
"...."
"เป็นไงบ้าง?" เอย์เก็นถาม
"...."
"เป็นไงบ้าง?" เอย์เก็นถาม
"ไหวรึเปล่า?" เขาถามเสียงเบา เพราะคนเยอะไป? หรือเพราะเขาพูดเรื่องหน้าต่างเลยทำให้อีกฝ่ายเสียขวัญขึ้นมา
"ออกไปข้างนอกก่อนไหม?"
"ไหวรึเปล่า?" เขาถามเสียงเบา เพราะคนเยอะไป? หรือเพราะเขาพูดเรื่องหน้าต่างเลยทำให้อีกฝ่ายเสียขวัญขึ้นมา
"ออกไปข้างนอกก่อนไหม?"
กำลังทำอะไร?
ทำอะไรอยู่?
และเงาบางอย่างที่ขอบหน้าต่างนั้น..
"อุ้ย ได้กระติกน้ำสุญญากาศจ้า ยินดีด้วยน้า" คุณน้ายิ้มกว้างส่งเสียงขัดจังหวะ เธอหันไปหยิบรางวัลมาให้อย่างรวดเร็ว เป็นกระติกน้ำที่มีลายน้องหมาชิบะตกปลา
เหล่าแม่บ้านในร้านพากันมาต่อแถวบ้าง ส่วนสูงของพวกเขาทำให้ชิองมองไปที่หน้าต่างไม่ถนัดอีกต่อไป
กำลังทำอะไร?
ทำอะไรอยู่?
และเงาบางอย่างที่ขอบหน้าต่างนั้น..
"อุ้ย ได้กระติกน้ำสุญญากาศจ้า ยินดีด้วยน้า" คุณน้ายิ้มกว้างส่งเสียงขัดจังหวะ เธอหันไปหยิบรางวัลมาให้อย่างรวดเร็ว เป็นกระติกน้ำที่มีลายน้องหมาชิบะตกปลา
เหล่าแม่บ้านในร้านพากันมาต่อแถวบ้าง ส่วนสูงของพวกเขาทำให้ชิองมองไปที่หน้าต่างไม่ถนัดอีกต่อไป
"เอ๊ะ? เป็นอะไรรึเปล่า มือติดเหรอ?" 👁️
คุณน้าถามด้วยความ👁️เป็นห่วง มีเสียงจากแม่บ้านคนอื่น ๆ แซว👁️ว่าเธออาจจะตื่นเต้นอยู่ล่ะมั้ง
เอย์เก็นที่👁️คอยมองอยู่ด้านหลังก็พร้อมพาชิองออกไปนอกร้านถ้าหากไม่ไหวจริง ๆ
"เอ๊ะ? เป็นอะไรรึเปล่า มือติดเหรอ?" 👁️
คุณน้าถามด้วยความ👁️เป็นห่วง มีเสียงจากแม่บ้านคนอื่น ๆ แซว👁️ว่าเธออาจจะตื่นเต้นอยู่ล่ะมั้ง
เอย์เก็นที่👁️คอยมองอยู่ด้านหลังก็พร้อมพาชิองออกไปนอกร้านถ้าหากไม่ไหวจริง ๆ
เด็ก ๆ ส่งเสียงร้องดีอกดีใจเมื่อได้ของรางวัลอย่างตุ๊กตาหรือหมอนไป ทีนี้มาถึงตาของชิอง
“เอ้า จับเลยจ๊ะ“ คุณน้ายื่นกล่องที่มีหลุมตรงกลางให้ชิองล้วง
👁️
ท่ามกลางความรื่นเริง มีอะไรบางอย่างกำลังมองมาที่ชิองจากในร้าน
เด็ก ๆ ส่งเสียงร้องดีอกดีใจเมื่อได้ของรางวัลอย่างตุ๊กตาหรือหมอนไป ทีนี้มาถึงตาของชิอง
“เอ้า จับเลยจ๊ะ“ คุณน้ายื่นกล่องที่มีหลุมตรงกลางให้ชิองล้วง
👁️
ท่ามกลางความรื่นเริง มีอะไรบางอย่างกำลังมองมาที่ชิองจากในร้าน
(เลือกเลข1-20มาได้เลย)
(เลือกเลข1-20มาได้เลย)
เขาคอยสังเกตอาการชิอง สักพักก็มีเสียงประกาศจับรางวัลกัน เด็ก ๆ ที่อยู่ในร้านก็พากันไปต่อแถว เป็นบรรยากาศสดใสที่หาได้ยากในช่วงนี้
พอเด็ก ๆ ไปต่อแถวกันหมดแล้ว เอย์เก็นก็หันมาบอกชิอง
“ไปต่อแถวตามเด็กเลย”
ในร้านนี้มีแต่เหล่าแม่บ้านที่เคยมาเสริมสวยร้านนี้และพกลูกมาด้วยเพราะไม่อยากให้อยู่บ้านตามลำพัง
+
เขาคอยสังเกตอาการชิอง สักพักก็มีเสียงประกาศจับรางวัลกัน เด็ก ๆ ที่อยู่ในร้านก็พากันไปต่อแถว เป็นบรรยากาศสดใสที่หาได้ยากในช่วงนี้
พอเด็ก ๆ ไปต่อแถวกันหมดแล้ว เอย์เก็นก็หันมาบอกชิอง
“ไปต่อแถวตามเด็กเลย”
ในร้านนี้มีแต่เหล่าแม่บ้านที่เคยมาเสริมสวยร้านนี้และพกลูกมาด้วยเพราะไม่อยากให้อยู่บ้านตามลำพัง
+
“ผมบอกเขาแล้วว่าจะพามาจับฉลาก น้ารีบจัดเอาขนมออกมากัน เด็กรอแล้ว”
นี่คงเป็นสิ่งที่เอย์เก็นพูดก่อนหน้าว่าไม่ให้มาช่วยฟรี ๆ
“อ๊ะจริงด้วย ขอโทษนะจ๊ะ” น้ารีบหันไปยิ้มให้กับเด็ก ๆ ในร้านก่อนปลีกไปที่โต๊ะวางของรางวัล
เมื่อเอย์เก็นจัดการสถานการณ์ให้แล้วก็หันมาคุยกับชิอง
”น้าเขาก็แบบนี้แหละ ถ้าเขาทักเรื่องหน้าต่างก็อย่าใส่ใจแล้วกัน“
“ผมบอกเขาแล้วว่าจะพามาจับฉลาก น้ารีบจัดเอาขนมออกมากัน เด็กรอแล้ว”
นี่คงเป็นสิ่งที่เอย์เก็นพูดก่อนหน้าว่าไม่ให้มาช่วยฟรี ๆ
“อ๊ะจริงด้วย ขอโทษนะจ๊ะ” น้ารีบหันไปยิ้มให้กับเด็ก ๆ ในร้านก่อนปลีกไปที่โต๊ะวางของรางวัล
เมื่อเอย์เก็นจัดการสถานการณ์ให้แล้วก็หันมาคุยกับชิอง
”น้าเขาก็แบบนี้แหละ ถ้าเขาทักเรื่องหน้าต่างก็อย่าใส่ใจแล้วกัน“
“ไหน ๆ ก็มาแล้ว มาเล่นจับฉลากกันสิจ๊ะ” คุณน้าเดินเข้ามาเชิญชวนชิองด้วยรอยยิ้มดั่งดวงตะวัน
“ไหน ๆ ก็มาแล้ว มาเล่นจับฉลากกันสิจ๊ะ” คุณน้าเดินเข้ามาเชิญชวนชิองด้วยรอยยิ้มดั่งดวงตะวัน
“ขอบใจจ้า หืม แล้วหนูคนนี้?“
เอย์เก็นกลอกตาพยายามจะหานิยายให้ชิอง
“เพื่อนที่โรงเรียน เจอกันระหว่างทาง” ถึงจะยังไม่ทันรู้จักอะไรกันมาก แต่บอกแบบนี้ไปก่อนดีกว่า
“โอ้วว เอย์เก็นพาเพื่อนมาด้วย หายากมาก”
+
“ขอบใจจ้า หืม แล้วหนูคนนี้?“
เอย์เก็นกลอกตาพยายามจะหานิยายให้ชิอง
“เพื่อนที่โรงเรียน เจอกันระหว่างทาง” ถึงจะยังไม่ทันรู้จักอะไรกันมาก แต่บอกแบบนี้ไปก่อนดีกว่า
“โอ้วว เอย์เก็นพาเพื่อนมาด้วย หายากมาก”
+
แต่ชิองก็รู้สึกถึงบางอย่างที่แฝงตัวอยู่ในบรรยากาศรื่นเริงของร้าน
เสียงกระซิบของบางอย่าง?
แต่ชิองก็รู้สึกถึงบางอย่างที่แฝงตัวอยู่ในบรรยากาศรื่นเริงของร้าน
เสียงกระซิบของบางอย่าง?
การเดินไปคุยไปทำให้ช่วงเวลา5นาทีนั้นสั้น ป้ายหลอดหมุนอันเป็นสัญลักษณ์ของร้านตัดผมปรากฏที่หัวมุมถนน
“ถึงแล้ว”
เอย์เก็นหยุดรถที่ร้านนั้น จากการตกแต่งร้านรอบ ๆ ดูเหมือนว่าจะกำลังมีปาร์ตี้อยู่
ด้านในมีทั้งช่างตัดผมและลูกค้ากำลังพูดคุยกันอย่างอบอุ่น
+
การเดินไปคุยไปทำให้ช่วงเวลา5นาทีนั้นสั้น ป้ายหลอดหมุนอันเป็นสัญลักษณ์ของร้านตัดผมปรากฏที่หัวมุมถนน
“ถึงแล้ว”
เอย์เก็นหยุดรถที่ร้านนั้น จากการตกแต่งร้านรอบ ๆ ดูเหมือนว่าจะกำลังมีปาร์ตี้อยู่
ด้านในมีทั้งช่างตัดผมและลูกค้ากำลังพูดคุยกันอย่างอบอุ่น
+
“มาจากคานากาวะ มาต่อม.ปลายที่นี่น่ะ”
สายตากลับมามองของในรถเข็น พยายามประคองไม่ให้มันกระเด้งออกมาตอนเข็นผ่านช่วงรอยต่อถนน
“ช่วงนี้ข่าวน่ากลัวเยอะชะตาย อยู่ ๆ มาช่วยคนไม่รู้จัก ไม่กลัวบ้างเหรอ?”
“มาจากคานากาวะ มาต่อม.ปลายที่นี่น่ะ”
สายตากลับมามองของในรถเข็น พยายามประคองไม่ให้มันกระเด้งออกมาตอนเข็นผ่านช่วงรอยต่อถนน
“ช่วงนี้ข่าวน่ากลัวเยอะชะตาย อยู่ ๆ มาช่วยคนไม่รู้จัก ไม่กลัวบ้างเหรอ?”
รู้ตัวอีกทีก็ถูกความแปลกของชิองช่วยดีดความหม่นหมองจากข่าวที่ผ่านมาออกไปจากหัว
"......" เขาเข็นรถไปตามทาง คิดว่าการเงียบไปตลอดทางคงไม่ดี
"เป็นคนที่นี่ หรือพึ่งย้ายมา?" หันไปถาม
รู้ตัวอีกทีก็ถูกความแปลกของชิองช่วยดีดความหม่นหมองจากข่าวที่ผ่านมาออกไปจากหัว
"......" เขาเข็นรถไปตามทาง คิดว่าการเงียบไปตลอดทางคงไม่ดี
"เป็นคนที่นี่ หรือพึ่งย้ายมา?" หันไปถาม
จัดหญิงสาวเข้าหมวดหมู่ในสมองเงียบ ๆ
“จริง ๆ ก็เดินจากนี่ไปร้านตัดผมใกล้ ๆ ประมาณ5นาที…” ไม่ใช่ปลายเกาะอย่างที่พูดตอนแรก ไม่งั้นเขาคงขาพิการทั้งสองข้าง
“แค่ไม่รู้ว่าวาตานาเบะซังมีเวลาแค่ไหน ถ้าไหว ก็รบกวนด้วย…”
เขากล่าวแล้วเข็นรถให้อยู่ในระดับการเดินเดียวกัน สถานการณ์แบบนี้เขาควรเป็นฝ่ายนำทางมากกว่า
“แต่ไม่ยอมให้ช่วยฟรี ๆ หรอกนะ“
จัดหญิงสาวเข้าหมวดหมู่ในสมองเงียบ ๆ
“จริง ๆ ก็เดินจากนี่ไปร้านตัดผมใกล้ ๆ ประมาณ5นาที…” ไม่ใช่ปลายเกาะอย่างที่พูดตอนแรก ไม่งั้นเขาคงขาพิการทั้งสองข้าง
“แค่ไม่รู้ว่าวาตานาเบะซังมีเวลาแค่ไหน ถ้าไหว ก็รบกวนด้วย…”
เขากล่าวแล้วเข็นรถให้อยู่ในระดับการเดินเดียวกัน สถานการณ์แบบนี้เขาควรเป็นฝ่ายนำทางมากกว่า
“แต่ไม่ยอมให้ช่วยฟรี ๆ หรอกนะ“
พูดก่อนผลุบตาลง ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้มาช่วยถือ เขาก็ลำบากจริง ๆ นั่นล่ะ
”……“
”มิยาคาวะ ห้อง1-E” ยอมแนะนำตัวตอบ
“จะไม่รบกวนวาตานาเบะซังเกินไปเหรอ?“ เขาถามหยั่งเชิงอีกครั้ง ยังไม่บอกปลายทางของตัวเอง
พูดก่อนผลุบตาลง ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้มาช่วยถือ เขาก็ลำบากจริง ๆ นั่นล่ะ
”……“
”มิยาคาวะ ห้อง1-E” ยอมแนะนำตัวตอบ
“จะไม่รบกวนวาตานาเบะซังเกินไปเหรอ?“ เขาถามหยั่งเชิงอีกครั้ง ยังไม่บอกปลายทางของตัวเอง