โดยรวมคือ highly recommended นะ แต่ก็อืม มันมีความ nationalism ตามแบบเกาหลีมาบ้างแหละในช่วงแรก ใครไม่ชอบก็อาจอึดอัดหน่อยแต่ก็นับว่าโอเคเพราะก็เคยผ่านจากนิยายจีนมาเยอะแล้ว 😂

แต่ภาพรวมคือยังอยากแนะนำให้อ่านอยู่ดี มันเปลี่ยนภาพจำนิยายเกาหลีของเราไปโดยสิ้นเชิงเลย (แต่พี่หัวแดงในแฟนอาร์ตที่ตกเราได้ยังไม่โผล่มา ก็จะตามอ่านจนกว่าจะได้ทำความรู้จักกับพี่เค้าแหละค่ะ 😳)

เราอ่านแบบ blinded คือไม่รู้เนื้อหาใดๆ จากสปอยล์มาก่อน แต่เหมือนเห็นผ่านๆ ว่ามันเป็นแนว sci-fi/fantasy แต่ตอนอ่านมันไม่มีความแฟนตาซีใดเข้ามา ดังนั้นจึงเข้าใจว่านี่เป็นนิยาย sci-fi มาโดยตลอด กระทั่งถึงท้ายเล่ม 2 หัวที่ 🤯 มาทั้งเล่มก็เริ่มต่อเข้ากันแบบจิ๊กซอว์เพราะเราเข้าใจ elements เรื่องแล้วว่าความแฟนตาซีมันอยู่ตรงไหน บอกได้เลยว่าคนเขียนวางพล็อตได้ top-notch สุด 🤌

อีกจุดที่อยากพูดถึงและเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เราตัดสินใจอ่านนิยายเรื่องนี้คือการยกเหตุผลที่ว่าทำไมคนถึงต้องลงไปสร้างสถานีใต้ทะเลขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของมลภาวะหลากชนิดบนโลก หรือการละทิ้งแผนการในการออกไปตั้งรกรากในอวกาศแล้วหันกลับมาเลือกใต้ทะเล ทุกอย่างดูมีเหตุผลรองรับและทำให้เราเชื่อแบบนั้นจริงๆ เห็นได้ชัดว่าคนเขียนทำการบ้านมาดีมาก ไม่งั้นก็คงทำงานที่รีเลทกับวงการนี้พอสมควรเลย

ซึ่งมันน่าแปลกเพราะพวกเขาไม่ได้ทำอะไร แค่เดินๆ พูดๆ อยู่ในพื้นที่ปิดล้อม แต่บรรยากาศการเขียนที่ทำให้เราเหมือนได้เข้าไปปีนบันไดกับพวกเขา ได้ติดอยู่ในลิฟต์หรือแอบย่องหนีพวกคลั่งถือปืนมันทำให้เราเหมือนเป็นกรุ๊ปเดียวกับตลคเหล่านั้นไปโดยไม่รู้ตัว รวมถึงการใช้ตลคหญิงให้มีบทบาทสำคัญในทางวิศวกรรมหรือการวิจัยที่สำคัญ สารภาพตรงนี้ว่าในกรุ๊ปแรกเราตกหลุมรักยูกึมอีมากทั้งที่ไม่คิดว่าจะชอบนางมาก่อนอ่ะ 😂

ตัวละครหลักเป็นอะไรที่น่าสนใจ เพราะเอาเข้าจริงในฐานะตัวเอกหมอเค้าไม่ได้เก่งอะไรเลย ความรู้ก็ไม่ได้มาก ร่างกายก็ไม่ได้แข็งแรง แต่เขามีความเป็นมนุษย์จริงๆ เป็นตัวแทนของเราๆทั้งหลายที่อ่านนิยายเรื่องนี้อยู่ว่าเออถ้าคนมันติดอยู่ในสถานการณ์นั้นก็คงทำและคิดอะไรแบบหมอนี่แหละ ในขณะที่คนในกลุ่มของหมอจะมีความพิเศษขึ้นมาซึ่งขับให้โทนเรื่องน่าสนใจ เราอ่านไปแค่2เล่มแต่เราก็ผูกพันกับตลคได้แล้ว

ข้อดีของนิยายเรื่องนี้คือต่อให้คุณไม่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ แต่คุณก็สามารถเข้าใจในสิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญได้จากการบรรยายที่ให้รายละเอียดอยู่อย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะมีภาพประกอบแล้วยังมีชาร์ตตัวละครในหน่วยงานต่างๆ อยู่ช่วงต้นเล่ม ภาษาที่ใช้เข้าใจไม่ยาก แน่นอนว่ายังรักอารมณ์ขันที่แฝงความเสียดสีของหมออยู่ตลอดทั้งเล่ม ช่วงที่อารมณ์ดิ่งเราก็ดิ่งตาม โดยเฉพาะช่วงเล่ม 2 คือมันคือ 🤯 ของแท้

เพราะงั้นมันคือความบ้าคลั่งชนิดหนึ่งที่ค่อยๆ ไล่ระดับบีบคั้นสุขภาพจิตของคุณไปเรื่อยๆ แบบไต่เลเวล ในช่วงแรกยังมีบทขำขันแฝงแทบทุกหน้า อ่านแล้วก็คิดว่าสถานีใต้ทะเลนี่มันน่าสนุกเหมือนกันแฮะ แต่หลังจากที่จู่ๆ ก็มีน้ำรั่วเข้ามา จากสวรรค์ก็กลายเป็นนรกไร้ทางออก เราสามารถจินตนาการภาพและอารมณ์ตลคได้จากน้ำเสียงที่ตัวเอกใช้บรรยายสภาพการณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในตาเขา ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของเรื่อง

ถ้าคุณติดแหง็กอยู่ในสถานีใต้ทะเลลึก3,000เมตร รอบกายมีเพียงกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร กับลัทธิคลั่ง คุณที่เป็นทันตแพทย์คนเดียวในนั้นจะทำยังไง? คำตอบคือคุณต้องเอาชีวิตรอด แต่มันเป็นการพยายามเอาชีวิตรอดจากทะเลลึกสุดเคว้งคว้างและมนุษย์ด้วยกัน ในขณะที่สถานีแสนสงบสุขกลายเป็นสนามแข่งขันเอาชีวิตรอดที่นอกจากต้องแข่งกับเวลาแล้วยังต้องแข่งกับกระสุนปืน ในกระเป๋าคุณกลับมีแค่ตุ๊กตา แมว แล้วก็งู

ถ้าถามว่าจุดที่จูงใจให้คิดว่า okay this is gonna be good คืออะไร ก็คือน้ำเสียงเสียดสีผ่านตัวเอกของเรื่องอย่างหมอพัคมูฮยอนนี่แหละ 'คุณทิ้งขยะลงทะเลมานานปี แต่ตอนนี้กลับอยากทำให้มันกลายเป็นบ้านเพราะสิ่งแวดล้อมบนบกมันไม่เอื้ออีกต่อไปเหรอ ตลกจัง' ซึ่งเราชอบมาก อ่านแล้วมือจีบเพราะหมอพูดถูกทุกคำ ดังนั้นเลยคิดว่าเรามาเจอกันยาวๆ ในเล่มเต็มดีกว่า ซึ่งพอได้อ่านก็ไม่ผิดหวังเลย สภาพคือ 🤯

แรกเริ่มคือสนใจเรื่องนี้เพราะ following รีแฟนอาร์ตหนุ่มหัวแดงคนนั้นโผล่มาหน้า tl บ่อยมากแต่ก็ยังไม่คิดอยากอ่านอะไร จนเห็นว่ามี LC ไทยแล้วและมันเจ๋งกว่านั้นคือ ในขณะที่ประเทศต้นกำเนิดยังไม่มีเล่มโผล่มา แต่พี่ไทยชิงได้สิทธิ์คลอดเล่มน้องนำหน้าเค้าไปก่อนแล้ว แรกๆ เห็นคนไฮบ์ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่หลังเจ็บมาเยอะกับนิยายเกาหลี แต่พอชิมทดลองอ่านไปคือ จอง จ่าย จบ เจอกันตอนเล่มออกนะ 😂